ความเหน็บหนาวค่อย ๆ คลืบคลานเข้ามาช้า ๆ เมื่อ ความมืดเริ่มย่างกรายขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ เสียงยุงและแมลงดังแว่วมาตามลมก่อนที่มันจะเกาะลงบนแขนและขาของคนที่นั่งขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง
ดวงตาสีอำพันทำได้แค่จ้องมองมันผ่านความมืด ไม่ได้ใส่ใจจะตีทำให้ผิวที่ขาวดุจหิมะนั้นมีรอยแดงผุดขึ้นลุกลามไปทั้งตัว
“แม่ครับ...ผมคิดถึงแม่จัง” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกไปกับสายลม เป็นสำเนียงภาษาอังกฤษ หวนคิดถึงแคทรีน่ามารดาผู้ล่วงลับที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ส่วนปราวัฒน์ผู้เป็นบิดาบาดเจ็บสาหัสจนต้องนอนติดเตียงมานานเกือบปี ส่งผลให้เขาต้องทิ้งชีวิตช่วงวัยรุ่นเพื่อตามประณัยมาเรียนรู้งานที่จะต้องรับช่วงต่อจากบิดา
“พี่คะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหลังประตู เมื่อหันไปดูจึงพบกับร่างน้อยของมุกดา เจ้าตัวแสบที่แอบวางยาเขามาขังไว้
ร่างนั้นค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับปิ่นโตเถาเล็กรูปการ์ตูน เด็กสาววางปิ่นโตลงบนพื้นไม้เก่า ๆ ก่อนจะหันไปแกะผ้าที่ปิดปากไว้ออกให้น้ำเหนือ เพื่อที่เขาจะได้ทานข้าวได้สะดวก
“พี่ทานข้าวก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง” เด็กหนุ่มขยับกายถอยหนี ความไว้เนื้อเชื่อใจถูกทำลายไปก่อนหน้า มันจึงทำให้เขาต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น
“หนูขอโทษ หนูรู้ว่าหนูผิดที่หลอกพี่ แต่หนูจำเป็นต้องทำ หนูทนไม่ได้หรอกนะถ้าเกิดบ้านหนูมันถูกยึดไปจริง ๆ ”
“ออกไปให้พ้น ! ” น้ำเหนือตวาดลั่น ทำให้มุกดาต้องเป็นฝ่ายถอยกรูด แต่ถึงจะรู้สึกกลัวยังไง เธอก็ยังต้องข่มใจย่องเข้าไปหาเขาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
ทายาทคนเดียวของปราวัฒน์กรุ๊ป ผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีกลับต้องมาถูกขังให้ตากยุงอยู่แบบนี้ เขาคงจะทรมานน่าดู
“พี่จะโกรธหนูก็ได้นะ แต่พี่ต้องทานข้าวก่อน”
“ทำไม...กลัวฉันจะตายก่อนที่คุณอาจะเซ็นสัญญารึไง” ดวงตาวาวโรจน์ที่มีแต่ความโกรธแค้นจ้องมองใบหน้าของมินรดานิ่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรกับแผนการบ้า ๆ ของผู้ใหญ่เลยสักนิด แล้วทำไมเขาต้องมาชดใช้กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อด้วย
“หนูขอโทษ หนูเองก็ไม่เห็นด้วยกับแผนการของพ่อเท่าไหร่หรอกนะคะ เมื่อคืนหนูก็ไม่ได้ตั้งใจจะวางยาพี่ด้วย แต่พ่อดันมาเห็นซะก่อน...”
“ออกไป...แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก” น้ำเหนือสวนกลับทันควัน ทำให้คนที่ตั้งใจนำปิ่นโตมาให้จำใจต้องเดินกลับไปที่ประตู แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเชือกมันยังพันธนาการข้อมือของเขาอยู่ มุกดาจึงตัดสินใจเข้าไปแกะมันออกให้
“เผื่อพี่หิว พี่จะได้กินได้ง่าย ๆ ”
“...” ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับกลับมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ เมื่อเห็นว่าไร้ซึ่งประโยชน์ที่จะแก้ตัวต่อ เด็กน้อยจึงเดินจากห้องไป เหลือทิ้งไว้แค่ปิ่นโตลายการ์ตูนของตัวเองเท่านั้น
มือหนาค่อย ๆ ขยับช้า ๆ เมื่อเป็นอิสระก่อนที่เจ้าตัวจะรีบแกะเชือกที่มัดตรงข้อเท้าออก เหลือบมองปิ่นโตที่เจ้าตัวแสบนำมาให้โดยที่ไม่ใส่ใจจะเปิดมันออก
เสียงพูดคุยภายนอกกระท่อมดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้น้ำเหนือละสายตาจากปิ่นโตจ้องมองออกไปผ่านช่องไม้เล็ก ๆ เห็นกลุ่มชาวบ้านเดินลัดเลาะมาจากชายป่าอีกฟากแล้วทรุดนั่งลงบนแคร่ไม้เพื่อจะเฝ้าเวรยามและป้องกันไม่ให้เขาหนีไป
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มอนาคตไกลจึงฉุกคิดได้ว่าเขาจะมาตายอยู่แบบนี้ไม่ได้ เพราะถึงยังไงประณัยก็ไม่มีทางเซ็นสัญญาอะไรนั่นอยู่แล้ว สู้หนีออกไปแล้วตายเอาดาบหน้าซะจะดีกว่า
คิดได้ดังนั้น น้ำเหนือจึงค่อย ๆ ออกแรงดึงไม้กระดานผุ ๆ ที่ปิดตายหน้าต่างออก พยายามทำให้มีเสียงเบาที่สุดจนมันกว้างพอที่จะสอดตัวออกไปได้ เพราะประสบการณ์ที่เคยปีนป่ายมาบ้าง มันจึงทำให้เด็กหนุ่มอย่างเขาสามารถลอดผ่านช่องไม้มาได้แม้จะมีบาดแผลเพราะถูกไม้ครูดไปตามสีข้างจนถลอกก็ตาม
“โอ้ย ! ”
ร่างสูงหล่นฟุบลงบนพื้นแข็ง ๆ ทำเอารู้สึกจุกจนร้องเสียงหลงออกมาด้วยความลืมตัว ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่เฝ้าเวรยามอยู่ได้ยินเสียง นึกเอะใจจึงรีบวิ่งไปดูยังต้นเสียงก่อนจะพบว่าน้ำเหนือกำลังวิ่งหนีไปทางชายทะเลอย่างทุลักทุเล
“เห้ย ! เด็กนั่นมันหนีไปแล้ว”