“องค์ชาย"กงฉานช่วยดึงมือของฟาหยางขึ้นจากน้ำ หวงหลานสำลักน้ำสองสามที เรือแจวถูกพาเข้าฝั่ง
“หวงหลานขยับตัวออกจากอ้อมแขนของ ฟาหยางอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่เปียกปอน แบมือออก มองหาหินสีที่คว้ามาได้ ทว่าไม่ได้อยู่ในมือเสียแล้ว
“”หินสี เล่า”
“ช่างมัน เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อของแบบนั้นด้วยหรือ”หวงหลานไม่ตอบ ขยับตัวถอยห่างออกจากฟาหยางเพราะไป๋อี้ชิงเยื้องย่างมาถึงพอดี
“ข้า เปียกปอนเพียงนี้ขอตัวกลับบ้านจะดีกว่าคุณชายโอกาสหน้าพบกันใหม่วันนี้หวงหลาน ขอลา”ลุกขึ้น ผมเผ้าเนื้อตัวเปียกปอน กงฉานรับเอาเสื้อคลุมมายื่นส่งให้ ฟาหยางแต่เขากลับตวัดเสื้อคลุมห่มให้ หวงหลาน
“ไปเถิดแล้วพบกันใหม่”หวงหลานสาวเท้าจากไป ไป๋อี้ชิงก้าวขาเข้ามาพอดี
“องค์ชาย บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ฟาหยางส่ายหน้าไปมา
“ทำเอาเจ้าหมดสนุกไปทีเดียวข้าก็คงต้องกลับเสียแล้วน้ำเย็นเหลือเกิน ฮัดเช่ย”ส่งเสียงจามดังๆ
“ องค์ชายถนอมพระวรกาย กงฉานท่านพาองค์ชายกลับตำหนักเสียเถิด”ไป๋อี้ชิง แสดงสีหน้าห่วงใย ฟาหยางอย่างที่สุด ฟาหยางยิ้มบางๆ ก้าวขานำหน้ากงฉานออกไปทันที
“ส่งคนที่ชำนาญการดำน้ำ งมหินสีขึ้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้คนมากแค่ไหน”
“องค์ชายของสิ่งนั้น สำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”กงฉานอดที่จะถามไม่ได้
“เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางต้องการครอบครองมันเพียงใด ข้าอยากจะตอบแทนบุญคุณของนางสิ่งนี้นับว่าเหมาะสมที่สุด”
“แต่องค์ชายก็ช่วยชีวิตนางไว้จากการจมน้ำ”
“นางไม่ได้จมน้ำแล้วกฌไม่ใช่ข้าที่ไปช่วยนางข้าเพียงตกใจที่นางตกลงไปในน้ำความจริงหากข้าไม่ช่วยนางก็ขึ้นมาเองเพียงลำพัง”แก้ต่างหาข้ออ้างที่จะตอบแทนบุญคุณหวงหลาน
“ข้ากงฉานจะเกณฑ์คนที่เก่งการดำน้ำมางมหาของสิ่งนั้น ในวันพรุ่งนี้”
“ขอเป็นวันนี้เลย เพราะเกรงว่านานวันเข้าหินสีจะถูกน้ำพัดพาไปเสียก่อน”ใจร้อนยิ่งนักหากไม่ติดที่ว่า น้ำในแม่น้ำเย็นเกินไปเขาคงลงไปงมเสียเองไม่รอใคร
บ้านกลางป่า
“หวงหลาน เที่ยวเล่นสนุกสนานเปียกปอนทั้งตัวและหัวใจ”หมิงเหยียนชือเฉิน กอดอกรออยู่ในห้อง
“วันนี้ท่านเทพก็ว่างงาน แวะมาเย้ยหยันข้าได้”
“เจ้าคิดว่าข้าเย้ยหยันไม่คิดว่าข้าเอาใจช่วยเจ้าบ้างหรือไร”
“บัญชาสวรรค์ให้ข้ากับเขาผูกด้ายพันเกี่ยว ลืมไปหรือไรว่าหวงหลานมิชอบเป็นรองใคร”
“ข้าว่าหากเจ้ายอมห้ำหั่นกับนาง ไม่แน่เจ้าอาจไม่ต้องเป็นรอง”
“ข้าเป็นคนผูกด้ายเองกับมือ พวกเขาเหมือนดังงานชิ้นเอกของข้า ข้าจะยอมทำลายมันเชียวหรือ”
“555 แม่นางหวงหลาน รับผิดชอบต่อหน้าที่ดีไม่น้อย นับถือนับถือเปียกปอนแต่ได้ใจ องค์ชายรองผู้นั้นคงกำลังคิดหนัก”
“คิดหนักเรื่องใดกัน”
“คิดว่าหญิงหนึ่งงดงามอ่อนหวาน รักใคร่เหมาะสม อีกหญิงหนึ่งช่างน่าสงสาร และ ทำไมถึงเฉยชากับเขานัก”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเพียงแค่ตัดคนที่เฉยชาออกเสีย”
“คนที่เฉยชา ย่อมมีแรงกระตุ้นให้ค้นหา เจ้าไม่รู้สึกหรือว่ายิ่งเราพบคนที่หมางเมินต่อเราเท่าไรเรายิ่งอยากจะได้ใจเขา”
“ข้าจะบอกเขาเองว่าเขาควรจะยอมแพ้เสีย ด้ายที่ข้าผูกใช่ว่าไม่ต้องแลกด้วยสิ่งใด ข้าผูกด้ายหรือตัดด้ายให้คนผู้หนึ่งข้าจะต้อง ถือศีลถึง 7วันเจ็ดคืน” (1)
“ข้าก็อดสงสารเจ้าเสียไม่ได้ แต่หากเป็นบัญชาสวรรค์ยากยิ่งจะฝืน เอาเป็นว่าเจ้าพลิกแพลงเอาตามสถานการณ์ บางทีอาจไม่เลวร้ายอย่างที่ข้าคิดไว้”หายตัวจากไป
“ท่านเทพท่านไปที่แห่งใดกันในวันนี้”โผล่ออกมาจากประตูเพียงแค่ส่วนหัว
“ข้ารับเครื่องเซ่นไหว้ องค์ชายรองเซ่นไหว้สวรรค์ด้วยเรื่องที่เจ้าผูกด้ายให้เขาเจ้ารับบาปเคราะห์ถือศีลไปส่วนข้ารับของเซ่นไหว้ไว้เอง”หวงหลานยิ้ม นึกขำกับท่าทีตลกขบขันของหมิงเหยียนชือเฉิน
วังหลวง
“องค์ชาย คุณหนูหลงถานไป๋อี้ชิง ส่งชาแก้ไอเย็นมาให้องค์ชาย”สาวใช้ย่อกายลง ตรงหน้าฟาหยางที่ก้าวขาออกมาหน้าตำหนัก
“อืม ฝากเจ้าขอบคุณ คุณหนูเจ้า”
“คุณหนูยังบอกอีกว่าวันนี้หากองค์ชายว่างเว้น คุณหนูเชิญองค์ชายชมดอกเหมยดื่มชา ที่บ้านตระกูลหลงถาน”ยิ้มอ่อนโยน
“ข้ารับคำเชิญ ยามบ่ายข้าจะถึงที่นั่น”สาวใช้จากไป กงฉานสาวเท้าเข้ามา
“องค์ชายรองพบหินสี อันนั้นแล้ว” แบมือส่งหินสีฟ้าใสให้กับ ฟาหยาง
“ไปหานางกัน อืม เจ้าถือชาแก้ไอเย็นไปให้นางด้วย” กงฉานเหลือบตามองห่อชาบนโต๊ะหยิบมาถือก้าวเดินตาม ฟาหยางไปทันที
“องค์ชาย ชานี่ หาดื่มได้ยากยิ่ง”
“แล้วอย่างไรเล่า”
“ราคาค่อนข้างสูง”
“เจ้าเลยคิดว่าคนอย่างนางต่ำต้อยไม่ควรดื่มชาราคาแพงนี่ อย่างนั้นหรือ”
“กงฉานไม่ได้หมายความเช่นนั้นแต่เกรงว่าเพียงแค่นางเห็นห่อชานางก็ จะต้องปฏิเสธเพราะนางไม่รับ สิ่งของที่มีค่างวด องค์ชายก็น่าจะรู้ดี"
“เปลี่ยบนห่อมันเสียดีไหมเจ้าว่านางจะยอมรับมันไหม”กงฉานยิ้มในความหลักแหลมของ ฟาหยาง
“องค์ชายทุ่มเทเพียงนี้นางจะต้องรับมันไว้อย่างแน่นอน”ปลอบใจทั้งๆ ที่รู้ดีว่าหวงหลานตัดเยื่อใย ฟาหยางทุกอย่าง
"เช่นนั้นจัดการเปลี่ยนห่อใหม่เสียอืม เจ้าดูสิว่าข้าองอาจหรือไม่ในอาภรณ์ชุดนี้”กงฉานอมยิ้ม
“องค์ชายองอาจหล่อเหลาที่สุดแล้ว”เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้
“ข้าไปหานางมอบชาให้นางแล้วจะต้องแวะไปที่บ้านหลงถานดื่มชากับ ไป๋อี้ชิง”กงฉานพยักหน้าขึ้นลงเมื่อฟาหยางพยายาอธิบายถึงสิ่งที่เขาถามว่าทำเพื่อพบไป๋อี้ชิง
“เจ้าไม่เชื่อหรือ”
“องค์ชายกำลังร้อนตัว กงฉานยังไม่ทันพูดอะไร”
“จริงหรือสายตาเจ้าไม่ได้แบบนั้น”
“ป่านนี้นางคงป่วยไข้ เพราะเมื่อวานแช่น้ำเปียกปอนกว่าจะกลับถึงบ้านของนาง องค์ชายไม่โดนไอเย็นนั่งเกี้ยวกลับยังบ่นหนาว แล้วนางป่านนี้คงล้มป่วยไปแล้ว”เปลี่ยนเรื่องพูดเสียดื้อๆ
ฟาหยางก้าวขาเดินนำไปทันที
วังหลวง
“ใต้เท้าหลงถาน มีเรื่องสำคัญใดกัน”หลงถานไป๋ถง ประสานมือตรงหน้าพระพักตร์
“ฝ่าบาท องค์ชายรองปีนี้ 18เหมาะที่จะมีชายาได้แล้ว หากปล่อยให้เที่ยวเล่นเกรงว่าจะไร้หน้าที่รับผิดชอบ”
“ข้ารู้แล้วเจ้า อยากจะพูดอะไร”
“กระหม่อมเห็นควรว่าฝ่าบาทควร ประทานงานแต่งเสีย”
“องค์ชายใหญ่ก็ยัง ไม่มีชายาเอก แม้จะมีรอง ทว่าชายาเอกยังไม่ได้แต่งตั้งเช่นกันข้าควรจะแต่งตั้งชายาเอกให้องค์ชายใหญ่เสียก่อน”แม้จะรู้ดีว่าไป๋ถงต้องการพูดเรื่องใด ทว่าเหอผิงฉีปิงจงใจโยกโย้เพราะหากยอมเชื่อฟังหลงถานไป๋ถงเท่ากับเกรงกลัวเขา
“ข้าพูดแบบไม่อ้อมค้อม องค์ชายใหญ่ชอบพอไป๋อี้ชิง ทว่าเขากลับมีชายารองอยู่ก่อนแล้ว ข้าไม่เห็นว่าบุตรีของข้าสมควรจะเป็นต้องยื้อแย่งใครแม้จะเป็นเอกก็ตาม ข้าจึงอยากให้ฝ่าบาทประทานงานแต่งงานให้กับองค์ชายรองเหอผิงฟาหยางกับไป๋อี้ชิงเสีย เพราะหลายวันมานี้ไป๋อี้ชิงกับองค์ชายรองมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ อีกทั้งองค์ชายรอง ยังมีทีท่าว่าชอบพอกับบุตรีข้าข้าจึงกล้ามาพูดเรื่องนี้หวังว่าฝ่าบาท จะประทานอนุญาต”น่้ำเสียงเด็ดเดี่ยวจริงจัง หวงฉีปิงยิ้มมุมปาก
“ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือ ข้าควรประทานงานแต่งหรือ”
“ฝ่าบาทในใจฝ่าบาทรู้ดี ตำแหน่งรัชทายาท คนที่เหมาะสมที่สุดคือใคร แค่เพียงฝ่าบาทแต่งไป๋อี้ชิงให้กับ องค์ชายรองเสีย ข้าจึงยินดีสนับสนุนองค์ชายรอง อย่างถึงที่สุด”เหอผิงฉีปิงยิ้มบางๆ
[1]
เชิงอรรถ
^ ข้อมูลจากการผ่าจ้านและทำเสน่ห์ของคนทางเหนือประสบการณ์ตรง หมอเสน่ห์และผ่าจ้านที่เคยได้ยินเขาพูดให้ไรท์ฟัง หากคนที่มาขอให้ผ่าจ้าน (ผ่าจ้านคือทำให้เกลียดกัน) ต้องมาถึง สามครั้งหากไม่ถึงสามจะไม่ยอมทำให้เพราะถือว่าไม่เกลียดจริงการผ่าจ้านเป็นบาปอย่างยิ่ง หากทำให้ใครจะต้องถือศีลเจ็ดวันเจ็ดคืนเพื่อไถ่บาป และหากคนที่มาขอให้ทำให้ ยังตัดใจไม่ขาดหรือไม่ได้รับความเดือดร้อนพอ หมอผ่าจ้านที่ทำไปต้องรับบาปไปคนเดียวบาปกรรมจะตกอยู่กับลูกหลานอย่างเลี่ยงไม่ได้