เมื่อขับรถมาถึงลานจอดรถของตึก ทอฝันเลี้ยวรถเข้าจอดในช่องจอดประจำของเธอ ยังไม่ทันลงจากรถก็ได้รับข้อความในไลน์กลุ่มเพื่อนชวนไปกินอาหารมื้อค่ำวันนี้
ทอฝันอ่านข้อความแล้วลังเลใจว่าจะตอบรับหรือจะปฏิเสธดี เพราะช่วงนี้อารมณ์ของเธอไม่คงที่เท่าไร เธอไม่อยากพบปะพูดคุยกับใคร โชคดีที่ครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดกันตั้งหนึ่งสัปดาห์ เธอจึงไม่ต้องระวังสีหน้าแววตาเท่าไร เพราะไม่มีใครมอง เธอรู้ว่าป๊า ม้า พี่ชาย พี่สะใภ้เป็นห่วงเธอ เวลาเธอมีอะไรผิดปกติเล็กน้อย พวกเขาจะสังเกตเห็น และคอยถามไถ่เสมอ อย่างเมื่อเช้านี้ เฮียเมฆก็มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ยังดีที่พี่หยงอยู่ด้วย เฮียจึงไม่ได้ซักไซ้เธอมากเท่าไร
แต่พอคิดไปคิดมา เธอคิดว่า ควรรับนัดเพื่อน ๆ ดีกว่า อย่างน้อยในช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อน มันอาจจะทำให้เธอลืมเรื่องว้าวุ่นใจตอนนี้ไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทอฝันจึงพิมพ์ข้อความตอบตกลงส่งไปในกลุ่มแชท
หลังจากส่งข้อความแล้ว ทอฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้อยากปัดความคิดวุ่นวายในหัวออกไป แต่สุดท้ายเธอก็ยังวนเวียนคิดถึงเขาอยู่ดี
ทอฝันจึงบอกตัวเองว่า ถ้าจะคิดก็ขอคิดในแง่ดีว่า เขาไม่ได้ไปเกเรที่ไหน เขาแค่งานยุ่งจนไม่มีเวลาว่างให้เธอก็เท่านั้น ในเมื่อเขาทำงาน เธอก็ต้องทำงาน ทำให้ยุ่งเข้าไว้จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ช่วงนี้เขาอาจจะไม่ว่างมาเจอเธอ ไม่สะดวกโทรหา ถ้าอย่างนั้นก็รอให้งานเบาบางลง แล้วค่อยเจอกันก็ได้
“ทำงาน !” ทอฝันบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงขึงขัง เธอดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงจากรถ เดินตรงไปยังร้านของเธอ
เธอจะทำหน้าของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะเจ้าของร้าน และคนรักของจิรายุ เมื่อเขายุ่งเธอก็จะไม่กวน ในฐานะคนรัก เธอจะส่งกำลังใจให้เขาอยู่ห่าง ๆ และอวยพรขอให้เขาทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แม้ค้างคาใจ แม้อยากพูดคุยให้เคลียร์ แต่เธอจะรอวันที่เขาโทรมาหา เพื่อจะได้พบเจอพูดคุยกัน ทอฝันคิดว่า หากได้อยู่กันลำพังในครั้งหน้า เธอจะพูดกับเขาเรื่องที่จะบอกให้คนอื่นได้รู้ว่า เธอกับเขากำลังคบหาดูใจกัน
บรรยากาศร้านอาหารค่อนข้างเป็นส่วนตัว จารวี ชิดชนก และดอกสร้อยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทอฝันมาถึงร้านเป็นคนสุดท้าย เพราะเธอเพิ่งปิดร้านตอนหนึ่งทุ่ม
“มาช้านะแก รู้ไหมว่าอีกสี่สิบห้านาที คุณภพก็จะมารับยัยจากลับบ้านไปเลี้ยงลูกแล้ว” ดอกสร้อยมองค้อนคนที่เพิ่งนั่งลงข้างเธอ
“อย่าว่ากัน ฝัน...อย่าไปฟังนังดอก นี่ ๆ ฉันสั่งกับข้าวของโปรดแกไว้รอแล้ว กิน ๆ” จารวีห้ามศึกเพื่อน แล้วชักชวนกันรับประทานอาหารและพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ
“ยัยจา...คุณภพเขาจะทำบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่แกเหรอ” ชิดชนกหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน เพราะก่อนหน้าที่ทอฝันจะมา จารวีบอกว่าจิรายุกำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่บนที่ดินเดิมให้พ่อกับแม่
“เปล่า...จิเป็นคนจัดการและออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด จิมันไม่ยอมรับเงินจากฉันกับคุณภพเลย แต่ระหว่างทำบ้านใหม่ พ่อกับแม่จะมาพักอยู่กับฉันก่อน”
“อ้อ ! จิเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว หน้าที่การงานก็ใหญ่โตมั่นคงขนาดนั้น ก็คงอยากทำเองทั้งหมด จะได้ภาคภูมิใจว่า บ้านมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แล้วนี่ เด็ก ๆ คงดีใจใหญ่เลยที่คุณตาคุณยายจะไปอยู่ด้วยใช่ไหม”
“ดีใจมาก วางแผนจะไปนอนเพื่อนคุณตาคุณยายกันแล้ว” จารวีว่ายิ้ม ๆ ลูก ๆ ของเธอรอคุณตาคุณยายย้ายเข้าบ้านอย่างใจจดจ่อ โดยเฉพาะจันทร์จ๋า...ลูกสาวคนโตวัย 6 ขวบ ถามทุกวันว่าเมื่อไรคุณตาคุณยายจะมาอยู่ด้วย
“แล้วจิมีแฟนหรือยังจา จะว่าไปน้องชายแกก็หล่อเหลาเอาการอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายแก ฉันจับกินตับไปนานแล้ว” ดอกสร้อยว่าแล้วยิ้มพราว
“นังดอก น้องนุ่งก็เว้นหน่อยเหอะ” ชิดชนกเบ้ปากมองแรงเพื่อนสาว
“โอ๊ย ! นังชิด ถึงฉันอยากกินตับเขา เขาก็คงไม่ให้ฉันกินง่าย ๆ หรอก ตอนนี้เจ้าจิของยัยจาไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาแล้วนะยะ แต่เป็นหนุ่มเต็มตัว หล่อเหลา สมาร์ต แถมยังดูภูมิฐาน หน้าที่การงานก็ดี อนาคตยิ่งไม่ต้องพูดถึง จิต้องเป็นหนุ่มนักบริหารที่เนื้อหอมสุด ๆ แน่ คงมีสาว ๆ มาต่อคิวรอให้กินตับเพียบ จิคงมองไม่เห็นหญิงชราสายเปย์อย่างฉันหรอก”
“เออ...รู้ตัวก็ดี นังหญิงชราสายเปย์” ชิดชนกว่าแล้วป้องปากขำ ดอกสร้อยจึงขึงตาใส่เพื่อน
จารวีหัวเราะขำเพื่อนสาวทั้งสอง ถ้าไม่มีโต๊ะอาหารขวางกั้น สองคนนี้คงวางมวยกันไปแล้ว
“ฝัน...แกหิวจัดขนาดนั้นเลยเหรอ เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ไม่พูดไม่จา” ดอกสร้อยมองเพื่อนอย่างสงสัย ตั้งแต่มานั่งลง ทอฝันไม่พูดอะไรเลย เอาแต่สนใจกับข้าวบนโต๊ะเท่านั้น
“ฉันเคยพูดทันพวกแกสองคนด้วยเหรอ”
ดอกสร้อยยิ้มแหย แล้วส่ายหน้า “ไม่เคย” ตอบแล้วก็หันไปถามจารวีเรื่องของจิรายุใหม่ “แล้วสรุปว่า จิมีแฟนหรือยังเหรอจา”
จารวีทำหน้าครุ่นคิด ขณะที่ยังไม่ได้เอ่ยตอบ ทอฝันก็เหลือบตามองเพื่อนด้วยสายตาหวาดระแวง หัวอกหัวใจเต้นระรัว เหมือนคนมีชนักติดหลัง กลัวถูกจับได้