ความจริงอันแสนเจ็บปวด

1370 คำ
“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรเหรอคะคุณพ่อ” พอกลับมาถึงบ้าน เอวารินทร์ก็รีบถามขึ้นด้วยความสงสัยที่เก็บเอาไว้ทันที ก่อนคุณราชย์จะหยุดเดินแล้วหันกลับมามองบุตรสาว “เอวา พ่อขอโทษนะลูกที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ถามลูกก่อน แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าที่พ่อทำลงไปทุกอย่าง พ่อคิดมาอย่างดีแล้ว...และทุกอย่างก็เพื่อตัวลูกเอง อย่าโกรธพ่อเลยนะลูก” “อะไรกันคะ...คุณพ่อก็บอกเอวามาสิคะว่าทำอะไร” คุณราชย์มองเอวารินทร์ด้วยสีหน้าลำบากใจ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ แต่มะเร็งตับระยะสุดท้ายที่พึ่งตรวจพบทำให้เขาไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวได้อย่างที่ต้องการเขาเลยต้องตัดสินใจทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ “เดือนหน้าลูกต้องแต่งงานกับเหมันต์” “คะ? มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเอวาต้องแต่งงานด้วย แล้วกับคุณอา...นี่มันเรื่องบ้าบออะไรคะคุณพ่อ!” เอวารินทร์ถึงกับตกใจกับสิ่งที่บิดาพูด และก็เป็นอย่างที่คุณราชย์คิดว่าลูกสาวของเขาต้องตกใจแน่นอนเมื่อรู้เรื่องนี้ “ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว” “ไม่ค่ะ! เอวาไม่ยอมและไม่มีวันยอม!” เอวารีบปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด “พ่อขอนะ...” “ไม่ค่ะ! ยังไงเอวาก็ไม่ยอม เขาเป็นอาของเอวานะคะคุณพ่อ! อายุก็เยอะกว่าตั้งสิบกว่าปี อีกอย่างเอวายังไม่อยากแต่งงานค่ะ” เอวายืนยันออกมาอย่างหนักแน่น เมื่อเธอไม่มีทางทำแบบนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่ได้สิ้นไร้หนทางถึงขนาดต้องแต่งงานกับอาตัวเองให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน ไม่มีทางเด็ดขาด “เอวา ฟังพ่อก่อน” “ไม่ค่ะ! เอวาไม่ฟังและจะไม่ยอมด้วย!” “เอวา!!! พ่อบอกให้ฟัง!!!” “คุณพ่อ...” เมื่อเห็นว่าเอวารินทร์ดูท่าจะไม่ยอมฟังอะไรเลยแบบนั้น คุณราชย์เลยเผลอตะคอกบุตรสาวเสียงดังลั่น จนเอวารินทร์ถึงกับชะงักค้าง สองตาเริ่มมีน้ำตาคอเบ้าออกมาเมื่อนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่บิดาเสียงดังใส่เธอแบบนี้ “พ่อขอโทษ...แต่พ่อจำเป็นต้องทำ...” “ฮึก...คุณพ่อทำตามใจแบบนั้นได้ยังไง ฮือๆๆ ทำไมกันคะ ฮือๆๆ ผู้ชายมีตั้งเยอะ จะให้เอวาแต่งงานกับคุณอาได้ยังไง ฮือๆๆ” คุณราชย์ที่เห็นลูกสาวร้องไห้ค่อยๆดึงเธอเข้ามากอดปลอบเมื่อเขาเองก็อยากร้องไห้ไม่ต่างกัน เขาอยากร้องขอต่อสวรรค์ให้เขาได้มีอายุยืนยาวกว่านี้อีกสักหน่อย ขอแค่ได้ดูลูกสาวของเขามีความสุขกับคนที่เธอรัก ขอแค่ได้เห็นหน้าหลานของเขา แค่วันหรือสองวันก็ยังดี แต่ดูท่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างเขา เมื่อเวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือนทำให้เขาต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะจากไป “ต่อไป ฮึก ต่อไปเอวาจะไม่ดื้อ ฮึก จะไม่เอาแต่ใจอีก แต่...ฮึก แต่อย่าให้เอวาแต่งงานเลยนะคะคุณพ่อ...” “พ่อขอโทษนะลูก...แต่พ่อมีเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน พ่อแค่อยากเห็นลูกมีความสุขก่อนที่พ่อ...พ่อจะไม่มีโอกาสนั้น...” “คุณพ่อ...ฮึก...คุณพ่อหมายความว่ายังไง...” คุณราชย์ค่อยๆดันร่างบางของเอวารินทร์ออก ก่อนจะจ้องมองหน้าลูกสาวด้วยสองตาแดงก่ำไม่ต่างกัน “พ่อเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย อีกแค่ไม่เกิน 4 เดือนที่พ่อจะได้อยู่กับลูก...” “พูดอะไรคะ...คุณพ่อพูดอะไรออกมา” “เอวาลูก...พ่อขอโทษ...” “คุณพ่อโกหก ฮึก คุณพ่อโกหกเพราะอยากให้เอวาแต่งงานใช่ไหม ฮือๆๆๆ คุณพ่อโกหก ฮือๆๆๆ” และเอวารินทร์ก็ไม่ฟังอะไรอีก เธอวิ่งหนีขึ้นห้องด้วยสองตานองไปด้วยน้ำตา เมื่อรู้ดีว่าบิดาไม่เคยโกหกเธอมาก่อน ส่วนคุณราชย์ ที่ตอนนี้ได้แต่มองตามลูกสาวไป ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกแล้วปิดหน้าร้องไห้อย่างหมดหนทาง “คุณเอวาบอกว่ายังไม่หิวค่ะ เธอไม่ยอมเปิดประตูเลยค่ะคุณท่าน” “เดี๋ยวเตรียมเอาไว้ ฉันจะจัดการเอง” ช่วงสายของวันต่อมา เอวารินทร์ที่เอาแต่ขังตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมลงมาทานข้าวจนคนรับใช้และแม่นมต่างพากันหนักใจ ส่วนคนที่รู้สาเหตุค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปเอาถาดจากแม่นมของเอวารินทร์แล้วเดินขึ้นไปยังห้องนอนของลูกสาว ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เอวาลูก พอเอาอาหารขึ้นมาให้...เปิดประตูให้พ่อหน่อยได้ไหม” และก็ยังไร้เสียงตอบรับจากข้างในอยู่ดี คุณราชย์รู้ดีว่าเอวารินทร์นั้น ถ้าได้ดื้อแล้วรับรองไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ เพล้ง! ผลั๊วะ! “คุณพ่อ!!” แค่ได้ยินเสียงแก้วแตก เอวารินทร์ถึงกับผวาวิ่งออกมาจากห้องอย่างไม่ต้องคิด ตอนนี้ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอดูหวาดกลัวไปหมด “พ่อทำแก้วตกน่ะ” “คุณพ่อ! ทำไมทำแบบนี้คะ ฮือๆๆๆ คุณพ่อ ฮือๆๆๆ” และพอเจอหน้าบิดา ความจริงที่เอวารินทร์ไม่อยากรับรู้ก็ถาโถมเข้าใส่ จนคุณราชย์ต้องรีบวางถาดอาหารบนโต๊ะเล็กๆหน้าห้องของเธอ จากนั้นสองพ่อลูกก็ยืนกอดกันร้องไห้อีกครั้ง ชีวิตที่สมบูรณ์แบบนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการมีสุขภาพที่ดี ตอนนี้คุณราชย์อยากแลกทรัพย์สินที่เพียรหามาทั้งชีวิตกับการขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว แต่เขากลับทำแบบนั้นไม่ได้ “พร้อมคุยกันแล้วใช่ไหม?” “ฮึก...แต่เอวา...” “ไปเถอะ พ่อมีเวลาไม่มากแล้ว อย่าให้มันเสียเปล่าเลยนะลูกพ่อ...เข้าไปคุยกันในห้องนะ” และสุดท้าย เอวารินทร์ก็ยอมที่จะใจเย็นแล้วเริ่มที่จะยอมฟังที่บิดาอยากจะพูด “พ่อพึ่งตรวจเจอเมื่อเดือนก่อน...แต่มันก็ลุกลามจนสายเกินที่จะรักษาแล้ว พ่อก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้...” “แล้วทำไมต้องให้เอวาแต่งงานกับคุณอาด้วยล่ะคะ ไม่เห็นจำเป็นเลยสักนิด” “ถ้าไม่มีพ่อแล้ว...พวกที่คอยจับจ้องและต้องการสิ่งที่เป็นของลูกอาจจะเข้ามาทำให้ลูกเดือดร้อน พ่อจะนอนตายตาหลับได้ยังไงถ้าเกิดว่าสิ่งที่พ่อสร้างเอาไว้อาจนำความวุ่นวายมาให้ลูก พ่อต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าถ้าไม่มีพ่อแล้ว ลูกจะยังอยู่ดีและมีความสุขแบบนี้ตลอดไป” “พูดอะไรแบบนั้นคะ ฮึก ฮือๆ คุณพ่อจะต้องไม่เป็นอะไร เรามีเงินตั้งมากมาย ไปรักษาที่โรงพยาบาลในต่างประเทศกันนะคะ ฮือๆๆ นะคะคุณพ่อ ฮือๆๆ” คุณราชย์ได้แต่มองเอวารินทร์อย่างหนักใจ เขาไม่น่าเลี้ยงลูกมาเหมือนไข่ในหินแบบนี้เลย พอจะจากไปกลับกลัวว่าลูกจะอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีตัวเองคอยปกป้อง “แต่งงานกับเหมันต์เถอะนะลูก พ่อไว้ใจแค่เหมันต์คนเดียวเท่านั้น” “ไม่เอา ฮึก...คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร” “เอวาลูก...อย่าทำให้พ่อต้องเป็นห่วงสิ...แต่งงานกับเหมันต์ จนกว่าลูกจะยืนด้วยตัวเองได้ จากนั้นทุกอย่างจะเป็นการตัดสินใจของลูก จะหย่าหรือลูกอย่างเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่ลูกรัก เหมันต์สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะยอมทำตามที่ลูกต้องการ...นะ...แต่งงานกับเหมันต์” และสุดท้าย เอวารินทร์ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เพราะมันคงเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เธอจะสามารถทำให้บิดาของเธอได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม