๒
ฝากไว้ก่อนเถอะ
ขณะเดียวกัน คนถูกอ้วกใส่แล้วหนีซึ่งๆ หน้าอย่างทักษกร หลังจากยืนตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากของเหลวที่เลอะเทอะอยู่ตรงอกเสื้อ ชาวหนุ่มก้มลงมองนิดหนึ่งแล้วเบือนหน้าหนีโดยเร็ว
ความรู้สึกที่ตามมาคือความโกรธแต่ไม่นานก็กลายเป็นความขบขันโชคดีที่ตอนนี้ปลอดคนไม่มีใครมาเห็นเข้าตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะถูกผู้หญิงอ้วกใส่เป็นครั้งแรก มิหนำซ้ำยังอ้วกแล้วหนีอีกต่างหาก
คนอ้วกใส่เขาแล้วหนีก็เป็นผู้หญิงที่เขาถูกตาต้องใจเพราะขาสวย ส่วนหน้าตานั้นเป็นเพียงของแถมที่ตามมาซึ่งก็ถูกใจเขาอีกเช่นกัน ทำให้นึกถึงคำพูดของน้องเขยที่ถามเขาว่าถ้าขาสวยแต่หน้าไม่สวยขึ้นมาในทันที นี่ถ้าพี่ชายทั้งสองหรือน้องสาวรู้เรื่อง ที่เขาถูกผู้หญิงอ้วกใส่แล้วหนีเข้ามีหวังหัวเราะขำเขากันเป็นแถวแน่
ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากที่ยืนนักก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ชุบน้ำแล้วเช็ดคราบอ้วกอยู่หลายครั้ง แต่กลิ่นก็ยังคงอบอวลอยู่จนต้องตัดสินใจถอดเสื้อออกแล้วขยี้แรงๆ
ทว่า...
ขณะที่กำลังจะสวมเสื้อที่บิดจนหมาด เสียงร้องวี๊ดว้ายกระตู้วู้ก็ดังขึ้นตรงทางเข้าห้องน้ำเสียก่อน
“อุ๊ยตายแล้ว ฉันตาฝาดหรือว่าเมาหือนังแจ๊ด นั่นคนเป็นๆ หรือเทพบุตรกันล่ะนั่น ล้อหล่อ” คนพูดพูดพลางปาดน้ำลายที่ไหลย้อยตรงมุมปากหน้าตาบ่งบอกว่าร่ำสุราเข้าไปไม่ใช่น้อย
“นั่นสินังปริม อกขาวๆ นั่นก็น่าซบชะมัด”
“นังแจ๊ด ฉันเห็นก่อนหล่อนนะยะ ดังนั้นพ่อหนุ่มคนนี้ต้องเป็นของฉัน” คนส่งเสียงคนแรกพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ
“เห็นก่อนหรือหลังไม่สำคัญ มันอยู่ที่ความสามารถย่ะนังปริม” คนเห็นทีหลังพูดอย่างไม่สนใจ
“กะเทยควายอย่างแกกล้าจะมาสู้ฉันหรือนังแจ๊ด”
“กะเทยควายไม่ควายไม่สำคัญ มันอยู่ที่ลีลาเด็ดหรือไม่เด็ดย่ะนังปริม ซึ่งฉันมั่นใจว่าฉันเด็ดกว่าแกแน่นอน”
คนพูดผู้มีรูปร่างเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียว หน้าตาแต่งจนเข้มจัดชวนขวัญหนีดีฝ่อมากกว่าน่ามอง รีบเดินย่างสามขุมตรงรี่เข้าไปหาหนุ่มหล่อที่ยืนเปลือยหน้าอกอยู่ ซึ่งผู้เป็นเพื่อนผู้มีรูปร่างผอมบางราวไม้เสียบผี แม้จะเสียเปรียบด้านรูปร่างแต่ก็ไม่ยอมแพ้รีบเดินตามเข้าไปติดๆ
ทักษกรที่จู่ๆ กลายเป็นสินค้าที่กำลังถูกเลือกรีบสวมเสื้อโดยเร็วก่อนที่จะปรายตาเข้มจัดมองไปยังคนทั้งคู่ที่ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้า ปกติตัวเขาไม่ใช่พวกเหยียดหรือรังเกียจเพศที่สามแต่อย่างใด เพราะลูกน้องหลายคนในบริษัทก็เป็น แต่วันนี้ขอสักหน่อยเถอะน่า
