CHAPTER 3
กว่าที่พายุร้ายจะพัดถาโถมเข้ามาสาดใส่ตัวของฉันก็เกือบรุ่งเช้าที่ชีวิตของผู้คนต้องตื่นขึ้นมาเริ่มชีวิตในวันใหม่ ในความคิดของฉันเวลานั้นมันช่างเดินช้าราวกับมีใครประวิงเวลาให้มันหยุดเดินยิ่งเมื่อสายตาของฉันหันไปมองคนที่นอนหลับไหล่ข้างกายมีเพียงแค่ผ้าห่มปกปิดส่วนล่างตั้งแต่เอวลงไปเท่านั้น
เขาได้หันตัวไปอีกทางทิ้งเอาไว้เพียงแผ่นหลังใหญ่สีขาวเด่นประดับด้วยรูปสัตว์ปีกขนาดใหญ่ผงาดลวดลายศิลป์ที่สวยงามแฝงไปด้วยความน่ากลัวน่าเกรงขาม
มันเป็นรอยสักรูปนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าเจ้าของจะภาคภูมิใจมากเหมือนเกินที่มีไว้บนตัวของเขา รอยสักที่มีอำนาจสื่อว่าเป็นเจ้าแห่งเวหามีทั้งสายตาและกรงเล็บอันหลักแหลมคมยิ่งเมื่อได้กระพือปีกใหญ่บนนภาอันกว้างขวางมันก็เหมือนกว่าเป็นเครื่องย้ำตอกว่าเขาได้แสดงอำนาจแก่สายตาของผู้คนรอบข้างให้เกรงกลัว ทุกอย่างมันก็ล้วนเป็นตัวตนของผู้ชายคนนี้
“แอล”
เขาเป็นผู้ชายที่นอนข้างฉันในตอนนี้ขณะนี้และก็เวลานี้ ผู้ชายที่มีแต่ความเลวร้าย เถื่อน เจ้าเล่ห์ใครไม่ได้เจอกับตัวเองคงไม่รู้ว่าถ้ามีเขาเข้ามาในชีวิตมันก็เหมือนกับการมีหายนะเข้ามาทำให้ชีวิตถึงขนาดล่มจ่มไม่มีความสงบสุขแม้แต่ชั่วโมงเดียว
นรกไม่มีทางต้องการคนอย่างเขา...
ลมหายใจที่ผ่อนออกมากอย่างแผ่วเบาสม่ำเสมอนั้นทำให้ฉันที่นั่งพิงหัวเตียงมองอย่างโล่งอกนึกเสียว่าการตื่นของฉันจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาอารมณ์เสียอีก อารมณ์โหดร้ายที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงทุกครั้งแต่ทว่ามันกับเป็นคนโดนทุกครั้งทั้งที่พยายามหลีก
“ทำไมฉันถึงโดนทำร้ายมากขนาดนี้” ว่าแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็หลั่งไหลออกมาจนได้ทั้งที่พยายามกลั้นเอาไว้ “ทั้งที่ทั้งหมดฉันไม่เกี่ยว”
แต่ดูสิ... เนื้อตัวขาวผ่องในตอนที่เขาหายไปสามวันนั้น วันนี้มันก็ต้องเปื้อนไปด้วยรอยราคีซ้ำทั่วแสดงให้เห็นสีคล้ำอมเขียวนิดไม่ว่าจะแขน ขา ลำตัวทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือของปีศาจร้ายข้างกายนี่ไม่รวมกับรอยแดงกร่ำสีกุหลาบตามซอกคอเนินอกอีกหลายแห่งเนื้อตัวที่มีรอยจับจองทั่วทุกตารางนิ้ว
ดวงตาที่แสนบอบซ้ำพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาใสที่มันยังดันทุลังจะไหลออกมาจากความบอบซ้ำทางจิตใจถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองเสมอว่าต้องเข้มแข็งอย่าอ่อนแอเด็ดขาดทั้งที่จิตใจมันไม่เป็นแบบนั้นเลยด้วยซ้ำไป
ขอแนะนำตัวเลยแล้วกันว่าฉันชื่อมิชา ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสองมหาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากมีแต่คนรวยๆ เท่านั้นที่เรียนกัน แต่ฉันไม่ใช่ว่าบ้านร่ำรวยอะไรหรอกนะแต่เป็นเพียงว่าฉันได้ทุนมาเรียนแบบฟรีๆ เพื่ออยากให้เวลาจบมีงานทำดีๆ ก็เลยตัดสิ้นใจมาเรียนที่นี้แล้ว...มันก็เท่านั้นแต่ชีวิตในเมืองหลวงก็เหมือนกับคำที่เขาว่าหัวเดียวกระเทียมลีบเพราะในมหาลัยไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันเหตุผลก็ง่ายๆ คือจน
ความจนเป็นสิ่งที่ตัดสินทุกอย่างได้ในมหาลัยระดับท๊อปแบบนี้ถึงแม้ว่าจะมีผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดีเด่นมากเพียงไหนก็ตามแต่เพราะว่าปัจจัยที่ดีเด่นกว่ามันอยู่ที่ฉันไม่ได้มีกระเป๋าใบสวยๆ ราคาเกือบซื้อบ้านได้ทั้งหลัง ไม่ได้ไปต่างประเทศเวลาปิดเทอมเสื้อผ้าไม่ได้ซื้อในห้าง ทุกอย่างที่อยู่บนตัวของฉันนั้นล้วนซื้อจากตลาดนัดเท่านั้นและนี่ก็คือการตัดสินจากคนรวยแต่ก็ช่างเถอะฉันไม่สนใจมากเท่าไหร่แล้วชีวิตฉันก็เปลี่ยนมาหกเดือนเห็นจะได้
เปลี่ยนไปเพราะแอล....
เปลี่ยนไปในทางที่ยิ่งยอดแย่มากกว่าเดิมจากที่ไม่มีใครเสนอหน้าคบอยู่แล้วก็ยิ่งเกิดการรังเกลียดฉันไปมากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะอะไรนะเหรอ เพราะทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉันเป็นเมียน้อยของแอลไง
โชคชะตาของฉันมันถึงห่วยแตกมาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
“สำออยร้องไห้ไรอีก?”
อึก!
เป็นการกลืนน้ำลายเหนี่ยวหนืดลงลำคออย่างลำบากยากเย็นที่สุดที่เคยมายิ่งเมื่อมีมือใหญ่เข้ามาจับที่ต้นแขนของฉัน ฝ่ามือเย็นออกแรงบีบจนเส้นเลือดปูดแสดงออกมาด้วยความน่ากลัว
“…”
“เคยบอกแล้วไม่ใช่ไงว่าอย่าเสนอน้ำตามาให้เห็น?”
ยิ่งเมื่อฉันไม่ตอบความแรงจากฝ่ามือของเขาก็ส่งมาเรื่อยๆ จนใบหน้าสวยเกรงบิดเบี้ยวเจ็บปวดไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ทนไม่อยากส่งเสียงร้องออกมาให้คนตัวใหญ่สมเพช
“ฉะ ฉันเปล่าร้องไห้”
การปฏิเสธแบบส่งๆ ทั้งที่หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ไม่ใช่เพราะอยากโชว์ความโง่เง่าของตัวเองแต่อยากให้เขาไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นต่างหากจึงอยากพูดง่ายๆ ให้จบๆ
“ชั้นตาบอดเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มเค้นออกมาพร้อมแววตาที่ยากหยั่งถึงสี่พยางค์ตรงๆ ง่ายๆ ถูกส่งไป “หรือว่าเห็นว่าโง่?”
“...”
แล้วฉันก็คิดผิด ผิดพลาดหนักมากทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์กับคนตรงหน้าแต่แล้วกับซวยซ้ำซวยซ้อน
“ตอบมิชา”
“โอ้ย!”
นิ้วมือใหญ่บีบเค้นจิกลงบนเนื้อแขนของฉันสุดแรงและเป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็นในเมื่อตัวฉันมันทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ไหวจนถึงต้องเปล่งเสียงร้องที่มีความเจ็บปวดออกมาส่วนมืออีกหนึ่งข้างก็เข้าไปพยายามช่วยแกะนิ้วมือใหญ่ออกจากแขนตัวเองจนเผลอปล่อยผ้าห่มที่ปกปิดตัวอันเปล่าเปลือยของตัวเองออกดีอย่างที่ผ้าห่มนั้นยังอยู่ทรงปกปิดอกของฉันเอาไว้
“…”
ยิ่งเมื่อสบสายตาของแอล สายตาสีนิลดำก็ยิ่งเกิดการหวาดกลัวกลัวว่าเขาจะทำอะไรกับร่างกายของฉันอีกถึงแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกแล้วก็ตาม
“ฉันร้องไห้พอใจหรือยัง”
และแล้วการยอมรับกับเขาเพื่ออยากให้เรื่องมันจบๆ ไม่อยากที่จะต้องมานั่งปะทะอารมณ์รุนแรงแทบบ้าคลั่งกับคนที่ไม่มีเหตุผลเหมือนเขาเพราะแอลสามารถขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาเป็นเรื่องใหม่เพื่อที่จะหาเรื่องได้
“หึ ร้องเพื่อ?”