บทที่4
บังเอิญหรือพรหมลิขิต
วันต่อมา...
อลิสาเดินทางมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงคนเดียว วันพรุ่งนี้เธอจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านของเธอแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องรถที่ยังอยู่ศูนย์ซ่อมรถจึงทำให้เธอต้องหารถขนของไปยังบ้านทรงไทย
“ของสดเดี๋ยวค่อยซื้อทีหลังก็ได้วันนี้เอาแค่นี้ก่อน” ฉันหมุนรถเข็นกลับมาก็ชนเข้ากับรถเข็นของใครบางคนที่หันหลังอยู่
ปัก!
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันได้มอง” ฉันรีบยกมือไหว้ผู้ชายตัวสูงที่กำลังหันมาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนตรงหน้าคือคุณสิบทิศ ต่างคนต่างตกใจเพราะตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เจอเขาอีกเลย
“คุณอลิสา ผมก็คิดว่าใครเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
สิบทิศรีบเดินไปดูอลิสาแต่เธอไม่ได้เป็นอะไรนอกจากทำกระเป๋าหล่นเท่านั้น
“มาซื้อของเข้าบ้านเหรอครับ” ผมมองดูของในรถเข็นก็พอดูออกว่าเธอน่าจะซื้อของเข้าบ้านแน่ ๆ จึงอาสาช่วยเธอเป็นการตอบแทนเรื่องวันนั้น
“เรื่องรถเดี๋ยวผมจัดการให้ก็ได้ครับ”
“เกรงใจจังเลยค่ะคุณสิบทิศ เราพึ่งจะรู้จักกันแท้ๆ กลับมีเรื่องให้ต้องช่วยเหลือกันตลอดเลย”
สิบทิศมองสบตาอลิสาจนเห็นภาพในฝันที่ตนพึ่งฝันถึงเมื่อคืนนี้ สาวสวยแก่นแก้วที่บ้านทรงไทยหลังนั้นกำลังไล่เชียร์ไก่ชนอยู่กับบ่าวไพร่ที่หลังเรือน
เสียงเชียร์ของเธอดังลั่นไปถึงคุ้งน้ำอีกฝั่ง ทศพลเดินไปยืนดูไก่ไทยเหลืองหางขาวของอุษาที่กำลังได้เปรียบอยู่ในสังเวียน
“ท่านขุนขอรับ แม่หญิงอุษาชอบชนไก่มากเลยขอรับ”
“งั้นรึ” แม้เสียงเชียร์ของบ่าวไพร่จะดังขนาดไหนแต่สายตาของทศพลก็ไม่อาจมองสิ่งอื่นใดนอกจากความน่ารักซุกซนของอุษาได้เลย
ปัจจุบัน
หลังจากซื้อของเสร็จแล้วอลิสาก็หันไปขอบคุณสิบทิศที่ช่วยเธอเลือกของแถมยังอาสาไปส่งเธอด้วย สิบทิศจึงขอแลกเบอร์และช่องทางการติดต่อของอลิสาเอาไว้ ในใจก็ปลาบปลื้มที่รู้ว่าเธอไม่มีแฟน จากการถามไถ่ถึงเรื่องราวของเธอ
“อยู่คนเดียวมีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะครับคุณอลิสา”
“ค่ะ จริงๆ คุณสิบทิศเรียกลิสาก็ได้นะคะ อลิสามันจะดูเป็นทางการมากเกินไป” รอยยิ้มที่อลิสาส่งไปทำให้สิบทิศต้องหลบสายตาเพื่อเก็บอาการเอาไว้
บ้านทรงไทย
กลับมาถึงบ้านสิบทิศก็รีบช่วยอลิสาขนของเข้ามาส่วนของที่หอพัก พรุ่งนี้ตนจะให้ลูกน้องไปขนมาให้เพราะอลิสาเธอเก็บทุกอย่างไว้หมดแล้ว
“คืนนี้นอนคนเดียวอย่าลืมปิดบ้านให้เรียบร้อยนะครับลิสา”
“ค่ะ”
เมื่อได้สบตากันก็ทำให้ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หัวใจของทั้งสองหวั่นไหวไม่ต่างกัน ภาพในจินตนาการของอลิสาทำให้เธออยากนำฉากนี้ไปใส่ในนิยายเหลือเกิน
“อุษา....”
เพล้ง!!
เพียงแค่สิบทิศพูดออกมาเบาๆ แจกันโบราณก็ตกลงมาแตกกระจายทั้งสองจึงหลุดออกจากภวังค์แล้วรีบไปช่วยกันเก็บเศษแจกันไปทิ้ง
“ตกลงมาได้ไงสงสัยวางหมิ่นแน่ ๆ เลย”
“นั่นสิครับ เสียดายนะแจกันโบราณราคาตอนนี้ก็หลายหมื่น ไว้ถ้าผมเจอผมจะซื้อมาให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ของมันแตกไปแล้วไว้ฉันจะหาแจกันดอกไม้มาตั้งแทน”
สิบทิศมองตามแผ่นหลังของอลิสาพร้อมกับรอยยิ้มที่ออกมาจากข้างใน ทำให้ตนไม่อยากกลับในตอนนี้แถมยังรู้สึกอยากอยู่ที่นี่อย่างบอกไม่ถูก
“คุณสิบทิศคะ วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันไหมคะ” ฉันเดินกลับมาถามคุณสิบทิศเพื่อตอบแทนที่เขามาส่งฉันเท่านั้น
“ครับ เดี๋ยวผมช่วยนะ” ผมรีบเดินตามลิสาเข้ามาในครัวเพื่อช่วยเธอ นี่ผมกำลังทำอะไร กำลังรู้สึกอะไรอยู่เหรอ
ทำไมผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับเธอขนาดนี้ ผมมองออกไปด้านนอกก็เห็นต้นไทรขนาดใหญ่อยู่ติดสระบัวที่เชื่อมต่อกับคลองหลังบ้าน ทำไมมันเหมือนในฝันเลยทั้งๆ ที่ผมพึ่งเคยเห็น ครั้งที่แล้วผมนั่งอยู่ในบ้านไม่ได้ขยับไปไหนด้วยซ้ำ
ถ้าจะให้ชัวร์ด้านหลังต้นไทรจะมีศาลเก่าๆ ผมจะถามเธอดีหรือออกไปล่าท้าผีดีนะ
“คุณลิสาครับตรงต้นไทรมีศาลหรือเปล่าครับ”
“มีค่ะ เป็นศาลเก่าๆ ผุๆ พังๆ จะล่วงน้ำอยู่แล้วค่ะ”
นั่นไง ชัดเจนจามแจ้งไปเลยดิ แล้วทำไมผมถึงรู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้เลยรู้แม้กระทั่งห้องนอนด้านบน
“คุณสิบทิศคะสนใจบ้านหลังนี้เหรอคะ” อลิสามองหน้าชายหนุ่มที่กำลังสนใจบ้านทรงไทยหลังนี้แต่ถ้าจะขอซื้อเธอคงไม่ขายเด็ดขาดแต่ถ้าจะเช่าหรือใช้สถานที่ถ่ายโฆษณาเธอก็ไม่ห้าม เพราะเธอรู้ว่าบริษัทของคุณสิบทิศนั้นทำงานเกี่ยวกับการส่งออกและยังเป็นเจ้าของสำนักข่าวTCEอีกด้วย
“น่าสนใจอยู่นะครับ แต่ผมเกรงใจคุณลิสา ถ้าใช้สถานที่ถ่ายทำคงใช้เวลานาน ตอนนี้ผมมีโปรเจคเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับอยู่ แต่ยังหาโลเคชั่นไม่ได้”
“ถ่ายรูปไปก็ได้นะคะถ้าทีมงานของคุณสนใจก็ลองมาดูก็ได้ค่ะ ฉันโอเคจะได้หาเงินมารีโนเวทส่วนที่ชำรุดด้วย”
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกันจากนั้นอลิสาก็พาสิบทิศเดินสำรวจรอบๆ บ้านโดยที่สิบทิศขออนุญาตถ่ายรูปส่งให้เพื่อนอย่างรพีภัทรดู
การสนทนา
รพีภัทร: มึงส่งอะไรมา?
สิบทิศ: บ้านทรงไทยไง มึงหาโลเคชั่นถ่ายรายการเรื่องลี้ลับอยู่ไม่ใช่เหรอ?
รพีภัทร: ก็ใช่ แต่รูปที่มึงส่งมามันเบลอกูดูไม่ได้ มึงเมากาวปะเนี่ยส่งอะไรมาให้กูดู
จบการสนทนา