บทที่ 1 ฝากรัก EP.4

1227 Words
“มัณฑนากรฝีมือดีหรือครับ” ฌอนเผลอหลุดปากถามออกไปเพราะดันนึกถึงผู้เป็นพี่สาวขึ้นมาในทันใด เนื่องจากเจ้าตัวถือว่าเป็นมัณฑนากรฝีมือดีคนหนึ่งในวงการ “ใช่ คุณรู้จักหรืออ๋อง” คนเป็นน้องเขยรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ปละ...เปล่าหรอกครับ” พูดปฏิเสธไปแล้วเผลอชำเลืองมองไปยังโต๊ะของผู้เป็นพี่สาวด้านล่างแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ที่นั่น หรือว่าจะกลับไปแล้ว ทำให้ชายหนุ่มค่อยหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย แม้จะนึกเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อย แต่เขาก็คิดว่าเพื่อนๆ ร่วมโต๊ะคงไม่ปล่อยให้กลับตามลำพังหรอกน่า “ผมนึกว่าคุณพอจะรู้จักบ้าง” ทักษกรพูดแล้วผุดลุกขึ้นยืนทำเอาคนเป็นน้องเขยเอ่ยถามอย่างสงสัย “นั่นคุณกรจะไปไหนหรือครับ” คนถูกถามมองไปยังด้านล่างแวบหนึ่ง “เจอคนรู้จักน่ะ เดี๋ยวขอผมไปทักทายก่อน” ชานนท์ต้องตะโกนถามเสียงดังแข่งกับนักร้องบนเวทีเมื่อเห็นหิรัญญิการ์ลุกขึ้นยืน “นั่นแกจะไปไหนยายพลู” “ห้องน้ำ ฉันปวดฉี่ หรือแกจะไปเป็นเพื่อนฉันนังนนนี่” ชานนท์ส่ายหน้าก่อนพยักพเยิดไปทางมาริสา “ให้ยายสาไปเป็นเพื่อนแกแล้วกัน” คนถูกพยักพเยิดลุกขึ้นยืนทันที “ไปสิ ฉันกำลังนึกอยากจะไปห้องน้ำอยู่พอดี” พูดจบมาริสาก็จะทำท่าจะประคองผู้เป็นเพื่อนไปยังห้องน้ำ แต่เจ้าตัวส่ายหน้าไม่ยินยอม “ฉันเดินเองได้” “แค่ลุกขึ้นแกยังเซ อย่าดื้อนักเลยน่า” พูดจบก็ตรงเข้าประคองทันทีไม่สนใจท่าอิดเอื้อนของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ครั้นเดินไปได้ซักพักคนถูกประคองก็บ่นขึ้นพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ “ฉันปวดหัวจังเลยยายสา” “ก็จะไม่ปวดได้ไงล่ะ ก็เล่นดื่มเข้าไปเพียวๆ แบบนั้น แล้วแกน่ะไม่ได้คอแข็งแบบนนนี่หรือพี่ชาตินี่หว่าจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร” มาริสาพูดแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะตามปกติผู้เป็นเพื่อนจะไม่ค่อยได้แตะต้องพวกแอลกอฮอล์นัก เรียกว่านานทีปีหนเลยก็ว่าได้ “เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเดี๋ยวก็หาย หรือถ้าจะให้ดีก็ล้วงคออ้วกออกมาซะจะได้ดีขึ้น” คนถูกบอกให้ล้วงคออ้วกหัวเราะคิก “บ้าเหรอ กินเข้าไปแล้วจะอ้วกทำไมให้เสียของล่ะ” ซึ่งก็เป็นอย่างที่มาริสาว่าจริงๆ หลังจากออกจากห้องน้ำแล้วจัดการล้างหน้าล้างตาจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง แม้จะยังมีอาการปวดศีรษะหนึบๆ อยู่บ้าง ครั้นหันไปมองผู้เป็นเพื่อนยังไม่เห็นอีกฝ่ายตามออกมา หิรัญญิการ์จึงตัดสินใจเดินออกมารอด้านนอก เมื่อเห็นว่าตรงใต้ร่มไม้ใหญ่ริมทางเดินทางด้านซ้ายมือมีเก้าอี้ยาวสีขาวตั้งอยู่ จึงคิดจะเดินไปนั่งตรงนั้นเผื่อลมเย็นๆ จะช่วยให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย ทว่า... ขณะกำลังเดินจะเลี้ยวออกไปยังจุดหมายปลายทาง ก็ปะทะเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินกดโทรศัพท์อยู่อย่างจัง กระทั่งโทรศัพท์ในมือของอีกฝ่ายกระเด็นตกลงบนพื้นพร้อมกับเสียงโวยวายขึ้นมาว่า “เฮ้ย! อะไรกันวะ” หิรัญญิการ์ใช่ว่าจะไม่เจ็บเพราะหน้าผากของเธอกระแทกเข้ากับไหล่ของเจ้าของร่างสูงที่ตัวเองชนเต็มแรงจนต้องร้องอุทานออกมา “โอ้ย!” ครั้นมองหน้าผู้ที่ตัวเองเดินชน ดวงตาของหญิงสาวก็เบิกโพลงอย่างตกใจและคาดไม่ถึง เพราะเจ้าของร่างสูงที่เดินชนนั้นคือ... ทักษกร พี่ชายของน้องสะใภ้ คนที่เธอเพิ่งเอ่ยปากพูดค่อนว่ามาริสาผู้เป็นเพื่อนไปนั่นเอง ‘อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนะยายพลู’ แม้จะไม่เคยรู้จักหรือเจอกับอีกฝ่ายจังๆ มาก่อน แต่มาริสาทั้งเอารูปให้ดูและพูดถึงจนแทบล้างหูฟัง ความรู้สึกของเธอที่มีต่อผู้ชายคนนี้จึงอยู่ในทางด้านลบมากกว่าบวก และเพราะอาการมึนศีรษะที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ รวมกับหน้าผากของตัวเองกระแทกกับไหล่หนาของอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง ทำให้เกิดเป็นความพะอืดพะอม ที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในลำคอและตีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ของเหลวจากลำคอหรือพูดง่ายๆ ก็คืออ้วกพุ่งพรวดใส่ร่างสูงตรงหน้าทันที พรวด! ทักษกรที่กำลังยืนตะลึงพรึงเพริดอยู่ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงที่เดินชนเขาจะเป็นคนที่ตัวเองให้ความสนใจตอนนั่งอยู่บนชั้นลอย และยังไม่หายจากอาการตกตะลึง ก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจซ้ำสองจากของเหลวกลิ่นคละคลุ้งที่พุ่งใส่อกเสื้อเขา “เฮ้ย...อะไรกันวะ” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาอาการเจ็บหน้าผากจากการปะทะ หรือแม้แต่อาการปวดหัวหนึบๆ บวกพะอืดพะอมที่หิรัญญิการ์กำลังเป็นอยู่หายเป็นปลิดทิ้ง อาจจะหายตอนที่อ้วกใส่อีกฝ่ายแล้วด้วยซ้ำ หญิงสาวจึงตัดสินใจอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายยังยืนตกตะลึงก้มลงมองเสื้อตัวเองอยู่วิ่งผละหนีไปทันที ทำนองเดียวกับชนแล้วหนี แต่ของเธอเป็นอ้วกแล้วหนี ตอนนี้ขอไปตั้งตัวก่อนเถอะ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้คืออับอายขายหน้า หญิงสาววิ่งลัดเลาะไปยังรถยนต์ของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูหยิบขวดน้ำมาบ้วนปาก จนกลิ่นไม่พึงประสงค์ค่อยๆ หายไป แล้วจึงเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ภายในรถพลางนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เมื่อกี้...เธออ้วกใส่ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อทักษกรนี่นะ เวรละยายพลู แถมอ้วกใส่แล้วหนีอีกต่างหาก ถ้าเกิดเจอเขาอีกครั้งเธอจะทำหน้าอย่างไรล่ะนี่ แต่...วงจรชีวิตของเธอกับเขาไม่น่าจะมาบรรจบพบกันได้หรอกน่า คิดได้ดังนั้นดวงหน้าของคนอ้วกแล้วหนีก็ยิ้มย่องผ่องใส แล้วต้องสะดุ้งเมื่อเสียงสมาร์ตโฟนในกระเป๋าใบใหญ่ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อของผู้เป็นเพื่อนที่หน้าจอก็รีบกดรับทันที “ว่าไงยายสา” “ฉันไม่ว่า แต่จะด่าแกยายพลู ฉันออกมาไม่เจอก็นึกเป็นห่วง กลัวว่าแกแอบไปอ้วกอยู่ที่ไหน” ‘ฉันไม่ได้แอบแต่อ้วกใส่โต้งๆ เลยแหละ แถมอ้วกใส่คนที่แกชื่นชอบด้วยแหละยายสาเอ๋ย’ หิรัญญิการ์ตอบเพื่อนอยู่ในใจแต่ปากก็พูดออกไปว่า “ฉันอยู่ที่รถกำลังจะกลับแล้ว ฝากแกบอกพวกที่โต๊ะด้วยแล้วกันว่า ฉันขอตัวกลับก่อน มึนหัวชะมัด” “แล้วแกขับรถกลับคนเดียวได้เหรอ ให้ฉันนั่งไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ” “ไม่ต้อง” หิรัญญิการ์พูดปฏิเสธทันควัน “แกกลับไปนั่งกับพวกพี่พริ้งเถอะ เดี๋ยวฉันถึงบ้านแล้วจะโทร. รายงาน” “อืม ถ้าอย่างนั้นแกก็ขับรถดีๆ นะ ระวังตำรวจด้วยแล้วกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD