11.การออกเดินทาง

2523 คำ
ฮาลัวนั่งอยู่บนรถม้า ตรงข้ามเขาคือ เลลีอาที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน เธออ้าปากหาวน้อยๆ อย่างเกียจคร้าน เรือนผมยาวสลวยดูยุ่งเหยิง แต่ทว่าเลลีอาก็ยัง….งดงาม เราเดินทางมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้วตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้ากำลังจะมืดลง เราไม่ได้หยุดพักกันเลย ฮาลัวเห็นดวงตาคู่งามของลีอามีแววเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็น ฮาลัวสั่งให้ทุกคนหยุดพัก ขบวนประกอบไปด้วย อัศวินอารักขาห้านาย นักบวชชายสิบนาย นักบุญสี่คน มีสตรีคนเดียวในขบวนเขาจึงต้องจับตาดูเลลีอาไม่ให้คลาดสายตา “เราจะพักกันที่นี่หรือฮาลัว” “อื้ม…เจ้ารออยู่บนนี้นะ ไว้ทหารกางกระโจมเสร็จข้าจะมาเรียก” เลลีอาพยักหน้า เธอล้มตัวนอนลง ความเหนื่อยล้ากำลังถาโถมมาที่เธอ เธอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้า ความขุ่นมัวในอากาศทำให้เลลีอาต้องยกมือขึ้นปิดจมูก ข้ามเขาลูกนี้ไปก็จะเข้าเขตเดอนีเซียแล้ว น่าประหลาดที่เธอไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นกับการเดินทางมาเดอนีเซียในครั้งนี้ เธอไม่ได้เดินทางมาเพื่ออีธาน แต่เธอมาเพื่อช่วยชาวเมืองและขจัดไอขุ่นมัวนี้ เลลีอาได้แต่ภาวนา…ขอให้ทุกอย่างราบรื่น..และผ่านไปด้วยดีเถอะนะ ฮาลัวเคาะประตูรถม้าเบาๆ เลลีอาเปิดประตูเดินลงไป เบื้องหน้าปรากฏกระโจมสี่ถึงห้ากระโจม นักบุญส่วนหนึ่งกำลังก่อไฟเพื่อทำอาหาร ฮาลัวพาเธอเดินมาในกระโจมที่ใหญ่ที่สุด “อันที่จริง…นักบุญหญิงจะต้องมีอัศวินประจำตัว แต่ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกระชั้นชิดเลยยังไม่ได้ทำการคัดเลือกอัศวิน….ข้าจะเลือกคนฝีมือดีมาคุ้มครองเจ้าก่อน” เลลีอาพยักหน้า ในกระโจมประกอบด้วยเตียงนอนมีฉากกั้นและอ่างเอาไว้สำหรับอาบน้ำ “ลีอา…เจ้าพักผ่อนไปก่อน อาหารเสร็จข้าจะมาเรียก” ฮาลัวกล่าวพร้อมถอยหลังออกไปจากกระโจม เบื้องหน้าประตูมีทหารยืนเฝ้าอยู่สองนาย ชีวิตเช่นนี้ เธอเองก็พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก…. การนอนกลางป่าเช่นนี้ก็ไม่เลวแฮะ….อากาศในป่าเริ่มเย็นเลลีอาจึงรีบไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาไม่นานเพราะน้ำที่อาบเย็นจัดเกือบจะเป็นน้ำเเข็ง “ตูม!!!!!” “กรี๊ดดดด” เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องดังขึ้น เลลีอารีบวิ่งออกไปดู ผู้คนด้านนอกไม่มีใครเป็นอะไร เธอจึงหันไปมองที่ภูเขาอีกลูกซึ่งเป็นที่ตั้งของเดอนีเซีย มีลูกไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้น เสียงกรีดร้องยังดังไม่หยุด ฮาลัวรีบเดินมาหาเลลีอา เขานำผ้าคลุมมาคลุมบนไหล่ให้ “ลีอา กลับเข้าด้านในก่อน