“ดูเหมาะสมกันดีนะ”
“แต่สองคนนั้นเป็นอาหลานกัน แล้วยังจะแต่งงานกันอีก ฉันไม่เอาด้วยหรอก อายคนอื่น”
“นั่นสิ กล้าทำได้ยังไง”
“แต่เขาบอกคนละสายเลือด”
“นั่นสิ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันสักหน่อย”
“แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นอาหลาน อีกอย่างอายุก็ห่างกันขนาดนั้น คุณราชย์ทำไมยอมให้แต่งงานกัน ไหนว่าหวงลูกสาวมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
และวันแต่งงานอันรวบรัดและรวดเร็วระหว่างเอวารินทร์และเหมันต์ก็มาถึง ถึงแม้ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะไม่ได้มีความสุขกันการแต่งงานครั้งนี้แต่คุณราชย์กลับมีความสุขที่ได้เห็นลูกสาวแต่งงานก่อนท่านจะจากไป เขาไม่สนใจคำพูดของคนอื่น เมื่อไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อแบบเขาได้ดีเท่าตัวของเขาเอง
“ขอบใจมากนะเหมันต์...ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ยังไง ช่วยดูแลและอดทนกับเอวาหน่อยนะ แกอาจยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ถือซะว่าเป็นคำขอของคนใกล้ตายอย่างฉัน”
พอถึงพิธีส่งตัวเข้าห้องหอ คุณราชย์ก็เข้ามาอวยพรคู่บ่าวสาวด้วยความรู้สึกขอบคุณ พร้อมกับมองทั้งสองด้วยน้ำตาปริ่มไหล
“พูดอะไรแบบนั้นครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลและอดทนจนกว่าจะถึงวันที่เอวาพร้อม อีกอย่าง จบงานนี้พี่ต้องเข้ารับการรักษานะครับ”
เหมันต์บอกขึ้น เขารักและเคารพคุณราชย์เหมือนพี่ชายแท้ๆก็เพราะคุณราชย์เป็นคนสอนและคอยชี้แนะแนวทางในการทำธุรกิจให้เขาตั้งแต่แรกเริ่มจนประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้
“ส่วนเอวา ตอนนี้ลูกมีครอบครัวแล้วนะ อย่าเอาแต่ใจนักเข้าใจไหม อย่าทำให้เหมันต์ต้องลำบาก ต่อไปนี้ให้เชื่อฟังและคอยดูแลสามี เข้าใจใช่ไหม?”
“คุณพ่อ...”
เอวารินทร์รีบเบนหน้าหนี เมื่อเห็นหน้าบิดาทีไรเธออยากร้องไห้ทุกที เธอยังยอมรับไม่ได้กับการที่ต้องเสียบิดาไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“งั้นพ่อคงต้องขอตัวแล้วล่ะ ขอให้มีความสุขนะ”
คุณราชย์รีบเอ่ยขอตัวและลุกขึ้นเดินกลับออกไปเมื่อถ้าอยู่นานกว่านี้มีหวังเขาได้ร้องไห้แน่นอน
“คุณอาเป็นบ้าแล้วเหรอคะที่มาแต่งงานกับเอวา เอวาเป็นหลานนะคะ”
พอได้อยู่กันสองคน เอวารินทร์ก็ลุกขึ้นหันมาเล่นงานสามีหมาดๆของเธอทันที
“อ่าว ก็อาจะได้ดูแลเอวาไง อีกอย่างอาก็ไม่ใช่อาแท้ๆสักหน่อย เอวาก็รู้นี่”
“รู้ค่ะ แต่ก็ไม่ควรอยู่ดี รู้ไหมว่าคนทั้งงานเอาแต่นินทา เอวาอายคนอื่น”
“อายทำไม พวกนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักหน่อย อีกอย่างอาแค่อยากทำตามคำขอของพี่ราชย์เลยไม่คิดสนใจว่าใครจะพูดยังไง ส่วนเราน่ะก็อย่าไปสนใจเข้าใจไหม?”
และเอวารินทร์ก็ต้องจำใจยอมรับ เมื่อที่เหมันต์พูดมาก็จริง ตอนนี้เพียงแค่บิดาของเธอมีความสุขก็พอแล้ว อย่างอื่นเอาไว้ค่อยจัดการหลังจากนั้น
ส่วนเหมันต์ ตอนนี้เขาไม่โสดแล้วทั้งๆที่เก็บและหวงเอาไว้มาตลอด 40 ปีแท้ๆ เขายอมเสียสละมันไปเพียงเพราะแลกกับการที่ได้ปกป้องเอวารินทร์
“นั่นจะไปไหน?”
เขารีบถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไปจากห้องหอ
“อ่าว ก็ไป...”
“คืนแรก ใครให้ออกจากห้องหอกัน”
“แต่เราไม่ได้...”
“ไม่ได้อะไร...ตอนนี้เราเป็นผัวเมียกันแล้ว ไม่ใช่อาหลานเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“ไหนบอกแต่งเพราะคุณพ่อขอ แล้วทำไมคุณอา...”
“อ่าว ก็แต่งเพราะพี่ราชย์ขอ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าแต่งเอามาเป็นหลานสาวนี่ อาแต่งเรามาเป็นเมีย”
และเอวารินทร์ก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะเธอคิดว่าเหมันต์แต่งงานกับเธอแค่ในนาม แต่ดูท่าจะไม่ใช่เมื่อตอนนี้เขามีท่าทีแปลกๆ เหมันต์เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ย ต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“คุณอา...จะทำอะไรคะ อย่านะคะ เอวาเป็นหลานของคุณอานะคะ...”
“หึหึหึ นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เป็นเมียแล้ว”
“แต่...”
“คืนนี้เข้าหอ และอาก็ไม่ยอมให้การเข้าหอคืนแรกและครั้งแรกในชีวิตของอาผ่านไปเฉยๆหรอกนะ”
หมับ!
เหมันต์เดินเข้ามาประชิดร่างบางพร้อมกับขังเธอเอาไว้กับผนังห้อง ทำเอาเอวารินทร์ถึงกับตกใจเงยหน้ามองเขาด้วยหัวใจเต้นรัว นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายนอกจากบิดาเข้ามาใกล้ชิดเธอขนาดนี้
“จะ...จะทำอะไรคะ...คุณอา...ออกไปไกลๆเอวาเลยนะคะ...”
“อาอยากเข้าหอ...”
เหมันต์บอกขึ้น ก่อนจะจับหน้าเล็กเงยขึ้นมามองเขา เหมันต์ค่อยๆกดจูบลงไปอย่างทะนุถนอม เมื่อเขารู้ว่าเอวารินทร์ยังไม่เคยผ่านมือใครมา
ส่วนเอวารินทร์ ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อจูบแรกของเธอกำลังถูกเขาพรากไป จากอ่อนโยนเขาค่อยๆเริ่มแรงจูบหนักหน่วงและเร่าร้อนขึ้นตามอารมณ์ที่มากขึ้นเรื่องๆของเขา
จากนั้นเธอก็ถูกอุ้มไปที่เตียงใหญ่ ที่โรยเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างไร้การขัดขืน เมื่อเอวารินทร์ตอนนี้กำลังหลงใหลเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาสอนให้
“ต่อไปนี้เอวาเป็นเมียของอาแล้ว เราจะไม่ใช่อาหลานเหมือนที่ผ่านมา แต่จะเป็นผัวเมียกัน เข้าใจใช่ไหม...”
และเธอก็พยักหน้ายอมรับ ก่อนที่จะจูบปากเล็กอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทั้งเร่าร้อนและร้อนแรงจนเอวารินทร์แทบสำลักความกระสัน เธอพยายามตอบสนองจูบของเขาแต่ด้วยไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยทำให้เธอแทบทำอะไรไม่ถูก ต่างจากเหมันต์ เขาทั้งช่ำชองและมีประสบการณ์สูง เพียงไม่นานร่างเล็กก็ไร้ซึ่งเสื้อผ้า ชุดราตรีที่เธอใส่อยู่ถูกถอดโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ร่างสาวขาวโพลนปรากฏขึ้นต่อหน้าจนเหมันต์ที่มองอยู่ถึงกับครางออกมาอย่างพึงพอใจ
“อยากให้อาป้องกันหรือไม่จำเป็นดีล่ะ...เรื่องนี้อาตามใจเอวา...”
เหมันต์ถามขึ้นพร้อมกับถอดชุดที่เขาใส่อยู่ออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ราวกับหินผายืนตระหง่าน แก่นกายชายกำลังผงาดต้องการเข้าไปทักทายดอกไม้งานที่กำลังสั่นไหวและประหม่ากับการที่เขาจะเข้ามาทักทาย
“ใส่...”
และพอได้คำตอบ เหมันต์ก็ควานหาสิ่งที่เขาพกติดตัวมาตลอดตั้งแต่เป็นหนุ่ม ก่อนจะสวมมันเข้าไปในแท่งรักสุดหวงของเขาอย่างชำนาญ
“อาเริ่มนะ”
เขาบอกเธออีกครั้ง และเอวารินทร์ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันหน้าหนี เพราะตอนนี้เธอทั้งอาย ทั้งละอายที่จะต้องมีอะไรกับเขา ผู้ซึ่งเธอเรียกอามาตั้งแต่จำความได้
สวบ...ปึก...
“อ๊ะ! คุณอา อื้อออ คุณอาเอวาเจ็บ!!”
เอวารินทร์ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกสอดใส่เข้าไปในร่องรักสาวที่ไม่เคยถูกใครล่วงล้ำเข้าไปข้างในมาก่อน
“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ฮึ่มมมม ทนเจ็บหน่อยนะ”
ปึก ปึก ปึก
เหมันต์กัดฟันกรอดกับความเล็กแน่นและบีบรัดของเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการมีอะไรกับสาวบริสุทธิ์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องอดทนทำอย่างเชื่องช้าและทะนุถนอมจนทำให้เขาปวดกร้าวไปทั้งเอ็นใหญ่แบบนี้
“คุณอา...เอวาเจ็บ อ๊ะ อื้ออ”
ปึก ปึก
พอได้ยินว่าเธอเจ็บ เหมันต์ก็กดจูบลงไปบนปากเล็กอย่างเร่าร้อน จากนั้นก็ค่อยๆขยับกายเมื่อเขาทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
จากนั้นเหมันต์ก็ไม่ออมมืออีก เมื่อความกระสันและความต้องการอันมากมายของเขาไม่เคยหมดลง ยิ่งมาเจอทั้งสาว ทั้งสวยแถมสดใหม่แบบนี้เขายิ่งมีความต้องการมากมายกว่าปกติอย่างไม่ต้องสงสัย