CHAPTER 6
“ยอมรับแล้วว่างั้น?”
ถึงฝ่ามือใหญ่จะไม่บีบลำคอของฉันแต่ก็ใช่ว่าเขาจะเอามือของตัวเองออกไป มันยังคงคาลำคอของฉันอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าแอลเขาจะคาดเค้นกับผู้หญิงอย่างฉันให้มันได้อะไรขึ้นมา
ความสะใจงั้นเหรอ?
หรือแค่เล่นเอาแค่เพียงความสนุกให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น?
แต่ก็ช่างเถอะยังไงแอลเขาคิดผิดแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
แล้วเรื่องเบื้องหลังอะไรบ้าบอที่คิดว่าฉันมีส่วนเอี่ยวเกี่ยวข้องนั้นอีกมันใช่นะ ฉันรู้ตัวดีว่าไม่เคยทำอะไรเลวร้ายเพราะทุกๆ วันเรื่องเรียนก็ปวดหัวมากพอแล้วก็ฉลาดพอที่จะไม่ไปเกี่ยวอะไรที่ไม่ทำให้ชีวิตเจริญจนตัวเองต้องมาตกที่นั่งลำบากเรื่องนี้
“นะ นายพูดเรื่องอะไร?” คำตอบส่งออกมาจากผู้หญิงหน้าซื่อๆ แต่ความจริงมันไม่ซื่อบื้อตามที่สายตาเห็น “ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายสงสัยและก็ที่นายพูดนะแอล..”
“…”
เขาไม่ตอบในสิ่งที่ฉันพยายามอธิบายเลยอีกทั้งยังมองไปทางอื่นโดยไม่สนใจมีเพียงการทำหน้าตาเบื่อหน่ายอย่างเต็มทนแต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ก็ต้องคุยให้รู้เรื่องไปข้างหนึ่งให้ได้
“ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งหรือว่านายจะคาดครั้นฉันอีกกี่หนทุกอย่างมันก็ยังเป็นคำตอบเหมือนเดิมคือฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เรื่องที่นายกำลังพูดถึง ไม่เกี่ยวเลย..”
“ไม่เกี่ยวเลยใช่ไหม?”
ผมเบื่อที่จะต้องฟังความแก้ตัวของผู้หญิงคนนี้อย่างเต็มทน เบื่อเสียงของเธอ เบื่อแววตาที่ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้งมันก็ไม่มีความจริงจังเลยทุกครั้ง
“อืม ไม่เกี่ยว” ฉันพยักหน้าหลายครั้งหลายหน “แล้วก็ไม่อยากพัวพัน”
“หึ..”
เขายังจับจ้องฉันด้วยสายตาเขม็งเหมือนฉันเป็นโรคร้ายสำหรับแอลแล้วก็ไม่มีคำพูดอะไรเพื่อให้ทุกอย่างมันกระจ่างขึ้น แต่แล้วมันก็ดีหน่อยเมื่อแอลถอนฝ่ามือออกจากลำคอทำให้ฉันสามารถหายใจได้สะดวกสบายขึ้นมากจากนั้นเขาก็ลุกออกจากการคร่อมฉันเปลี่ยนไปนั่งปลายเตียงแบบนิ่งๆ นิ่งมากจนฉันคิดว่ามันไม่ใช่ตัวตนของแอลด้วยซ้ำไปแต่ก็ช่างเถอะเมื่อเป็นอิสระจึงลุกรีบหยิบผ้าขนหนูฝืนใหญ่ที่ถูกวางพาดเอาไว้ข้างเตียงมาพันร่างกายที่เปล่าเปลือย
ร่างกายของฉันมันไม่พักดีชอบบรรยากาศเย็นแบบในห้องนี้เท่าไหร่ฉันถึงต้องรีบทำตัวให้อบอุ่นเอาไว้เพื่อไม่อยากให้ความไม่สบายมาเยือน
“…”
“จะลุกไปไหน” ผมใช้มือคว้าแขนมิชาแล้วกระตุกแรงจนกระทั่งร่างเล็กเซทรงตัวไม่อยู่จนมานั่งบนตักของตัวเองพอดี “คิดว่าพูดจบแล้ว?”
“เอ่อ...”
เป็นครั้งแรกที่หัวใจด้านซ้ายของตัวเองแทบจะหลุดออกมาจากร่างกายเพราะมันเต้นรุนแรงมากเป็นพิเศษแล้วก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นเคยที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับแอล
“มิชา..”
นี่ผมถามคนใบ้หรือไงวะถึงได้เพียงแค่คำว่าเอ่อ.. ในเมื่อถามมันก็ต้องได้คำตอบอย่างอื่นสิว่าไหม? แล้วสิ่งที่ยัยนี่ทำมันคือ?
“เออ...เอ่อ..”
“ตอบ..”
“กะ ก็ถามมาดิ”
ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้มานั่งตักคนอย่างแอล ถึงทุกคนจะงงอยู่ว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างฉันและแอลถึงแค่ฉันนั่งตักแล้วฉันยังอึ้งมันเป็นเพราะฉันไม่เคยนะสิ ไม่เคยนั่งสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกอีกทั้งยังมาท่อนแขนของเขาเข้ามาล็อคเอวของฉันไว้อีกชั้นอย่างแน่นหนา
“เมื่อกี้เธอบอกไม่อยากพัวพัน?”
“ใช่” ฉันตอบรับถึงเรื่องที่คุยค้างเอาไว้ก่อนหน้าที่แอลจะเปล่าฉันให้เป็นอิสระ ถึงแม้น้ำเสียงเขาจะเป็นเหมือนเดิมไม่เพิ่มเติมความหวานหรือความอบอุ่นอะไรทั้งนั้นแล้วฉันเองก็อยากจบๆ เรื่องพวกนี้สักทีจะได้ไปจากเขา “ทำไมเหรอ?”
“ไม่ทำไมหรอก”
“อ้าว”
แล้วเขาจะถามขึ้นมาเพื่ออะไรไม่ทราบ ถามแล้วก็ปฏิเสธแบบนี้ในตอนที่ฉันถามกลับบ้าง ผู้ชายคนนี้เป็นโรคประสาทหรือยังไงถึงได้ชอบกระตุ้นอารมณ์โทสะของคู่สนทนาให้คุกกรุ่นอยู่เรื่อยไปแบบนี้แล้วตอนนี้ฉันก็อยากบีบคอขาวๆ ของแอลกลับเหมือนกัน
“เอาไฟแช็กมาให้หน่อย”
ฉันเอื้อมมือไปหยับไฟแช็กอันหรูหราประจำตัวของแอลที่วางอยู่บนหัวเตียงมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทำทียื่นให้กับเขา ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าหมอนี่ติดบุหรี่ยิ่งกว่าอะไรดีไม่สูบสักสองชั่วโมงก็คงลงแดงตายมั้ง
“อะ”
ผมยังไม่หยิบไฟแช็กที่มือของมิชา มือของเธอยังคงค้างคาบนอากาศแบบนั้นโดยที่เธอก็ไม่ได้เอ่ยประโยคพูดอะไรตามมาเหมือนกัน ที่ผมยอมปล่อยมือออกจากลำคอของเธอไม่ใช่ว่าผมจะเลิกทำชั่วเพียงเพราะได้ยินคำโกหกต่างๆ นานาที่มิชาพูดออกมาแก้ตัวด้วยสายตาจริงจังแต่ว่ามันมีประโยคหนึ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เธอพูดออกมาอย่าสิ้นเชิง
มิชาบอกเธอไม่เกี่ยว แล้วก็ไม่อยากพัวพัน ไอ้ประโยคนี้แหละ แล้วก็ไม่อยากพัวพัน มันแสดงว่าตอนนี้เธอยังพัวพันกับเรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้นกับผมอยู่
“หึ” รอยยิ้มเหยียดปรากฏได้ชัดเจน “ชั้นก็แค่อยากจะถามว่า...ไอ้ประโยคที่เธอบอกว่า ไม่เกี่ยว... แล้วก็ไม่อยากพัวพัน มันหมายความว่าไงมิชา”
ตึก!
ไฟแช็กร่วงลงกระทบสู้พื้นกระเบื้องจนหายไปใต้เตียงนอนใหญ่ที่ฉันและแอลนั่งอยู่ ฉันรับรู้ได้ทันใดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันเป็นช่องโหว่ชั้นดีที่สามารถให้คนเจ้าเล่ห์อย่างแอลเข้ามาหาเรื่องได้อย่างไม่อยากนัก เกลียด! ฉันเกลียดความฉลาดเป็นกรดของแอลจริงๆ
“…”
“ว่าไงมิชามันหมายความว่า... เธอเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ชั้นสงสัยมาตลอดใช่ไหม? เหอะ ไหนไม่อยากพัวพันแต่แล้วเธอกับเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง พัวพันกับเรื่องเหี้ยๆ พวกนั้นที่เกิดขึ้นอย่างเต็มๆ คำปฏิเสธของเธอนั้นช่างโง่จริงเลยวะ อย่าคิดว่าชั้นจะโง่ให้เธอหลอกซ้ำ!”
“มะ ไม่ใช่นะ!”
“แล้วจะอยู่กับชั้นเพื่ออะไร?”
“ฉัน..”
“เพื่อไถ่โทษที่รู้สึกผิดงั้นเหรอบอกเลยว่ามันไม่มีทางแทนกันได้เพราะเธอมันเป็นตัวการ ตัวการที่ทำให้ไอ้ชินมันแย่งโบว์ไป...”
“แอล...”
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้ว่า...คืนนั้นเธอบอกให้ไอ้ชินเข้ามาจีบโบว์อีกทั้งยังป่าวประกาศว่าเพื่อนตัวเองดีอย่างโน้นอย่างนี้ ร่ำรวยมากมายมหาศาลแค่ไหน!”
“…”
“ทั้งๆ ที่ชั้นก็อยู่ตรงนั้น บอกเลยเหี้ยวะ!”
ตุ๊บ