อากาศด้านนอกเย็นนัก” “เกิดอะไรขึ้นฮาลัว…..” “เจ้ากลับเข้าด้านในก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะเดินทางไปดูเอง” ฮาลัวพาลีอาเข้ากลับเข้าไปด้านในกระโจม เขาย้ำกับทหารอีกครั้งว่าให้ดูแลนางให้ดี อย่าให้นางออกมาด้านนอกกระโจม เลลีอาได้ยินฮาลัวย้ำกับทหารแล้วก็ถอนหายใจ เธอมาที่นี่ในฐานะนักบุญหญิง มิใช่ฐานะ ท่านหญิง เกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นเธอก็ควรมีส่วนช่วยนักบุญคนอื่นแก้ปัญหา ไม่ใช่การถูกปกป้องเช่นนี้ เลลีอาเปิดหน้าต่างกระโจมออก เธอสวมผ้าคลุมนักบุญไว้แล้วยกฮูดขึ้นปิดใบหน้า ก่อนจะปีนหน้าต่างออกไป มีนักบวชราวห้าคนกำลังเดินนำหน้าเธออยู่ เลลีอา อาศัยช่วงชุลมุนเข้ามาร่วมกับทีมที่จะไปออกสำรวจ ทีมนี้นำขบวนด้วยฮาลัว เขาเร่งเดินอย่างรวดเร็ว เพราะมาทางลัดเป็นป่ารก ทำให้ไม่สามารถขี่ม้าเข้ามาได้ ต้องเดินเท้าเข้ามาอย่างเดียว เดินมาได้สักพักก็ถึงลำธาร ลำธารที่เต็มไปด้วยเลือด…. น้ำในลำธารเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เลลีอายกมือขึ้นปิดจมูก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วบริเวณ คืนนี้โชคดีที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้พอจะมองเห็นรอบๆ ได้ เดินมาอีกพักก็พบเข้ากับสาวชาวบ้านที่อุ้มลูกน้อยวิ่งมา “ท่านนักบุญช่วยด้วยเจ้าค่ะ!!” ฮาลัวรีบวิ่งไปอุ้มเด็กน้อยวัยขวบเศษในมือหญิงสาว ใบหน้าของเธอมีรอยกรงเล็บขนาดใหญ่บริเวณด้านซ้าย ตาข้างนั้นปิดสนิท นักบุญแอนด์สันถอดผ้าคลุมหลังแล้วปูบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ ฮาลัวรีบวางเด็กน้อยลง มีตรามารบริเวณหน้าผากของเด็กน้อย ลมหายใจน้อยๆ นั้นรวยรินและขาดเป็นช่วงๆ นักบุญเคนรีบร่ายเวทรักษาให้แก่หญิงสาว “ท่านฮาลัว….ตรามาร….” ฮาลัวถอนหายใจและหลับตาลง ไม่มีผู้ใดจะถอดคำสาปของตรามารได้ยกเว้นผู้ร่าย ผู้ร่ายตรามารจะค่อยๆ กลืนกินชีวิตผู้ถูกร่าย จะนิยมร่ายตรามารกับเด็กและหญิงสาวพรหมจรรย์ เพราะถือว่ามีวิญญาณที่บริสุทธิ์ “เกิดอะไรขึ้นครับ…” หญิงสาวมีอาการตัวสั่น ดวงตาทั้งสองข้างรื้นไปด้วยน้ำตา “มีการสู้กันค่ะท่านนักบุญ….แกรนด์ดยุคเขา….ไล่ฆ่าชาวเมือง…” เธอกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมกับร้องไห้ออกมา “เขาไม่ใช่คนแล้วค่ะ….ข้าเห็นเขามีปีกงอกขึ้นมาด้านหลัง……มีนักบุญมาช่วยพวกเราไว้ตอนนี้กำลังปะทะกันอยู่…” นักบุญเคนปราสาทพรให้หญิงสาว เธอค่อยๆ หลับไป ส่วนเด็กชายตัวน้อย ลมหายใจเขาแผ่วลง “ไม่มีทางช่วยเลยเหรอคะ?” “ลีอานี่เจ้า!!!” ฮาลัวยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ “ฮาลัว….ท่านมาปกป้องข้ามันไม่ถูก ข้าเป็นนักบุญย่อมต้องช่วยเหลืองานของโบสถ์” นักบุญแอนด์สันตบไหล่ฮาลัวเบาๆ “เอาน่า….อย่างน้อยนางก็มาแล้ว เรารีบไปช่วยท่านเลออนเถอะ” นักบุญเคนและนักบุญอีกคนพาหญิงสาวและเด็กน้อยกลับที่พัก ส่วนฮาลัว เลลีอา และนักบุญแอนด์สัน พากันเดินต่อไปยังจุดที่เกิดไฟไหม้ ตอนนี้พวกเราเดินเข้าเขตแดนของเดอนีเซียแล้ว ไอขุ่นมัวยิ่งแน่นขึ้นจนต้องร่ายเวทย์ปัดเป่าคลุมไว้ ชาวบ้านอาศัยอยู่กันได้ยังไงกัน ฮาลัวหยุดเดิน เขาหันมามองที่นักบุญแอนด์สัน และเลลีอา “ด้านหน้าเปรียบเป็นสนามรบย่อมๆ ร่ายเวทย์ป้องกันไว้….เพื่อให้ท่านเลออนรู้ว่าเรามา…อีกอย่าง!!” ฮาลัวหันหน้ามามองฉัน “ระวังตัวด้วย!!!” ฉันพยักหน้าแล้วมองฮาลัวกับนักบุญแอนด์สัน ฮาลัวถอนหายใจ แล้วเดินนำไป สิ้นสุดเขตป่าไม้นี้ คือสนามรบที่แท้จริง เลลีอารู้สึกได้ว่าขาทั้งสองข้างเธอกำลังสั่นเทา ท้องฟ้าที่มีแสงจันทร์สว่างไสวเมื่อครู่บัดนี้กลายเป็นท้องฟ้าสีแดงฉาน เสียงดาบและเสียงกรีดร้องดังระงม ทหาร…อัศวินมากมายกำลังต่อสู้กับปีศาจ ที่มีทั้งขนาดเล็กเท่าลูกแมวและใหญ่เป็นสิบเท่าของตัวคน นักบวช นักบุญ หมอกำลังเร่งนำคนเจ็บออกจากสถานที่นี้ ส่วนชาวบ้านที่เป็นผู้ชายช่วยกันขนร่างที่ไร้วิญญาณออกไปเผา ฉันไม่คิดว่าดินแดนที่ฉันอยู่มาสิบปีจะสิ้นหวังเช่นนี้…… บนท้องฟ้าปรากฏร่างซาตานกำลังต่อสู้กับนักบวชชั้นสูงและท่านเลออน ท่านเลออน…ใบหน้าที่งดงามนั้นมีร่องรอยของความเหนื่อยลง ที่เอวของเขามีรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ เลือดสีแดงสดเปื้อนชุดนักบุญเต็มไปหมดจนแยกไม่ออกว่าเลือดของเขาหรือเลือดใคร ฮาลัวพา เลลีอา และนักบุญแอนด์สันวิ่งไปช่วยรักษาคนเจ็บ “ท่านฮาลัว….” นักบุญผู้นั้นกล่าวอย่างดีใจที่เห็นฮาลัว “สถานการณ์เป็นเช่นไร…” นักบุญผู้นั้นส่ายหน้า เขาเม้มปากเเน่น “ปีศาจมาเพิ่มเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน…ฆ่ามันตาย มันก็เพิ่มจำนวนมาใหม่….ส่วนทางเราล้วนบาดเจ็บ เหนื่อยล้า….ถึงขั้นล้มตาย…” “ไป..พาข้าไปที่พักก่อน..เราต้องหารือกัน” ฮาลัวช่วยนักบุญผู้นั้นหามคนเจ็บ นักบุญแอนด์สันอุ้มเด็กสาววิ่งตามไปหนึ่งคน ส่วนฉันจุงชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาบาดเจ็บไม่มากพอจะเดินไหว เราเดินเข้าเขตอาคมลวงตาที่ท่านเลออนร่ายไว้ ด้านในมีกระโจมราวร้อยหลัง ด้านหน้าคือกระโจมขนาดใหญ่ มีคนเจ็บร้องโอดโอยจำนวนมาก นักบุญและหมอหลวงต่างมีอาการเหนื่อยล้า ฉันพาชายผู้นั้นนอนลงแล้วใช้มีดตัดแขนเสื้อเขาออก ปรากฏเป็นรอยแผลดูปีศาจกัด รอยแผลไม่ใหญ่แต่ทว่าเขี้ยวของปีศาจนั้นมีพิษอยู่ ฉันยกมือขึ้นร่ายวงเวทย์รักษา “ตุ้ม!!!!!” ปรากฏแสงสีทองทั่วบริเวณ ฉันหลับตาลงเพราะแสงนั้นสว่างจ้าเกินไป พอแสงนี้หายไปฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น ปรากฏว่าทุกสายตาในกระโจมมองที่ฉันเพียงคนเดียว ฉันหันไปมองหน้าฮาลัวเขารีบเดินเข้ามาหาฉัน ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ฉันก้มหน้าลงมองแผลที่แขน ของชายที่ฉันกำลังรักษา แผลหายไป!!!! ฉันเงยหน้ามองที่ชายผู้นี้ เขาเองก็ทำหน้าตกใจอยู่ เวทย์รักษา ก็คือเวทย์รักษา รักษาและบรรเทาอาการเจ็บ มิใช่ทำให้แผลหายไป เลลีอามองหน้าฮาลัวอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้านักบุญคนอื่นๆ เสียงร้องโอดโอยเมื่อครู่นั้นหายไปแล้ว “พระเจ้าช่วย…” นักบุญแอนด์สันอุทานขึ้น นั่นมันพลังอะไรกัน เขากำลังรักษาขาที่กำลังจะขาดออกจากกันของเด็กหญิง จู่ก็มีแสงจ้าขึ้นมา เขาหลับตาลงพอลืมตาขึ้นมาขาของเด็กหญิงก็ต่อกัน….ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดเจ็บ….นี่มัน..เหลือจะเชื่อ ชาวบ้านที่บาดเจ็บก่อนหน้า ตอนนี้ทุกคนหายเป็นปกติ แผลที่เคยมีสมานกันราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นักบุญและหมอหลวงที่มีอาการเหนื่อยล้า ก็หายเหนื่อยราวกับนอนหลับพักผ่อนมาทั้งคืน ทุกคนพากันนั่งลงและคำนับเลลีอา เธอตกใจจนวิ่งไปหาฮาลัว ฮาลัวหัวเราะน้อยๆ เขาหันมาหาเลลีอาแล้วก้มโค้งคำนับให้ลีอา “เกิดอะไรขึ้นฮาลัว….” “ลีอา…แสงที่ทองเมื่อครู่คือพลังของพระเจ้า…..ทุกคนทำความเคารพเจ้าเพราะว่าเจ้าเปรียบเสมือนตัวแทนของพระองค์….พลังในการรักษาระดับนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านเลออนเลยนะ” “จะบ้าเหรอฮาลัว….อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับท่านเลออนเช่นนั้น” หลังทุกคนทำความเคารพเสร็จแล้วต่างก็แยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ด้านในกระโจมอาจจะคลี่คลาย แต่ทว่าในสนามรบยังคงหนักหน่วง ฮาลัวยกผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อของเลลีอา “พักก่อนเถอะลีอาข้าจะออกไปดูข้างนอกก่อน..” เลลีอาพยักหน้าน้อยๆ ฮาลัวอยู่ในวัยสามสิบปลายๆ แต่ทว่าใบหน้าเขาดูเหมือนชายอายุยี่สิบต้นๆ นัยน์ตาคู่นั้นของฮาลัวยังมองเธอด้วยความอบอุ่นเหมือนเดิม เขาเป็นเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีเสมอมา “ระวังตัวด้วยนะฮาลัว” ฮาลัวส่งยิ้มให้เลลีอา เขาสั่งให้นักบุญแอนด์สันอยู่เป็นเพื่อนเลลีอา เลลีอารู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของเธอกำลังสั่นเทา นี่อาจจะเป็นผลของจิตวิญญาณของรินาและร่างของเลลีอายังอยู่ร่วมกันอย่างไม่สมบูรณ์ “ท่านนักบุญหญิง….ท่านเหงื่อออกมากเกินไปแล้ว…” อากาศในตอนนี้เย็นขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าบนใบหน้าของลีลาเต็มไปด้วยเหงื่อ “คงจะเป็นเพราะท่านใช้พลังเมื่อครู…ถึงแก่นพลังท่านจะแข็งแกร่งแค่ไหน..