“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรเหรอคะคุณพ่อ”
พอกลับมาถึงบ้าน เอวารินทร์ก็รีบถามขึ้นด้วยความสงสัยที่เก็บเอาไว้ทันที ก่อนคุณราชย์จะหยุดเดินแล้วหันกลับมามองบุตรสาว
“เอวา พ่อขอโทษนะลูกที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ถามลูกก่อน แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าที่พ่อทำลงไปทุกอย่าง พ่อคิดมาอย่างดีแล้ว...และทุกอย่างก็เพื่อตัวลูกเอง อย่าโกรธพ่อเลยนะลูก”
“อะไรกันคะ...คุณพ่อก็บอกเอวามาสิคะว่าทำอะไร”
คุณราชย์มองเอวารินทร์ด้วยสีหน้าลำบากใจ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ แต่มะเร็งตับระยะสุดท้ายที่พึ่งตรวจพบทำให้เขาไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวได้อย่างที่ต้องการเขาเลยต้องตัดสินใจทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้
“เดือนหน้าลูกต้องแต่งงานกับเหมันต์”
“คะ? มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเอวาต้องแต่งงานด้วย แล้วกับคุณอา...นี่มันเรื่องบ้าบออะไรคะคุณพ่อ!”
เอวารินทร์ถึงกับตกใจกับสิ่งที่บิดาพูด และก็เป็นอย่างที่คุณราชย์คิดว่าลูกสาวของเขาต้องตกใจแน่นอนเมื่อรู้เรื่องนี้
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว”
“ไม่ค่ะ! เอวาไม่ยอมและไม่มีวันยอม!”
เอวารีบปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด
“พ่อขอนะ...”
“ไม่ค่ะ! ยังไงเอวาก็ไม่ยอม เขาเป็นอาของเอวานะคะคุณพ่อ! อายุก็เยอะกว่าตั้งสิบกว่าปี อีกอย่างเอวายังไม่อยากแต่งงานค่ะ”
เอวายืนยันออกมาอย่างหนักแน่น เมื่อเธอไม่มีทางทำแบบนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่ได้สิ้นไร้หนทางถึงขนาดต้องแต่งงานกับอาตัวเองให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน ไม่มีทางเด็ดขาด
“เอวา ฟังพ่อก่อน”
“ไม่ค่ะ! เอวาไม่ฟังและจะไม่ยอมด้วย!”
“เอวา!!! พ่อบอกให้ฟัง!!!”
“คุณพ่อ...”
เมื่อเห็นว่าเอวารินทร์ดูท่าจะไม่ยอมฟังอะไรเลยแบบนั้น คุณราชย์เลยเผลอตะคอกบุตรสาวเสียงดังลั่น จนเอวารินทร์ถึงกับชะงักค้าง สองตาเริ่มมีน้ำตาคอเบ้าออกมาเมื่อนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่บิดาเสียงดังใส่เธอแบบนี้
“พ่อขอโทษ...แต่พ่อจำเป็นต้องทำ...”
“ฮึก...คุณพ่อทำตามใจแบบนั้นได้ยังไง ฮือๆๆ ทำไมกันคะ ฮือๆๆ ผู้ชายมีตั้งเยอะ จะให้เอวาแต่งงานกับคุณอาได้ยังไง ฮือๆๆ”
คุณราชย์ที่เห็นลูกสาวร้องไห้ค่อยๆดึงเธอเข้ามากอดปลอบเมื่อเขาเองก็อยากร้องไห้ไม่ต่างกัน เขาอยากร้องขอต่อสวรรค์ให้เขาได้มีอายุยืนยาวกว่านี้อีกสักหน่อย ขอแค่ได้ดูลูกสาวของเขามีความสุขกับคนที่เธอรัก ขอแค่ได้เห็นหน้าหลานของเขา แค่วันหรือสองวันก็ยังดี แต่ดูท่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างเขา เมื่อเวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือนทำให้เขาต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะจากไป
“ต่อไป ฮึก ต่อไปเอวาจะไม่ดื้อ ฮึก จะไม่เอาแต่ใจอีก แต่...ฮึก แต่อย่าให้เอวาแต่งงานเลยนะคะคุณพ่อ...”
“พ่อขอโทษนะลูก...แต่พ่อมีเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน พ่อแค่อยากเห็นลูกมีความสุขก่อนที่พ่อ...พ่อจะไม่มีโอกาสนั้น...”
“คุณพ่อ...ฮึก...คุณพ่อหมายความว่ายังไง...”
คุณราชย์ค่อยๆดันร่างบางของเอวารินทร์ออก ก่อนจะจ้องมองหน้าลูกสาวด้วยสองตาแดงก่ำไม่ต่างกัน
“พ่อเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย อีกแค่ไม่เกิน 4 เดือนที่พ่อจะได้อยู่กับลูก...”
“พูดอะไรคะ...คุณพ่อพูดอะไรออกมา”
“เอวาลูก...พ่อขอโทษ...”
“คุณพ่อโกหก ฮึก คุณพ่อโกหกเพราะอยากให้เอวาแต่งงานใช่ไหม ฮือๆๆๆ คุณพ่อโกหก ฮือๆๆๆ”
และเอวารินทร์ก็ไม่ฟังอะไรอีก เธอวิ่งหนีขึ้นห้องด้วยสองตานองไปด้วยน้ำตา เมื่อรู้ดีว่าบิดาไม่เคยโกหกเธอมาก่อน
ส่วนคุณราชย์ ที่ตอนนี้ได้แต่มองตามลูกสาวไป ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกแล้วปิดหน้าร้องไห้อย่างหมดหนทาง
“คุณเอวาบอกว่ายังไม่หิวค่ะ เธอไม่ยอมเปิดประตูเลยค่ะคุณท่าน”
“เดี๋ยวเตรียมเอาไว้ ฉันจะจัดการเอง”
ช่วงสายของวันต่อมา เอวารินทร์ที่เอาแต่ขังตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมลงมาทานข้าวจนคนรับใช้และแม่นมต่างพากันหนักใจ ส่วนคนที่รู้สาเหตุค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปเอาถาดจากแม่นมของเอวารินทร์แล้วเดินขึ้นไปยังห้องนอนของลูกสาว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอวาลูก พอเอาอาหารขึ้นมาให้...เปิดประตูให้พ่อหน่อยได้ไหม”
และก็ยังไร้เสียงตอบรับจากข้างในอยู่ดี คุณราชย์รู้ดีว่าเอวารินทร์นั้น ถ้าได้ดื้อแล้วรับรองไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่
เพล้ง!
ผลั๊วะ!
“คุณพ่อ!!”
แค่ได้ยินเสียงแก้วแตก เอวารินทร์ถึงกับผวาวิ่งออกมาจากห้องอย่างไม่ต้องคิด ตอนนี้ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอดูหวาดกลัวไปหมด
“พ่อทำแก้วตกน่ะ”
“คุณพ่อ! ทำไมทำแบบนี้คะ ฮือๆๆๆ คุณพ่อ ฮือๆๆๆ”
และพอเจอหน้าบิดา ความจริงที่เอวารินทร์ไม่อยากรับรู้ก็ถาโถมเข้าใส่ จนคุณราชย์ต้องรีบวางถาดอาหารบนโต๊ะเล็กๆหน้าห้องของเธอ จากนั้นสองพ่อลูกก็ยืนกอดกันร้องไห้อีกครั้ง ชีวิตที่สมบูรณ์แบบนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการมีสุขภาพที่ดี ตอนนี้คุณราชย์อยากแลกทรัพย์สินที่เพียรหามาทั้งชีวิตกับการขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว แต่เขากลับทำแบบนั้นไม่ได้
“พร้อมคุยกันแล้วใช่ไหม?”
“ฮึก...แต่เอวา...”
“ไปเถอะ พ่อมีเวลาไม่มากแล้ว อย่าให้มันเสียเปล่าเลยนะลูกพ่อ...เข้าไปคุยกันในห้องนะ”
และสุดท้าย เอวารินทร์ก็ยอมที่จะใจเย็นแล้วเริ่มที่จะยอมฟังที่บิดาอยากจะพูด
“พ่อพึ่งตรวจเจอเมื่อเดือนก่อน...แต่มันก็ลุกลามจนสายเกินที่จะรักษาแล้ว พ่อก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้...”
“แล้วทำไมต้องให้เอวาแต่งงานกับคุณอาด้วยล่ะคะ ไม่เห็นจำเป็นเลยสักนิด”
“ถ้าไม่มีพ่อแล้ว...พวกที่คอยจับจ้องและต้องการสิ่งที่เป็นของลูกอาจจะเข้ามาทำให้ลูกเดือดร้อน พ่อจะนอนตายตาหลับได้ยังไงถ้าเกิดว่าสิ่งที่พ่อสร้างเอาไว้อาจนำความวุ่นวายมาให้ลูก พ่อต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าถ้าไม่มีพ่อแล้ว ลูกจะยังอยู่ดีและมีความสุขแบบนี้ตลอดไป”
“พูดอะไรแบบนั้นคะ ฮึก ฮือๆ คุณพ่อจะต้องไม่เป็นอะไร เรามีเงินตั้งมากมาย ไปรักษาที่โรงพยาบาลในต่างประเทศกันนะคะ ฮือๆๆ นะคะคุณพ่อ ฮือๆๆ”
คุณราชย์ได้แต่มองเอวารินทร์อย่างหนักใจ เขาไม่น่าเลี้ยงลูกมาเหมือนไข่ในหินแบบนี้เลย พอจะจากไปกลับกลัวว่าลูกจะอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีตัวเองคอยปกป้อง
“แต่งงานกับเหมันต์เถอะนะลูก พ่อไว้ใจแค่เหมันต์คนเดียวเท่านั้น”
“ไม่เอา ฮึก...คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร”
“เอวาลูก...อย่าทำให้พ่อต้องเป็นห่วงสิ...แต่งงานกับเหมันต์ จนกว่าลูกจะยืนด้วยตัวเองได้ จากนั้นทุกอย่างจะเป็นการตัดสินใจของลูก จะหย่าหรือลูกอย่างเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่ลูกรัก เหมันต์สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะยอมทำตามที่ลูกต้องการ...นะ...แต่งงานกับเหมันต์”
และสุดท้าย เอวารินทร์ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เพราะมันคงเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เธอจะสามารถทำให้บิดาของเธอได้