CHAPTER 10
“แกนั้นใช่หนึ่งในกลุ่ม 7 VILLAIN หรือเปล่า?”
“ใช่อ่ะ โชคดีมากที่ฉันเลือกมานั่งดื่มกาแฟร้านนี้ คนอะไรหล่อลาก”
“โคตรดูดีอ่ะ”
“ขาวอะไรเบอร์นั้นอยากเข้าไปถามว่าเคยออกแสงแดดบ้างไหม”
“ฉันว่าขาวจนผู้หญิงต้องอาย”
“ผัวแห่งชาติ”
และแล้วเสียงซุบซิบก็เริ่มดังขึ้นทีละนิดๆ พร้อมกับสายตาหลากหลายคู่ต่างมุ่งมองไปยังชายชุดดำคนดังกล่าวที่กำลังนั่งดื่มกาแฟจนเรียกความสนใจให้กับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสาวคนสนิทผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มหวานให้เบี่ยงสายตามองบ้างแล้วมันก็ทำให้เธอพึ่งพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเป้าหมายที่เป็นผู้ชายคนดังกล่าวที่เป็นหัวข้อให้ผู้คนรอบข้างพูดถึงกันอย่างล้นหลาม
รัศมีความหล่อเหลาบอกเลยว่าอยู่ในระดับที่เรียกว่าได้รับคะแนนเต็มอีกทั้งรูปร่างสมส่วนรวมๆ แล้วตรงสเป็กของเธอเลยก็ว่าได้จึงรีบสะกิดแขนเพื่อนรักที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามเธอทันทีที่อยากให้เพื่อนช่วยสแกนหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าออกความคิดเห็นในเรื่องผู้ชาย
“หล่อไหมยัยโบว์?”
“…”
“ยัยโบว์ฉันถามว่าหล่อไหมผู้ชายคนนั้น”
ไอวี่พูดขึ้นอีกครั้งจนเรียกได้ว่าแทบตะคอกก่อนที่จะยกแก้วชาเขียวนมเมนูประจำขึ้นมาดื่มแต่สายตาของหล่อนก็ยังไม่ละสายตาไปจากผู้ชายคนที่เธอพึ่งจะถามฉัน
“ไม่อยากดู”
เสียงหวานตอบอย่างเรียบๆไม่แม้แต่จะเบี่ยงสายตาหันไปมองด้านหลังสักนิดเดียวภายนอกที่แสนหวานแต่ตัวจริงเธอดูหยิ่งทะนงตัวมากเป็นพิเศษยิ่งเมื่อได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆ พูดคุยกันถี่ขึ้นๆ จนมันเกิดเป็นเสียงดังสนั่นพอสมควรแต่ในความคิดเธอผู้ชายสมัยนี้ใช่ว่าจะมีคนเดียวเสียเมื่อไหร่กันที่หล่อเหลาก็เห็นมีเยอะแยะเกลื่อนเมืองอีกทั้งยังมีหล่อลากแต่องค์ประกอบไม่ได้เรื่องก็ถมเถไป
“สแกนให้เพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ไง?”
เสียงถอนหายใจยาวเป็นพิเศษด้วยความจงใจแสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่มีสิ่งใดกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ยัยโบว์แสดง
“…”
“นะยัยโบว์...”
เสียงออดอ้อนที่ไอวี่ใช้ทำประจำในยามที่อ้อนฉันทำอะไรสักอย่างและเธอก็อยากให้มันสำเร็จจึงงัดลูกไม้นี้มาใช้บ่อยๆ จนตอนนี้ฉันเองก็จดจำได้
“...”
“แกก็คิดเสียว่าดูเป็นอาหารตาอาหารใจบ้างก็ไม่แปลกอะไรไหมยะหล่อน” ฉันพูดประชดให้กับคนตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวสวยแห่งคณะนามว่าโบว์เพื่อนสนิทในช่วงสองปีหลังจากที่พึ่งย้ายมาเรียน ยัยนี่มาอยู่กับฉันทุกวันทั้งวันที่มีเรียนและไม่มีเรียน “ผัวแกคงไม่ฆ่าหรอก!”
“ผัว?”
แล้วฉันก็ทำให้ยัยโบว์พูดทวนขึ้นได้อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้เอาแต่เงียบงันไม่ตอบสนองอะไรแม้แต่น้อยเพียงพูดเอี่ยวถึงบุคคลที่สามก็เปิดปากขึ้นจนฉันแทบหมั่นไส้
“อย่าบอกนะว่าแกไม่มียัยโบว์รู้ไหมว่าสมัยนี้ใครๆ ก็พูดผัวกันทั้งนั้นแหละและที่เห็นว่าเรียกแฟนส่วนมากนอนด้วยกันทั้งนั้นโลกนี้จะเชื่ออะไรได้ยะ”
ใช่สมัยนี้อายุสิบสี่ก็เห็นนอนหออยู่ด้วยกันเกลื่อนเมืองแล้วฉันเองก็ไม่ได้โกรธอะไรในสิ่งที่ไอวี่พูดขึ้นด้วยเพราะมันจริงทุกประการ
“อย่าพูดบอกแล้วไงมันน่าเบื่อ”
หึ พูดแล้วเสียอารมณ์มากมันอาจจะทำให้สุขภาพจิตของฉันเกิดการติดลบเสียเอาแบบดื้อๆ ก็ได้ถ้าพูดถึงชินแฟนของตัวเองที่คบกันมานานแล้วยอมรับแบบตรงๆ ว่าช่วงนี้ฉันมีปัญหากับชินอยู่ในเรื่องต่างๆ ทั่วไปตามประสาคนเป็นแฟนที่จะให้รักกันเข้าใจกันตลอดเวลาจนแทบไม่มีการทะเลาะเข้ามามันเป็นไปไม่ได้
“น่าเบื่ออะไร เหมือนแอบได้ยินว่าวันนี้มารับ?”
ปากก็บอกว่าน่าเบื่อแต่การกระทำฉันเห็นว่ายัยโบว์บอกว่าชินจะเข้ามารับที่ห้างนี้อีกภายในไม่ถึงสองชั่วโมงแล้วที่บอกน่าเบื่อมันคืออะไร
“ก็เออ นี่แหละข้อเสียของผู้ชายแบบชิน” ไม่รู้สิคงคบนานแล้วมั้ง “ชอบทำให้รำคาญ”
“ถึงคราเบื่อจนอยากเทแล้วหรือไงแม่สาวสวยพราวเสน่ห์ดาวคณะ ทีแกอยากคบกับเขาจนทำทุกอย่างทำไมไม่คิดบ้าง?”
“คิดเพื่อ?” สามปีผ่านไปมาแล้วจะคิดอีกทำไมไม่ทราบ
“เออๆ ถ้าไม่คิดก็รีบมองหนุ่มคนนั้นได้ไหมยะ” แล้วไอวี่ก็วกเข้าเรื่องเดิม “สแกนหนุ่มบ้างเผื่อทำให้อารมณ์น่าเบื่อมันหาย”
แล้วฉันก็เบี่ยงสายตาพร้อมกับหันตัวไปมองด้านหลังเพื่อจะได้เห็นหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนั้นที่ไอวี่ชื่นชอบนักหนาแต่...
อึก…
“นั้นมัน...”
“ยัยโบว์แกรู้จักเหรอ?”
แอล...
ผู้ชายคนนั้นเหมือนเป็นตัวเรียกภาพเก่าๆ ผุดฉายขึ้นมาซ้ำๆ ภายในหัวสมองของฉันเรื่อยๆ ยิ่งสายตาได้มองตรงๆ แบบใกล้ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะสวมแว่นตาสีชาอันใหญ่คั่นก็เถอะแต่มันก็ไม่สามารถทำให้ฉันจำไม่ได้
“…”
ผู้ชายที่เคยได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าของตัวเองเมื่อสามปีก่อนแต่ตอนนี้เขาดูเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกินทั้งสไตล์การแต่งตัวดูมีรสนิยมมากบนตัวที่มองแป็บเดียวก็สามารถรับรู้ได้ว่าเครื่องตกแต่งราคาไม่ธรรมดาแล้วสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเปลี่ยนไปก็คือเขามีความเย็นชายิ่งกว่าอากาศขั้วโลก
“ยัยโบว์...”
“แอล...”
“แกรู้จักผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ?”
“อืม” ไม่มีอะไรที่จะต้องมานั่งโกหกคนอย่างไอวี่ในเมื่อตอนนี้ยัยนั่นคว้ามือที่เย็นเฉียบของฉันไปกุมเอาไว้เรียบร้อยเหมือนอยากถามอะไรหลายๆ อย่าง “เขา...เป็นแฟนเก่าฉันเอง”
“แม่เจ้า แกทิ้งเขาเหรอยัยโบว์?”
เสียงอุทานดังขึ้นมาสนั่นสายตาเป็นประกายส่องออกมาระยิบระยับตามด้วยคำถามที่บอกเลยว่าจี้ใจสุดๆ
“ใช่”
“แต่ฉันว่าเขามองเธอไม่วางตาเลยนะ...” การสัมผัสด้วยความรู้สึกของตัวเองมันทำให้ฉันบอกยัยโบว์ไปตามจริง “ถึงจะมองไม่เห็นสายตาที่อยู่ใต้แว่นตาก็เถอะ”
“…”
เพียงแค่หูได้ยินสิ่งที่ไอวี่พูดขึ้นทำให้ฉันหันกับไปมองยังโต๊ะของแอลอีกครั้งแต่...เขาไม่ได้นั่งอยู่แล้วมีเพียงโต๊ะที่ว่างเปล่าเลยทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้นเอง
“ยะ ยัยโบว์...”
ถึงแม้จะได้ยินเสียงคำพูดของไอวี่ดังขึ้นแต่มันก็ไม่สามารถเรียกใบหน้าของฉันออกจากโต๊ะของแอลได้เลยฉันจ้องมองไปแบบนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีตัวของเขานั่งอยู่ก็ตามแต่
“…”
“ยัยโบว์”
“อะไรยะ” จนกระทั่งได้ยินเสียงไอวี่อีกครั้งฉันจึงหันหน้ากลับ “แอล....”
สายตาเล็กหวานเบิกขึ้นจนแทบพูดไม่ออกมันอยู่ในอาการตกตะลึงยิ่งกว่าการถูกหวยหลักล้านเสียอีกเมื่อผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่ายืนอยู่ตรงหน้า
“สบายดีไหมโบว์...”