การใช้พลังรักษาผู้คนเป็นร้อยในคราวเดียวก็ดูจะหนักหนาพอสมควร” เลลีอาพยักหน้า เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหนื่อย นักบุญแอนด์สันร่ายเวทย์รักษาเลลีอา “ท่านนอนพักเถิด….ด้านนอกนักบุญฮาลัวออกไปแล้ว ในบรรดานักบุญเขาเป็นคนที่แข็งเกร่งที่สุด…..วางใจเถิด” เลลีอาค่อยๆ หลับตาลง ความเหนื่อยล้าที่ถาถมลงมาทำให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว “ท่านน้าคะ…ท่านน้า….” มีมือเขย่าร่างเธอจนต้องลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเลลีอาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเธอ เธอตกใจ!!!การอยู่ในร่างเลลีอามานานทำให้เธอเริ่มจะชินกับใบหน้านั้นแล้ว “เลลีอา…” “ค่ะ….นี่หลานเอง” ลีอายิ้ม เด็กหญิงสวดพิมพำเบาๆ แล้วร่ายเวทย์ลงที่มือของรินา “เราอยู่ที่ไหนกัน…” ลีอาไม่ได้ตอบเธอเพียงส่งยิ้มให้น้าของเธออย่างอ่อนโยน “หลานหมดอายุขัยแล้วค่ะท่านน้า…ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์หรือนรก ที่นี่คือห้วงแห่งความคิดที่หลานฝากไว้ให้ท่านน้า…..” รินามองไปที่เลลีอา เธอยกมือขึ้นจับใบหน้าของหลานสาว “ถ้าเป็นแค่ความคิด…ทำไมข้าถึงคุยกับเจ้าได้…” เลลีอาหัวเราะเสียงใส เธอยื่นมือไปจับมือของรินา “ข้ามาเพื่อบอกให้ท่านน้าว่าต่อไปนี้ ให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะคะ….นี่คือชีวิตของท่านไม่ใช่ชีวิตของข้าอีกต่อไป” รินายิ้มให้หลานสาว “อีกอย่างข้าร่ายเวทย์ให้วิญญาณของท่านเข้าไปอยู่ในร่างข้าโดยสมบูรณ์แล้ว….ต่อไปไม่ต้องไปทำพิธีกับเลออนอีกนะคะ” รินาหน้าแดงหมายความว่าวันนั้น เลลีอาเห็นทั้งหมดงั้นเหรอ!!! เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง เลลีอามองใบหน้าแดงก่ำของน้าแล้วรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา “ท่านน้าข้ามาเพื่อจะบอกท่านอีกอย่าง….รีบตื่นได้แล้วค่ะ….ท่านนักบุญฮาลัวกำลังต้องการความช่วยเหลือ” รินาไม่ทันได้ซักถามอะไรเพิ่มเติมเลลีอาก็เอามือมาแตะที่หน้าผาก “อ้อ…อีกอย่างข้ากับเลออนเกลียดกันสุดๆ ไปเลย เขาไม่มีทางเข้าหาท่านน้าเพราะเขาชอบข้าแน่นอนค่ะ” “ดะ…เดี๋ยวลีอา….” “เฮือก!!!!” รินากลับมาในร่างเลลีอาอีกครั้ง เธอลืมตาตื่นพร้อมลุกขึ้นนั่ง “ท่านนักบุญ!!!! ในที่สุดท่านก็ฟื้น!!!” เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของนักบุญแอนด์สัน เขามีสีหน้าดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอ “ฮาลัวอยู่ที่ไหน…” เลลีอาทำท่าจะลุกขึ้น “โครม!!” “ท่านนักบุญหญิง” เลลีอาล้มลง นักบุญแอนด์สันรีบมาประคองเลลีอาให้นั่งที่เตียง “ใจเย็นๆ ครับ ท่านหลับไปเกือบสามสัปดาห์ ลุกพรวดพราดอาจจะหน้ามืดได้” เลลีอาหันมองหน้านักบุญแอนด์สัน อย่างตกใจ ห๊ะ!!!! สามสัปดาห์!!!!????
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม