CHAPTER 2
เมญ่าไม่พูดเปล่าแต่เอานิ้วมือยาวเรียวเข้ามาแตะที่มือของผมเบาๆ จนกระทั้งเธอหันไปพูดอะไรกับพนักงานเพียงครู่เดียวก็มีกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาวางตรงหน้ากลางโต๊ะ
“ก็คงมีเรื่องตามประสาผู้ชายหล่อนั้นแหละ”
ผมตอบเมญ่าจากนั้นเธอก็ทำแผลของผมไปโดยไม่ถามอะไรเซ้าซี้แต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเธอมากกว่าและก็ไม่ได้เกี่ยวกับไอ้โจเนสสามีสุดที่รักของเธอด้วย สายตาของผมหันมาปะทะกับใบหน้าของไอ้ยูที่ดูเงียบผิดปกติไปทั้งๆ ที่มันควรจะส่งเสียงแซวมาด้วยซ้ำไป
“มองหน้ากูหาตีนแดกหรือไงวะไอ้ยู”
“ทำเป็นโหดไปเถอะวะ” ส่งสายตามองค้อนๆ “มึงไปแอบทำอะไรมาอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”
ทำเป็นขู่ไปเถอะครับบอกเลยว่าเจอมานักต่อนักแล้วคนที่ทำเป็นพูดแบบนี้เพื่อให้คู่สนทนาร้อนรนกระวนกระวายใจจนในที่สุดก็สามารถรับรู้ความลับนั้นไปโดยไม่ต้องเสียแรงอะไรสักนิดเดียวมันเหมือนวิธีแบบที่ไอ้ยูทำในตอนนี้ไง
“คนแบบกูไม่มีแอบทำก็ทำแบบเปิดเผย”
“เหรอครับคุณไอ้แอล”
ถึงแม้ว่าเรื่องที่ไอ้แอลคิดจะทำไม่สิมันทำขึ้นมาเรียบร้อยแล้วจะไม่ค่อยทำให้ผมเห็นด้วยมากเท่าไหร่นักแต่ยังไงในเมื่อมันตัดสินใจทำแล้วการห้ามก็คงจะไม่มีวันออกมาจากปากคนอย่างไอ้ยูคนนี้เป็นแน่ เอาวะยังไงผมก็ถูกหลวมตัวไปช่วยมันตั้งแต่ตอนแรกแล้วไงวะ
“ที่สุดครับไอ้ยูแล้วมึงก็ไม่ต้องห่วงว่าคนอย่างกูจะเลิกคบหรือรังเกลียดคนอย่างมึงเลย มันไม่มีวันแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดู”
“เพราะกูเป็นเพื่อนที่ดีของมึงสินะ”
รอยยิ้มหวานจนแทบทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัวผุดขึ้นจากริมฝีปากของไอ้ยูแต่มันก็ต้องหุบลงทันทีไม่ได้ยินประโยคต่อมา
“ไม่วะ มึงเก็บความลับของกูเอาไว้เยอะต่างหาก”
“ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของไอ้โจเนสดังขึ้นแถมมองไปยังไอ้ยู “ตอนจบโคตรพีควะ”
“พีคห่ามึงสิไอ้โจเนส”
ผมพูดขึ้นกับไอ้โจเนสที่เข้ามาเสือกแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แอลแต่มันก็ไม่สนใจหันไปมองหน้าไอ้แอลต่อ ผมสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ารายต่อไปจากผมคงเป็นไอ้แอล
“ส่วนมึงวางแก้วเหล้าแล้วเอามือออกไปห่างๆ เมียกู” โถ่ที่แท้ก็หวงเมีย “ไม่งั้นก็กลับบ้านไปหาเมียมึงซะไอ้แอล...”
“อูย...สุดยอดกูขอคาราวะมึงไอ้โจเนส” นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าประโยคนี้ไอ้โจเนสมันจะกล้าพูดกับไอ้แอลที่นั่งอยู่ข้างกายผมจนทำเอามันเป็นใบ้ไปเลยแต่ไอ้แอลก็ทำเฉยอีกทั้งยังคว้าเหล้าทั้งขวดมาดื่มโชว์เหมือนว่าดื่มน้ำ “ไงมึงถึงกับดื่มเหล้าย้อมใจ?”
“ไม่วะก็แค่เฉยๆ” ผมไม่ว่าเปล่าพลางส่งสายตาไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นพร้อมขยิบตาเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ร่างกายวาดลวดลายการเต้นแสนเซ็กซี่เย้ายวนโยกย้ายส่ายสะโพกไม่ห่างออกไปมากเท่าไหร่แค่เพียงระยะหนึ่ง ถึงแม้เธอจะอยู่ในท่ามกลางแสงไฟสลัวเพื่อนฝูงหลายคนที่ต่างอ้อมล้อมอยู่ก็ตามที “อีกอย่างนะโว้ยยัยนั่นไม่ใช่เมียวะไอ้โจเนส”
ก่อนที่ร่างสูงผอมจะลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่วางขวดเหล้าในมือ ผมมุ่งหน้าออกไปด้านหลังคลับเพื่อเว้นผู้คนที่มากมาย ความจริงแล้วที่แบบนี้ผมไม่ชอบเท่าไหร่นัก ไม่รู้สิถ้าคนอื่นๆ อาจจะว่าผมตอแหลผมไม่สนใจอยู่แล้วที่แบบนี้ล้วนมีอบายมุขหลากหลายจนบางครั้งแทบคิดไม่ถึงว่ามันจะมีอย่างตอนนี้ในซอกตึกซอกมุมต่างๆ ด้านหลังล้วนมีหนังสดแสดงโดยที่ไม่ต้องพึ่งการดูละครด้วยซ้ำไปเพียงแค่เบี่ยงสายตามองอยากดูรสชาติแบบไหนเลือกได้ตามสบาย
เพล้ง!
ขวดเหล้าถูกโยนออกจากมือใหญ่ทั้งที่ดื่มไม่ถึงครึ่งขวดอย่างไม่นึกเสียดายเพียงแค่เขาต้องการมือให้ว่างมาคว้าบุหรี่ยี่ห้อหรูในกระเป๋ากางเกงด้านหลังเข้ามาสูบพิงกำแพงมืดๆ
สายตาสีนิลดำมองสู้เบื้องบนฟ้าที่มีดวงจันทร์กลมสวยส่องสว่าง แสงจันทร์ส่องลงมากระทบผิวเขาเหมือนกับเป็นการถูกโอบกอดก่อนจะมีสายลมเย็นๆ พัดเข้ามากระทบกับใบหน้าขาว
“มายืนทำอะไรคนเดียวคะอยู่ด้วยคนได้หรือเปล่า?”
แต่ความคิดของผมต้องหยุดชะงักลงมาสาวคนเมื่อกี้เข้ามายืนพิงกำแพงด้วยแววตาแวววับมีเสน่ห์ถ้าใช้กับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผม
ฝ่ามือเล็กนั้นเริ่มทำงานโดยค่อยๆ ไต่ขึ้นเข้ามาสอดคล้องวางไว้บนไหล่กว้างทีละนิดๆ ส่วนอีกข้างเธอก็สอดไว้ไปที่เอวสอบของผมเหมือนกัน
“สูบบุหรี่ไม่เห็น?”
ใบหน้าสวยชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานจดจ้องเข้ามามองที่ตาของผมไม่เปลี่ยน แววตาของเธอนั้นเร้าร้อนมากยิ่งกว่าอากาศในทะเลทรายเสียอีก
“ทำไมเย็นชาจังคะ..”
“แต่ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”
คำถามที่เขาถามมามันไม่ได้คำตอบจากเธอหรอกแต่มือเล็กเข้าไปคว้าบุหรี่ที่อยู่ตรงมุมริมฝีปากทิ้งไปจากนั้นเธอก็เข้าไปจัดการครอบครองริมฝีปากหยักได้รูปของผู้ชายรูปหล่อที่เหมือนจะไม่ปฏิเสธการกระทำของเธอเหมือนกันทั้งหมดเลยกลายเป็นการจูบที่ดูดดื่มไปโดยปริยาย
02.55 PM.
แกร๊กปัง!
เสียงปิดประตูห้องที่ไร้มารยาทสุดๆ ที่คนดีๆ เขาไม่ทำกันหรอกเพราะว่าพวกนั้นเขาคงถูกอบรมสั่งสอนมาจากครอบครัวที่ดีว่าไม่ควรใช้สันดานแบบนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครคนอื่นเว้นเพียงแต่เจ้าของเสียงก้าวเท้าที่บอกได้ว่าการเดินของเขามันไม่ใช่การเดินมันเป็นการกระทืบเท้าด้วยส้นมากกว่าด้วยซ้ำ
“อือ” เสียงประท้วงเล็กๆ ดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดของห้อง มือเล็กปัดส่ายเป็นพัลวันเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับที่แสนสุขของเธอแต่มันก็ไม่เป็นดั้งใจเลยกับยิ่งปัดป่ายมากเท่าไหร่ก็เหมือนว่าถูกรบกวนมากเท่านั้นหรือว่ายิ่งกว่า “อือ..จะนอน”
“…”
“อ๊ะ!”
แต่ครั้งนี้สายตาของเธอต้องฝืนขึ้นลืมตาที่ยังง่วงๆ จากนั้นก็ปรับโฟกัสสักพักกะจะมองไปยังเพดานห้องกับพบกับใบหน้าได้รูปของคนที่ไม่อยากเจอประจักอยู่ตรงหน้าเพียงคืบเดียวเท่านั้นแล้วมาก็ไม่ใช่จะค้างอยู่แบบนั้นตลอดเขาก้มลงมาช้าๆ จนตอนนี้ลมหายใจทั้งของเขาและฉันที่ต่างหายใจเป่ารดกันด้วยความปั่นป่วน
“ตื่นมาทำหน้าที่”
เสียงคนด้านบนพูดโดยไม่มีความกระดากปากสักนิดเดียว เหมือนเป็นคำพูดประจำๆ ก็เท่านั้นจากนั้นเขาก็เอื้อมไปเปิดไฟตรงหัวเตียงจึงทำให้เห็นใบหน้าหล่อชัดขึ้นถนัดตา ถึงแม้จะไม่สว่างมากแต่ก็สามารถจดจำสายตาของผู้ที่เหมือนเป็นมัจจุราชของชีวิตฉันมาสามปีแล้วตั้งแต่วันนั้น วันที่เกิดเรื่อง.....
“หรือจะไม่ทำ?”
“ทะ ทำเวลานี้เลยเหรอ?”
เมื่อได้คำตอบที่พอใจใบหล่อก็แสยะยิ้มเหยียดด้วยความเหนือกว่าไม่ว่าจะด้านไหนๆ เขาก็ยังเป็นผู้ชนะสำหรับเธอเท่านั้นและมันก็จะไม่มีวันเปลี่ยน ผมก้มตัวโน้มไปทาบทับเข้ากับซอกไซ้ซอกคอขาวผ่องเพื่อเป็นการยืนยันในคำถามของเธอ ลิ้นร้อนค่อยชิมความหวานโดยการลุกไล่เลียลงตำไปยังเนินอกขาวที่บดเบียดบราเซียสีม่วงเข้มยิ่งขับผิวผ่องขาวขึ้นหลายระดับแม้แต่ความมืดสลัวก็เอาไม่อยู่
ริมฝีปากหยักไล่เลียขึ้นมาจรดกับริมฝีปากบางใต้ร่างกายเขา เธอก็ค่อยเปิดปากยอมรับในการกระทำด้วยความหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่นานนักคนตัวเล็กก็อ่อนระทวยในการกระทำจนทำให้ผมกระตุกยิ้มเล็กๆ ตรงริมฝีปาก
“อื้อ..”
เธอไม่มีวันต่อต้านการกระทำของผมได้ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆ ร่างกายสวยก็ต้องให้ความร่วมมือทุกครั้งจนในขณะนี้ร่างเปลือยราวกับถูกสร้างมาอย่างประณีตเปล่าเริ่มแนบชิดเบียดเสียดเข้าหากันจนมือหนาต่างต้องลูบไล้ร่างกายสวยงามมีส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนกับตัว
ผิวเนียนเรียบตึงตรงส่วนหน้าอกแอ่นขึ้นตามจังหวะที่มือใหญ่บีบเค้นแนบนวด สัมผัสของฝ่ามือใหญ่อุ่นมันช่างเป็นเครื่องกระตุ้นความรู้สึกร้อนๆ วาบหวามให้คล้อยตามการะทำของเขาแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของเธอกับเขาก็ตามแต่
“แอ่นขึ้นอีก อ่าส์” เสียงทุ้มคางกระเส่าออกมาตามความรู้สึก “อย่างนั้นแหละมิชา ดีมาก..”
“อื้อ..อะ แอล”
“มิชาไม่ไหวแล้ววะ เริ่มท่าต่อไปเลย”