CHAPTER 9
สายตาตาสีนิลดำสนิทที่อยู่ภายใต้แว่นตาสีชาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ตามจุดที่ดวงตากำลังโฟกัสด้วยความสนใจถึงแม้คนที่เขากำลังจับจ้องจะนั่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเองไปเลยก็ตามแต่แล้วทำไมในความรู้สึกของเขานั้นมันช่างห่างไกลกันเหลือเกินไกลมากอีกทั้งเขาเองอาจไม่สามารถเข้าไปในความทรงจำของเธอได้...
หญิงสาวที่มีรอยยิ้มหวานอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขาหลงใหล รอยยิ้มนั้นมันดูมีความอบอุ่นดั่งสายลมอ่อนๆ ที่แสนหวานหรือไม่ก็เหมือนสายน้ำสายเล็กๆ ที่เข้ามารดต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งอย่างตัวผมให้กับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งแต่นั้นมันก็คืออดีต
“ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ?”
และแล้วสายตาของผมก็เปลี่ยนมาโฟกัสให้กับผู้หญิงที่ตอนนี้มายืนอยู่ตรงข้างโต๊ะ เธอยืนทื่อเหมือนกับหุ่นยนต์เคลื่อนที่จนผมค่อยๆ เคลื่อนแว่นตาลงมายังจมูกนิดๆ แต่ไม่ได้ถอดแว่นก็พบว่าแก้มใสระเรื่อของเธอมีสีแดงขึ้นทันตา นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าเขินแต่ก็เอาเถอะผมจะคิดเสียว่าเป็นอาหารตาทั้งนี้เธอยังไม่ได้ส่งเมนูในมือมาให้ผมจะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ
“เมนู?”
“เอ่อ... นี่ค่ะ”
พอชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าลูกค้าขอเมนูขึ้นมามือเล็กก็รีบส่งให้ทันทีด้วยความรีบด่วนก่อนที่จะใช้สายตาเล็กๆ ของตัวเองสังเกตว่าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าลูกค้าคนนี้เขาโคตรดูดีราวกับพระเจ้าช่างแต่งปั้นออกมาเหลือเกินถึงแม้ภายนอกจะแต่งกายด้วยสีดำทั้งหมดก็เถอะแต่ออร่ายังประกาย
สีดำที่ว่าเป็นสีแห่งความซอกซ้ำเศร้าหมองไม่รู้จักจบสิ้นรวมถึงมันยังไม่เป็นมงคลเท่าไหร่ในสายตาของผู้คนทั้งหลายแต่เมื่อมาอยู่ประดับในตัวผู้ชายคนนี้ก็กับพบว่ามันช่างสีเสน่ห์น่าหลงใหลน่าดึงดูดน่าค้นหาอย่างมากมายอีกทั้งยังช่วยขับผิวขาวๆ ที่ซุกซ่อนใต้เสื้อให้เปล่งประกายเพิ่มมากขึ้นต่างหาก...
“ขอกาแฟดำหนึ่งแก้วครับ”
“ดะ ได้ค่ะรอสักครู่นะคะ”
ริมฝีปากได้รูปขยับช้าๆ ตามสไตล์โดยที่ไม่ได้สนใจคนรอบข้างมากนักเพียงแต่สายตาเขาก็ไปโฟกัสกับจุดมุ่งหมายที่ได้สะท้อนในแว่นตานั้นกับมีเพียงผู้หญิงเจ้าของรอยยิ้มสวยที่นั่งห่างออกไปเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นเอง
ภายในร้านกาแฟหรูที่มีบรรยากาศเย็นเฉียบสะท้อนกับอากาศข้างนอกที่แสนร้อนระอุแม้จะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วตั้งนานอีกทั้งยังตั้งอยู่ภายในห้างใหญ่โตที่ตกแต่งได้อย่างทันสมัยนับได้ว่าเป็นทำเลทองของธุรกิจเลยก็ว่าได้ทั้งการเดินทางที่แสนสะดวกสบายรองรับนักท่องเที่ยวได้มากแบบไม่มีทางแย่งกันเรื่องที่จอดรถ
“กาแฟดำได้แล้วคะ”
แก้วเล็กที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายวางอยู่ตรงหน้าผมบอกได้ว่ามันชวนให้น่าดื่มไม่เบาตามสไตล์คนที่ชอบกาแฟดำคงรู้ดีไม่มีอะไรที่จะมีความสุขใจมากไปกว่านี้ ไม่มีใครมากนักจะรับรู้ว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในเรื่องของกาแฟขนาดอยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ด้วยซ้ำ
“ขอบคุณครับ” มุมปากหยักยกขึ้นยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท
“เอ่อ...”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ก็พนักงานสาวคนเดิมยังไม่ย่างก้าวออกไปจากโต๊ะผมเลยแล้วจะให้ผมยกกาแฟขึ้นมาดื่มได้อย่างไรอีกทั้งยังเหมือนจะถามอะไรต่อแต่ดูเหมือนไม่กล้าพูด
“คุณใช่... เอ่อ แอล 7 VILLAIN…”
“ใช่ครับ”
การยอมรับเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผมไล่เธอคนนี้ทางอ้อมไปอย่างไม่มีเหตุผลอื่นที่ปฏิเสธอีกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้กล้าเข้ามาถามก็เพราะว่าผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ดูไม่เย็นชาและตอบคำถามมากเป็นพิเศษในบรรดาทั้งเจ็ด
ไม่มีใครที่จะไม่มองหรือให้ความสนใจผมส่วนใหญ่อาจจะรูปจักผมในเว็บต่างๆ ที่วัยรุ่นชอบแชร์ในอินเตอร์เน็ต รู้จักด้วยการถูกเล่าปากต่อปากบ้างแต่จะมีส่วนน้อยมากที่จะรู้จักตัวตนของผมดีว่าเป็นเช่นไร
แต่ส่วนมากวัยรุ่นผู้ชายจะรู้ว่าผมเลวร้ายมากแค่ไหนในกลุ่ม 7 VILLAIN
ความเลวร้ายความชั่วที่แทบนรกยังเรียกว่าน้องถ้าพวกผู้หญิงได้เห็นจะแทบไม่อยากเข้ามาย่างกายพูดทำความรู้จักหรือไม่ก็จะไม่อยากเป็นทั้งคู่นอนเลยด้วยซ้ำไป
การรับไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเธอจะต้องปฏิเสธเว้นเพียงแค่คนเดียวที่ไม่ว่าผมจะชั่วช้าสารเลวมากเพียงไหนก็เห็นว่าเธอทนได้เสมอนั่นก็คือมิชา เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ผมทำทุกอย่างให้เห็นภายในเวลาหกเดือนที่อยู่ด้วยกันมา
การทารุนเธอเป็นสิ่งที่คนอย่างผมต้องการมากที่สุดความเจ็บปวดเจียนตายที่ในทุกครั้งเธอแสดงให้เห็นผ่านดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอีกทั้งในบางครั้งก็มีน้ำตาไหลออกมาบอกความเจ็บปวดแต่คนอย่างผมก็ใช่ว่าจะสนใจไม่ก็บอกแล้วว่าสิ่งที่ต้องการจากเธอก็คือความเจ็บปวดทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่!
การกระทำอันต่ำช้ามากจนแทบเรียกได้ว่าเลวสุดติ่งที่ผมได้เห็นได้ยินจากผู้หญิงคนนี้เมื่อสามปีก่อนมันยังติดตามมาหลอกหลอนวนเวียนภายในหัวสมองทุกวันนี้ก็ยังบอกได้เลยว่ามันไม่เคยจืดจางไปไหนด้วยซ้ำยิ่งกว่านั้นยังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันก็คอยติดตามลงโทษมิชาจากการกระทำดังกล่าวของเธอทุกวันๆ และต่อจากนี้ไปมันก็ไม่ใช่แค่เพียงน้ำจิ้มแต่มันจะค่อยๆ กัดเซาะเข้าเนื้อตัวอย่างจริงจังเสียที
“แล้วเธอจะได้รู้ว่าคนที่ถูกแย่งมันเป็นยังไง”
สายตาเกรี้ยวกาจสีนิลดำเผยออกมาอย่างยากที่จะยับยั้งได้ถึงแม้จะอยู่ใต้แว่นตาสีชาตัวใหญ่ก็ตามแต่
“อะไรนะคะ?”
“อยู่เหรอ?”
“…”
หน้าชาเหมือนถูกตบด้วยไม้หน้าสามเกิดขึ้นจากประโยคคำพูดของผู้ชายที่เรียกได้ว่าเหมือนจะดูใจดีไม่ดูเย็นชาแต่... มันกับไม่เป็นอย่างงั้นเลยในความเป็นจริงที่ได้ยินมาจากคนอื่นๆ เธอจึงเลือกที่จะเดินออกไปช้าๆ เงียบๆ ผ่านเสียงคุยต่างๆ นานา
“แกนั้นใช่หนึ่งในกลุ่ม 7 VILLAIN หรือเปล่า?”
“ใช่อ่ะ โชคดีมากที่ฉันเลือกมานั่งดื่มกาแฟร้านนี้ คนอะไรหล่อลาก”
“โคตรดูดีอ่ะ”
“ขาวอะไรเบอร์นั้นอยากเข้าไปถามว่าเคยออกแสงแดดบ้างไหม”