‘สตรีชั่วช้า’ ผู้คนต่างตราหน้าข้าเช่นนั้น เพียงเพราะคำทำนายดวงชะตา แต่มีหรือที่ข้าจะยอมจำนนฟ้าดิน ชีวิตของข้า หัวใจของข้า ข้าจะเป็นผู้กำหนดเอง! #คลั่งรัก #ไม่มีนอกกายนอกใจ #เลี้ยงต้อย
+++++
กระพรวนข้อเท้าส่งเสียงเมื่อเจ้าก้อนก้าวขาขยับ เด็กหญิงได้ยินเสียงก็อึ้งไปหลายอึดใจ ค่อยๆ ก้มมองที่ข้อเท้าของตนแล้วลองขยับอีกครั้ง
"อู้!"
ดั่งส่งเสียงเป็นคำอุทาน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ปากอวบอิ่มจู๋เข้าหากัน แก้มกลมๆ ระเรื่อแดงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นอิงเอ๋อร์จึงขยับเท้าอีก
กรุ้งกริ้ง...
"อาปู้ อาปู้!"
เด็กหญิงดีใจจนยกมือขึ้นตบแปะๆ ส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนดวงตากลมโตเล็กหยี แต่เพียงไม่นานนางก็หายเห่อของใหม่ หันไปสนใจอาหาร
"หม่ำ! หม่ำๆๆๆๆๆ"
สองข้าก้าวไปยังดอกไม้ทิพย์ ปากอวบๆ ส่งเสียงออกมาระรัว ดวงตากร้าวจ้องมองดอกไม้บนโขดหินด้วยประกายแห่งนักล่า อิงเอ๋อร์พาตัวเองเดินมาถึงโขดหินแต่ไม่อาจเอื้อมคว้าน้ำนมหวานแสนอร่อยมาดื่มกินได้เพราะ...
แขนนางสั้นเกินไป
ไท่ซานฝูจวินพยายามกลั้นหัวเราะที่เห็นแขนเล็กป้อมเป็นมัดๆ พยายามเอื้อมคว้า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนมีความอดทนเท่าไหร่นัก
"ฮา ฮ่า ฮ่า"
ท้ายที่สุดเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนดังลั่น เหล่าภูตผีในป่าบริเวณนั้นถึงกับแตกตื่นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากเทพผู้ควบคุมวิญญาณก็ทำให้หนาวสะท้านจนต้องหลีกเร้นหนีให้ไกลจากเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวนี้
"จา!"
เด็กตัวน้อยหันขวับมองไปยังคนที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยด้วยความกรุ่นโกรธ ดวงตาหรี่ลงรับกับคิ้วที่ขมวดจนหักเข้าหากัน ปากเล็กๆ งอคว่ำบึ้งตึง
"ปู้!"
ดั่งว่าเด็กน้อยกำลังด่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวิญญาณเสียกระนั้น แต่มีหรือที่เทพเซียนอายุกว่าแสนปีเช่นเขาจะหวาดกลัวแค่เพียงสายตาดุดันของเด็กตัวน้อยๆ ที่ยังเอื้อมหยิบนมกินเองไม่ได้เล่า
"ปู้!"
อิงเอ๋อร์กำมือแน่น ส่งเสียงดังจนเผลอพ่นน้ำลายออกมา นางสูดลมหายใจทำท่าทางฮึดฮัด
"จา จา จ๋า"
เด็กหญิงออดอ้อน ส่งเสียงเรียกเขาว่าจาจาก่อนจะลงท้ายว่าจ๋าซึ่งเป็นอีกคำที่นางสามารถออกเสียงได้ชัดเจน
ราวกับถูกหมัดหนักๆ ต่อยเข้าที่หัวใจ ไท่ซานฝูจวินถึงกับหัวใจเต้นแรงไปกับความน่ารักน่าชังแสนออดอ้อน นานแค่ไหนแล้วหนอที่ชายาไม่ได้ออดอ้อนเขาเฉกเช่นวันวาน การแต่งงานนับหมื่นปีนำมาซึ่งความเคยชิน ความเข้าใจผิดทำให้นางหันหลังให้เขา
ซึ่งผู้ปกครองแดนวิญญาณไม่อาจรู้เลยว่าการหันหลังของชายาในครั้งนี้จะแค่ ชั่วคราว หรือ ตลอดกาล
+++++++++
ยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งผูกพันกับเจ้าตัวน้อยช่างจำนรรจา ใบหน้าของนางแม้ไม่งดงามดั่งตอนเป็นเทพเซียน แต่ก็งดงามเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป อีกทั้งเมื่อเขาเลี้ยงดูนางด้วยดอกไม้แห่งโลกทิพย์ นางจึงมีกลิ่นกายหอมราวกับอบร่ำดอกไม้ติดผิวกายก็ไม่ปาน
นางมีผิวกายหอม
นางมีผมหอม
นางมีลมปากหอม
ความเย้ายวนของนางสามารถล่มเมืองได้อย่างไม่มีข้อกังขา แม้ยังเป็นเด็กตัวน้อยแต่กลับฉายความงดงามจนไม่ว่าใครเห็นก็แทบลืมหายใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ไท่ซานฝูจวินเดาเคราะห์กรรมที่จะอุบัติขึ้นในชีวิตของเซี่ยวอิงไม่ยากเลย
ความงาม!
ความงดงามของนางจะนำภัยมาสู่ หากนางไม่สามารถเอาตัวรอดได้ หากนางบอบช้ำทั้งกายและใจ หากดวงจิตของนางอ่อนแอจนไม่อาจแบกรับความทุกข์ตรมจนปริร้าวแตกสลาย
หากเป็นเช่นนั้นนางจะไม่มีโอกาสหวนคืนสู่สวรรค์ และเขาคงไม่มีโอกาสคุกเข่าขอโทษนางในฐานะสามี ไม่อาจสู้หน้าบุตรธิดาและบรรดาหลานที่ล้วนรอคอยการกลับมาของนาง
ไท่ซานพยายามคิดหาวิธีเพื่อช่วยเหลือชายา แล้วในที่สุดเขาก็ค้นพบว่า ‘ตุ๊กตาไม้’ ที่เสกสร้างขึ้นจากเลือดของเขาและแก่นรากไม้วิญญาณอายุกว่าหลายแสนปีจะเป็นตัวช่วยสำคัญ ไม่ให้หัวใจของเซี่ยวอิงต้องปริร้าว แม้จะต้องแลกกับการที่เขาต้องถูกทัณฑ์อสนีบาตอย่างแสนสาหัสก็ตาม