แหม...คุยกันเป็นตุเป็นตะถามกันเองตอบกันเอง ถามเขาสักคำก่อนดีไหม
“ใครจะเข้ามาก่อนล่ะ หรือจะพร้อมๆ กันก็ได้”
คำพูดกำกวมชวนให้เข้าใจผิดของชายหนุ่มผิวขาวเจ้าของร่างสูงเพรียว แถมดวงหน้าหล่อเหลา ทำเอาสองกะเทยยิ้มกริ่มอย่างถูกใจจนแทบจะอดใจเอาไว้ไม่ไหว
“ตรงนี้เลยหรือคะ” คนชื่อปริมถามพลางเลียฝีปากแผล็บๆ ไปมา
“นั่นสิคะ ตรงนี้มันประเจิดประเจ้อ เดี๋ยวจะโดนข้อหาอนาจารนะคะหรือถ้าชอบแบบนี้แจ๊ดก็จัดให้ได้ค่ะ” คนชื่อแจ๊ดพูดพลางลูบริมฝีปากหันไปทางผู้เป็นเพื่อน “ขอฉันก่อนแล้วกัน แกไปดูต้นทางนังปริม”
“ไม่ได้ ฉันต้องเป็นคนได้ก่อน แกนั่นแหละนังแจ๊ด ไปดูต้นทาง”
ก่อนที่ทั้งคู่จะเถียงกันต่อทักษกรก็ตวาดเสียงเข้มออกไปพลางกวักมือเรียก
“เข้ามาพร้อมๆ กันนั่นแหละ เมื่อกี้เพิ่งถูกคนเมาอ้วกใส่กำลังหาคนเตะระบายอารมณ์อยู่พอดี ไม่ได้เตะกะเทยมานานแล้ว วันนี้โชคดีจริงๆ”
“อ้าว...”
“อ้าว...”
ทั้งสองร้องอ้าวขึ้นพร้อมกัน ดวงหน้าระรื่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ปากสั่นระริก
“ไม่ต้องอ้าว เข้ามาเลย พ่อจะเตะให้หน้าเขียวเลย”
ชายหนุ่มพูดจบก็ยกมือทั้งคู่ขึ้นหักนิ้วดังกร๊อบพลางขยับเท้าขวาไปมา ทำเอาสองกะเทยถอยหลังกรูดจากท่าทางเอาจริงเอาจังที่เห็น ตอนแรกเข้าใจผิดคิดว่าคนหล่อชอบแบบสวิงกิ้ง
“แกเข้าไปสินังแจ๊ด แกเป็นคนเห็นก่อนไม่ใช่เหรอ”
คราวนี้ทั้งคู่เริ่มเกี่ยงกันผิดกับตอนแรกที่แย่งกันประหนึ่งหน้ามือเป็นหลังเท้า
“แกนั่นแหละเข้าไปเถอะ ฉันเสียสละให้” คนพูดพูดจบก็เผ่นแน่บออกไปก่อนทันที คนเป็นเพื่อนก็รีบเผ่นตามไปติดๆ เช่นกัน เพราะยังไม่อยากถูกหนุ่มหล่อเตะ
“แกรอฉันด้วยนังแจ๊ด”
ทักษกรมองตามหลังสองกะเทยแล้วส่ายหน้าไปมา นึกถึงหญิงสาวต้นเหตุที่นอกจากจะอ้วกใส่เข้าจนเหม็นไปทั้งตัวแล้ว ยังเกือบทำให้เขาถูกกะเทยปล้ำพลางคิดในใจอย่างเข่นเขี้ยว
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
เมื่อชายหนุ่มกลับไปยังโต๊ะอีกครั้งและมองไปยังโต๊ะของหญิงสาวที่ฝากความเลอะเทอะไว้ให้ เขาก็ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งท่าทางดังกล่าวก่อความสงสัยให้เกิดกับฌอนไม่น้อย
“คุณกรหายไปไหนมา แล้วมองหาใครอยู่หรือครับ”
“ปละ...เปล่า” คนถูกถามตอบน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
“แล้วนั่นทำไมเสื้อเปียกล่ะครับ” คนเป็นน้องเขยเอ่ยถามเมื่อเห็นอกเสื้อของอีกฝ่ายที่สวมเสื้อสีฟ้า
อ่อน เมื่อเปียกจึงเห็นรอยได้อย่างชัดเจน