CHAPTER 1

1471 คำ
CHAPTER 1 หญิงสาวที่มีรอยยิ้มดุจเทพธิดาผู้แสนน่ารักแฝงด้วยเสน่ห์น่าดึงดูด รอยยิ้มหวานเคลือบด้วยสีชมพูสดใสเหมือนเป็นแสงสว่างให้กับโลกกำลังใช้มือเล็กประคองเค้กก้อนพอประมาณที่มีเทียนรูปร่างสูงเพียงหนึ่งอันปักลงจุดศูนย์กลางของเค้กหน้าหัวใจสีแดงสดที่ด้านล่างมีตัวอักษรเล็กๆ ว่า I love you มันเป็นเสมือนดวงใจบวกกับความรู้สึกของทั้งสองคนรวมกัน                เธอจึงค่อยๆ เดินประคับประครองร่างกายให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่นั่งหันแผ่นหลังให้รับรู้ว่าเธอกำลังเดินมาจนกระทั่งไฟดับจนมองเห็นเพียงแค่สีดำสนิททว่าไม่นานนักไฟก็สว่างขึ้นพร้อมกับดวงตากลมโตสวยราวกับพระจันทร์เต็มดวงที่ใบหน้าโผล่พ้นเค้กครึ่งเดียว                “สุขสันต์วันเกิดนะคะ”                สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเรียกรอยยิ้มหวานของชายหนุ่มสีน้ำตาลอ่อน สายตาสีนิลดำจ้องมองเธออย่างไม่วางตาจนกระทั่งมือใหญ่เอื้อมออกไปยีศีรษะเล็กของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดู                “…”                “เซอร์ไพร์สใช่ไหม?” เธอพูดพร้อมจ้องตากับเขา “แต่เราดีใจมากกว่าที่เซอร์ไพร์สได้สำเร็จ”                “ครับเซอร์ไพร์สมาก”                “รีบเป่าเค้กสิคะอย่ามัวแต่จ้องหน้าสิ” ถึงแม้จะมีประโยครั้งท้ายเป็นเชิงดุมันก็ไม่สามารถห้ามรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้ รอยยิ้มที่บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงไหนในขณะนี้ “เอ้า รีบเป่าเลยนะแอล”                “…”                “อย่าลืมอธิฐานก่อนด้วยนะ”                “เร่งแบบนี้หิวเค้กใช่ไหมเนี่ย?”                “ใช่ค่ะ ยืนมองตั้งนานแล้วนะเนี่ย..” การไม่ปฏิเสธของเธอเรียกรอยยิ้มหวานอันแสนอบอุ่นของเขาอีกครั้ง “แต่ต้องรอให้เจ้าของเป่าก่อนถึงทานได้”                “งั้นเป่าเลย” เขาเป่าเทียนบนเค้กจากนั้นก็คว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที นาทีนี้ไม่สนแล้วว่าเค้กจะเป็นอย่างไรในเมื่อหญิงที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่าเป็นไหนๆ “ขอบคุณนะครับโบว์....”                สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าสะท้อนเข้ากับม่านตาสีนิลดำที่กำลังจดจ้องอย่างไม่กระพริบสายตา มันดูเย็นชาตัดขั้วหัวใจอย่าบอกไม่ถูก เขาเหมือนอยากจะก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจแต่มันก็ทำไม่ได้จนกระทั่งน้ำใสๆ ค่อยๆ เคลื่อนไหวไหลออกจากหางตาช้าๆ                น้ำตาของลูกผู้ชาย...ที่กำลังนั่งมองภาพฉายแบบเคลื่อนไหวตรงหน้า ซึ่งไม่ว่าเขาจะดูกี่รอบกี่ทีจุดจบมันก็เหมือนเดิม                มันก็แค่ความทรงจำ....            ความทรงจำที่ผมอยากลืม....                และแน่นอนว่ามันต้องเกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยและก็เกิดทุกช่วงเวลา มีไม่มากหรอกที่ผู้คนส่วนใหญ่จะเก็บความทรงจำที่ทำให้ตัวเองมีความสุข                แม้กระทั่งชีวิตจะผ่านไปช่วงเวลาไหนแล้วก็ตาม ความทรงจำเหล่านั้นก็ยังเป็นเหมือนแสงสะท้อนที่ทำให้คนเรามองเห็นตัวเองในจุดๆ นั้นที่เคยผ่านมา แต่บางคนก็อยากที่จะลืม ลืมความทรงจำอันแสนชั่วร้ายเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตให้มันผ่านพ้นไปนอกจากที่มันจะเป็นช่วงเวลาอันแสนทรมานเจ็บปวดไปทั้งร่างกายและจิตใจมันยังเกาะกัดกินจิตใจให้มันด่างดำจนแทบไม่มีเหลือเหมือนอย่างผม                “ลืมไม่ได้กูก็จะจำให้ขึ้นใจเอง”                รอยยิ้มที่ผุดขึ้นตรงมุมริมฝีปากหยักสวยได้รูปราวกับพระเจ้าช่างแต่งปั้นรับเข้ากับรูปร่างหน้าตาขาวผ่องถึงแม้จะมีผมสีดำสนิทเคลื่อนปกใบหน้าจนเกือบถึงดวงตาคู่สวยชั้นเดียวก็ไม่สามารถลดออร่าได้ยิ่งเมื่อมือใหญ่หยิบแว่นตาสีดำมาใส่ยิ่งขับจมูกโด่งเป็นสันเด่นขึ้นทันตา                สันกรามที่ไม่ว่ามองทั้งทางซ้ายทางขวาก็สามารถเรียกเสน่ห์ให้กับผู้คนที่พบเจอ มันช่างสมบูรณ์แบบไปหมดแต่น้อยคนนักที่จะรับรู้ว่าเขาเป็นชายคนเดียวกันกับในเครื่องฉายตรงหน้า                “จำไม่ให้ลืม”                ก็แน่นอนเรื่องมันตั้งสามปีผ่านมาอะไรในตัวผมมันก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน มากเหมือนต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวลึกเลยล่ะเพราะผมเลือกที่จะอยู่ก้นเหวมากกว่าอยู่บนฟ้าเหมือนเมื่อก่อนไง หึก็แค่เนี่ยชีวิตจะเอาอะไรมาก ดีเกินไปก็ใช่ว่าจะได้ดีเสียหมดคนดีใช่ว่าจะชนะทุกอย่างได้ในเมื่อโลกนี้มันยังมีอีกด้านให้ได้เรียนรู้และใช้ชีวิตแล้วจะกลัวอะไรกันนักหนาล่ะจริงไหม?                ในเมื่อไหนๆ ก็ต้องตายแล้วก็ขอเลือกทำก่อนตายเพื่อถือว่าเป็นกำไรชีวิตหน่อย ร่างสูงผอมลุกขึ้นจากโซฟาแต่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอของเครื่องฉายที่ยังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้สายตาใต้แว่นสีดำมันไม่ได้เป็นเหมือนเดิม                “แล้วกูก็จะทำแบบเดียวกันเหมือนที่เคยเจอ”                สายตามันมีความแข็งกระด้างประกอบกับแววตาที่รุ่งโรจน์ด้วยแรงโทสะคุกกรุ่นมาเต็มพิกัด ไม่มีใครรับรู้นอกจากตัวเขาว่าข้างใจจิตใจกำลังคิดจะทำอะไรแต่สิ่งที่ประกอบด้านนอกนั้นเขาก็เหมือนกับผู้คนธรรมดาทั่วไป แค่เป็นวัยรุ่นที่มีคนชอบมากหน่อยก็เท่านั้นเอง                ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอยังอยู่คู่กับเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนอกจากมือใหญ่ข้างขวาจะสอดฝ่ามือเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงยีนสีดำเข้มราคาแพงราวกับถ่ายแบบส่วนมือซ้ายฝ่ามือกับกำมัดแน่นเกรงจนสั่นไม่ปล่อยสบายเหมือนอีกข้างจนสุดท้ายก็มีแค่ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือนั้นจรดพื้นอย่างช้าๆ                ร่างสูงผอมก็ก้าวเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังประตูห้องก่อนที่จะขว้างลูกดอกแหลมรอบข้างต่างชโลมไปด้วยเลือดสีแดงสดตรงเข้าเป้าตรงกลางที่แขวนข้างฝาผนังแม่นเหมือนจับวางจากนั้นเขาก็ออกจากห้องที่อยู่มานานถึงสามชั่วโมงโดยไม่หันกลับมามองเหมือนทุกครั้ง... @ VILLAIN CLUB                “เด็ดมาสักที” ในขณะที่กำลังจะหย่อนก้นนั่งเสียงไอ้ยูก็รบกวน “หัดเป็นเต่าหรือไงวะ”                หลังจากที่หายหัวไปหลายวันโดยไม่ได้เสนอหน้าเข้ามาในคลับที่หุ้นกับเพื่อนเอาไว้วันนี้ก็ถือว่าได้เข้ามาเดินเฉิดฉายเสียที คนก็ยังเยอะเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนทั้งชายและหญิงรวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ                “เต่าก็เอาชนะกระต่ายได้ไม่ใช่?” เจ้าของสายตาสีนิลดำตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ ก่อนที่จะหันใบหน้าพร้อมกระดกนิ้วเป็นสัญญาณเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่มด้วยน้ำเสียงเดิมๆ “เอาเหมือนเดิม”                “ไม่เบื่อบ้างไงวะ?”                เสียงราบเรียบของผู้มาใหม่พร้อมกับสาวสวยข้างกายที่รู้สึกว่าทุกๆ จะติดหนึบกันเป็นตังเมไม่ยอมห่างกันสักนิดเดียว ไอ้โจเนสเข้ามานั่งตรงหน้าไอ้ยูแต่ไม่สนใจพวกผมเท่าไหร่นัก สายตาสีเหลืองทองราวกับเหยี่ยวสนใจแต่บัญชีการเงินที่อยู่ในมือ                “เมญ่าทำแผลให้หน่อยดิ”                ผมเองก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามมันแต่หันมาสนใจสาวสวยที่นั่งตรงหน้าตัวเองจากนั้นก็ยื่นมือซ้ายแบให้เธอเห็นอย่างอ้อนสุดสายตาสีนิลดำกะพริบตาถี่เพื่อให้เกิดความน่าสงสาร                “ไอ้แอลเมียกู..”                “ยังไม่ถามเลยว่าเมียใคร” ผมตอบคนเจ้าเย็นชาอย่างรวดเร็ว “มึงนี่หวงหนักแม้กระทั้งเพื่อนรัก?”                “เออ”                เสียงประชดทำให้ฉันขำเล็กน้อย ฉันรู้ดีว่าแอลต้องการที่จะแกล้งโจเนสด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทั้งที่สายตาของเขามันไม่ใช่เลย แอลต้องกลั้นหัวเราะมากขนาดไหนทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแต่แผลในมือของเขานั้นก็ลึกพอสมควรอีกทั้งยังมีคราบเลือดที่แห้งติดฝ่ามือเกรอะกรัง                “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมถึงเป็นแผลขนาดนี้”                เมญ่าไม่พูดเปล่าแต่เอานิ้วมือยาวเรียวเข้ามาแตะที่มือของผมเบาๆ จนกระทั้งเธอหันไปพูดอะไรกับพนักงานเพียงครู่เดียวก็มีกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาวางตรงหน้ากลางโต๊ะ                “ก็คงมีเรื่องตามประสาผู้ชายหล่อนั้นแหละ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม