04

1420 Words
“เอ้อ! สวัสดีค่ะพี่ริชาร์ด เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีอะไรจะคุยกับแคทอย่างนั้นเหรอคะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน แคทเทอรีนจึงรีบแก้สถานการณ์ความอายให้ “ก็เรื่องงานนั่นแหละ ว่าแต่ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ” แคทเทอรีนทำหน้าเหลอหลาขึ้นมาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอลืมมารยาทที่จะต้องชวนให้อีกฝ่ายนั่งซะก่อน เป็นเพราะความเฟอะฟะซุ่มซ่ามของชมพูแพรแท้ๆ ที่ทำให้เธอพลอยป้ำๆ เป๋อๆ ไปด้วย “เอ่อ! ชะๆ เชิญค่ะพี่ริชาร์ด” แคทเทอรีนทำหน้าจืดเจื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายยังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ “ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่มากวนเวลาคุยของเรากับเพื่อนรึเปล่าแคท” เมื่อนั่งลงแล้ว ริชาร์ดก็ไม่ลืมที่จะถามกลับไปอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้แคทเทอรีนนึกถึงมารยาทข้อนึงขึ้นมาได้อีก ซึ่งก็คือ การแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของเธอนั่นเอง “ไม่เลยค่ะ เอ่อ! พี่ริชาร์ดคะ นี่ชมพูแพร นี่จัสมิน เพื่อนรักของแคทเองค่ะ” แคทเทอรีนทำเสียงนอบน้อม เนื่องจากอีกฝ่ายอาวุโสกว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ถึงแม้ริชาร์ดจะเป็นญาติของเธอก็ตาม แต่ก็แค่ญาติห่างๆ และเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจและเกร็งทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้ “สวัสดีครับสาวๆ” ริชาร์ดทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้มดังเดิม เมื่อทั้งสองสาวต่างก็ยกมือไหว้เขาด้วยความนอบน้อม “เราสองคนเป็นคนไทยเหรอ” ริชาร์ดอดถามด้วยความสนใจไม่ได้ เมื่อเห็นทั้งสองคนทักทายเขาด้วยการไหว้อย่างนอบน้อม ซึ่งมันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ “ค่ะ ชมพู่เป็นไทยแท้ๆ เลยค่ะ แต่จัสมินเขาเป็นลูกครึ่งไทย เบลเยี่ยมน่ะค่ะ เราสองคนบินมาเรียนที่นี่พร้อมกัน แล้วก็ได้เจอกับแคท หลังจากนั้นเราสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นจนถึงบัดนี้นี่แหละค่ะ และคิดว่าเราคงจะเป็นเพื่อนรักกันไปอีกนานสองนานเลยล่ะค่ะ” ความจริง ชมพูแพรตั้งใจจะสาธยายต่อ แต่ก็ถูกเพื่อนรักเบรกเอาไว้ซะก่อน “พอเหอะ แกจะสาธยายให้เขารู้ทั้งสำมะโนครัวเลยรึไง” จัสมินห้ามชมพูแพรเสียงเขียว ด้วยไม่ยินดีให้ใครมาล่วงรู้ประวัติของตัวเองสักเท่าไหร่ “พี่ขอแทนตัวเองว่าพี่ เหมือนกับที่ใช้กับแคทแล้วกันนะครับ พี่ว่าน้องชมพู่น่ารักดีนะครับ คุยเก่งดี พี่ชอบ” คำว่าชอบของริชาร์ด ไม่ว่ามันจะเป็นความหมายมีนัยอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ชมพูแพรเขินไปแล้ว “นี่น้อยๆ หน่อยเหอะ ได้ข่าวว่าแกเพิ่งอกหักไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อกี้แกยังทำท่าจะเป็นจะตายอยู่เลยนะ” จัสมินแอบกระซิบกระซาบกับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นอาการบิดไปบิดมาของเพื่อนด้วยความเขินอาย “แล้วน้องจัสมินล่ะครับ มีชื่อเล่นรึเปล่า อืม! เท่าที่พี่พอรู้มา จัสมินเป็นชื่อดอกไม้ของไทยที่ดอกสีขาวๆ กลิ่นหอมๆ ใช่ไหมครับ เอ! พี่ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าดอกอะไร” ริชาร์ดทำท่าคิด “ดอกมะลิค่ะพี่ริชาร์ด จริงๆ บางครั้งชมพู่กับแคทก็ชอบเรียกเขาว่ามะลิเหมือนกันนะคะ แต่เจ้าตัวน่ะสิไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ชมพูแพรรีบบอก ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับหน้าหงิกขึ้นมาทันที “แกไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีอะไรถึงได้บอกเขาหมดแบบนั้นน่ะ” จัสมินหันไปเอ็ดเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ด้วยความจริงนั้นพวกเธอเพิ่งจะได้รู้จักกับเขาเท่านั้น แต่ชมพูแพรกลับทำท่าสนิทสนม ไหนจะยังใช้สรรพนามที่ดูเหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแบบนั้นอีก “น้องชมพู่นี่น่ารักเป็นกันเองดีนะครับ พี่ชอบ” เป็นอีกครั้งที่ริชาร์ดกล่าวคำนี้ ทำเอาจัสมินถึงกับเบะปากกับคำว่า ‘พี่ชอบ’ อีกแล้วของอีกฝ่ายทันที “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉัน งั้นฉันกลับก่อนนะแคท ไว้ค่อยเจอกัน” จัสมินลุกขึ้นด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจแขกไม่ได้รับเชิญอย่างริชาร์ดเป็นที่สุด ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม “งั้นเห็นทีคงกลับก่อนไม่ได้แล้วมั้งครับ เพราะเรื่องที่พี่จะพูดมันเกี่ยวกับน้องด้วยเหมือนกัน” จัสมินหันขวับมามองหน้าริชาร์ดอย่างเอาเรื่อง “ใครเป็นน้องคุณ แล้วคุณก็ไม่ใช่พี่ชายฉันด้วย คราวหน้ากรุณาเรียกชื่อฉันจะดีกว่าค่ะ” จัสมินบอกเสียงกระแทกกระทั้น แต่คนฟังกลับยังยิ้มกริ่ม ยิ่งทำให้คนพูดรู้สึกขัดเคืองใจขึ้นเป็นเท่าตัว “โอเคครับ งั้นต่อไปผมจะเรียกคุณว่ามะลิก็แล้วกันนะครับ” ริชาร์ดแกล้งแหย่กลับไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้สนเลยว่าเจ้าของชื่อกำลังโกรธสักแค่ไหน “คุณ” จัสมินตะคอกอีกฝ่ายเสียงดัง อย่างกับจะเอาเรื่องซะให้ได้ ยังดีที่แคทเทอรีนรีบห้ามซะก่อน ในขณะเดียวกันชมพูแพรกลับนั่งมองทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างงงๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเองเป็นต้นเหตุด้วยเหมือนกัน “เอ้อ! แคทว่าเรามาคุยธุระของเรากันต่อดีกว่านะคะ เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราไม่ใช่เหรอคะ มินแกก็นั่งก่อนสิ คุยเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้ วันนี้แกก็ว่างทั้งวันนี่นาเนอะๆ” แคทเทอรีนพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้เพื่อนรักอาละวาดออกมาซะก่อน ทำให้จัสมินยอมนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นในที่สุด สร้างความพอใจให้กับริชาร์ดได้ไม่น้อย “คือวันก่อนพี่เจอพ่อเราน่ะ เห็นท่านบอกกับพี่ว่าเราอยากมาทำงานที่บริษัทพี่ใช่ไหม เอ! ไม่รู้ว่าตอนนี้เรายังสนใจอยู่รึเปล่า” ริชาร์ดลองถามหยั่งเชิง แต่คิดว่าคิดไม่ผิด เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของแคทเทอรีน “สนค่ะสน พี่ริชาร์ดตกลงรับพวกเราเหรอคะ” แคทเทอรีนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี ด้วยตนกับชมพูแพรหวังไว้เยอะว่าจะได้งานนี้ “อืม! ก็ไม่เห็นว่างานนี้จะเกี่ยวกับฉันเลยนี่ งั้นฉันกลับเลยแล้วกัน” จัสมินยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะกลับก่อน “เอ้า! นี่ไม่ได้ทำด้วยกันทั้งสามคนเลยหรอกเหรอ” ริชาร์ดถามขึ้นอย่างแปลกใจ “อ๋อ! เปล่าค่ะ จัสมินเขาจะกลับเมืองไทยเร็วๆ นี้แล้วค่ะ รายนั้นเขาต้องกลับไปช่วยที่บ้านบริหารธุรกิจต่อ” เนื่องจากว่าทางครอบครัวของจัสมินนั้นมีธุรกิจที่ใหญ่พอตัว ดังนั้นเมื่อเรียนจบ เธอจึงต้องกลับไปช่วยครอบครัวบริหารงานต่อนั่นเอง “เอ้าเหรอ แต่พี่ล็อกตำแหน่งไว้ให้เราสามที่แล้วนะ ถ้าขาดตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไป พี่คงต้องปฏิเสธเราแล้วล่ะ เพราะงานนี้พี่ต้องการทีมเวิร์กที่ต้องเข้าขากันเป็นอย่างดี ถ้าได้ไม่ครบพี่คงต้องไปหาทีมอื่นแล้วล่ะ ตกลงตามนี้แล้วกันนะแคท” ทันทีที่ริชาร์ดพูดจบ ชมพูแพรถึงกับลุกขึ้นแทรกด้วยท่าทางแตกตื่น “ไม่ได้นะ” แล้วความรีบร้อนของเธอก็เป็นเหตุให้ความซุ่มซ่ามเกิดขึ้นอีก เมื่อคุณเธอเผลอลุกขึ้นรวดเร็ว เป็นเหตุให้แก้วน้ำที่วางอยู่สองสามแก้วหกเรี่ยราดไปตามๆ กัน ยังผลให้ชายหนึ่งเดียวที่ร่วมโต๊ะต้องเปียกไปด้วย และที่น่าหนักใจก็คือ ตำแหน่งที่เปียกมันดันเป็นเป้ากางเกงของเขาด้วยนี่สิ “ขอโทษค่ะ เดี๋ยวชมพู่เช็ดให้ค่ะ” เธอขอโทษด้วยใบหน้าสำนึกผิด อีกทั้งยังรีบกุลีกุจอไปเช็ดให้เขาอีก ดีที่อีกฝ่ายห้ามไว้ซะก่อน “เอ่อ...พี่ว่าพี่เช็ดเองจะเหมาะกว่า” ริชาร์ดรีบยกมือห้าม ทำให้ชมพูแพรต้องก้มลงมองและคิดขึ้นมาได้ ว่ามันไม่สมควรจริงๆ จึงได้แต่เดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD