“นี่! ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เนี่ย แกโกรธหรือว่าเสียใจกันแน่วะ” ทันทีที่เห็นหน้ามุ่ยๆ ของเพื่อน จัสมินถึงกับอดถามไม่ได้
“ก็ทั้งสองอย่าง แกคิดดูสิฉันอุตส่าห์ดีใจ หลงคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ โทบี้เป็นผู้ชายที่ฉันคบด้วยนานที่สุดนะ เขาทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารักฉันมาก มากจนไม่ถือเรื่องที่ฉันซุ่มซ่าม แต่สุดท้ายก็เปล่าเลย ฉันเสียใจอ่ะแก” ชมพูแพรก้มหน้าบอกเสียงสั่นเครือ
“ก็แค่สามเดือนที่แกกับหมอนั่นคบกัน จะเสียใจอะไรนักหนาวะ เออ! ว่าแต่สามเดือนนี่นานที่สุดสำหรับแกแล้วเหรอ” จัสมินถามไปก็อดขำไปด้วยไม่ได้
“ก็ใช่น่ะสิ แค่สามเดือน แกใช้คำว่าแค่ได้ยังไง มันตั้งสามเดือนเชียวนะ คิดดูสิคนก่อนๆ ที่คบกันไม่ถึงเดือนก็เผ่นหนีฉันแทบไม่ทันแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไง แกไม่เป็นฉันแกก็พูดได้สิ ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ” ชมพูแพรหันมาตัดพ้อ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ทำให้จัสมินขำได้ก็ไม่รู้
“เอาน่า! ก็แค่อกหัก ไม่ถึงตายหรอก ดีไม่ดีฉันว่าแกไม่ได้เจ็บหรอก ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เพราะแกเจ็บใจมากกว่า ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ แกเจ็บใจที่ถูกยัยลิลลี่แย่งแฟน” ชมพูแพรหันขวับมามองหน้าเพื่อน เมื่อถูกจัสมินพูดแทงใจดำแบบนั้น
“ฮือ! ...ก็มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ กี่ครั้งแล้วที่ยัยนั่นทำให้ฉันเป็นคนแพ้ มันเสียเซลฟ์นะไม่รู้รึไง มีแฟนกี่คนๆ ก็โดนยัยนั่นสอยไปเรียบ ไม่เข้าใจจริงๆ ยัยดอกหน้าวัวนั่นจะจองเวรอะไรกับฉันนักหนา” ชมพูแพรเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บใจ
“แกยังจะมีหน้าถามอีกเหรอชมพู่ ก็เพราะความซุ่มซ่ามของแกยังไงล่ะ ที่ทำให้ยัยนั่นอายจนต้องจองเวรแกไม่เลิกแบบนี้” ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่เธอมาเรียนที่นี่ใหม่ๆ และได้เจอกับลิลลี่ ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายนั้นดูจะฮอตไม่น้อยในมหาวิทยาลัย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าไม่เพราะความซุ่มซ่ามของชมพูแพรทำให้อีกฝ่ายต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย จากนั้นมา ลิลลี่จึงตั้งป้อมเป็นศัตรูของเธอมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังราวีเธอไม่เลิก
“แต่นั่นมันก็นานมาแล้วนะ คนอะไรแค้นฝังหุ่นไม่เลิก นี่ๆๆ ฉันกำลังอกหักนะ พวกแกจะเซ้าซี่อะไรนักหนา คนกำลังเฮิร์ทนะ ชิ!” พูดจบชมพูแพรก็ลุกขึ้นอีกครั้ง
“แล้วนี่แกจะไปไหนอีกเนี่ย ฉันไม่อยากเห็นภาพจิตๆ ของแกอีกหรอกนะ” แคทเทอรีนที่นั่งเงียบมาตลอด เพราะภาพหิ้วหูกระต่ายของเพื่อนยังตามหลอกหลอน เธอรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นอีกครั้ง ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะไปทำอะไรแบบนั้นอีก
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำแบบนั้นอีกแน่ มันเหนื่อย! ขอฉันไปเดินทำมิวสิคข้างนอกสักพัก เดี๋ยวมา” ชมพูแพรพูดจบก็เดินออกไปนอกร้านทันที แต่ยังเดินไม่ถึงไหนก็ต้องรีบวิ่งกลับมาอีก
“เอ้า! ไม่อยากทำมิวสิคแล้วเหรอแม่นางเอก อ้อ! หรือจะกลับมาหิ้วกระต่ายน้อยของแกออกไปเดินเป็นเพื่อนด้วย” จัสมินกระแนะกระแหนเพื่อนอีก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินกลับเข้ามา และอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจกลับมาเอากระต่ายน้อยผู้น่าสงสารที่ตอนนี้กลับไปนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าใบเดิมแล้ว
“เปล่า ฉันกลัวเปียกหรอกย่ะ ไม่เห็นรึไงว่าฝนกำลังจะตก ขืนทำมิวสิคตอนนี้ได้เปียกมะล่อกมะแล่กเป็นลูกหมาตกน้ำกันพอดี” คำตอบของเธอทำเอาเพื่อนทั้งสองคนหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆๆ ไอ้บ้า นี่แกเศร้าจริงๆ รึเปล่าเนี่ย อกหักกับฝนตกเป็นของคู่กันเลยนะ เอาจริงๆ แกเคยดูมิวสิคเพลงอกหักจริงปะเนี่ย ฮ่าๆๆ” จัสมินถามไปก็ขำไป
“แกน่ะสิบ้า คนอกหักก็เปียกเป็นนะโว้ย พอเปียกแล้วก็หนาว พอหนาวเดี๋ยวก็จะไม่สบาย พอไม่สบายก็นอนซม นอนซมก็ต้องหาหมอ หาหมอก็ต้องเสียเงิน ไม่! ฉันไม่ยอมให้ตัวเองต้องมาเสียเงินเพราะเรื่องแบบนี้แน่ ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นทำอะไรต้องคิดให้ดีซะก่อน ถึงจะอกหักก็ต้องอกหักแบบไม่เสียตังค์” ทั้งจัสมินและแคทเทอรีนพากันกลอกตาไปมากับความงกที่ไม่เคยเปลี่ยนของเพื่อน
“เออๆๆ ลองแกคิดได้ขนาดนี้ พวกฉันสองคนคงไม่ต้องเป็นห่วงแกแล้วมั้ง” จัสมินบอกพร้อมกับหันไปหลิ่วตาให้แคทเทอรีนด้วย เพราะทีแรกรายนี้ดูจะกังวลไปซะทุกเรื่อง ได้ยินแบบนี้คงสบายใจขึ้น เอ๊ะ! หรือจะเครียดยิ่งกว่าเดิมก็ไม่รู้
“เฮ้ย! ต้องห่วงสิ ฉันเพิ่งอกหักมานะ พวกแกต้องเห็นใจและคอยปลอบใจฉันสิ แกไม่เคยได้ยินรึไงว่าคนอกหักต้องการกำลังใจมากแค่ไหน และกำลังใจที่ดีที่สุดของฉันก็คือ กิน” ได้ยินแบบนี้ สองสาวที่นั่งฟังอยู่ถึงกับกลอกตาไปมาพร้อมกันอีก
“นี่ น้อยๆ หน่อยเถอะแม่คุณ คนอกหักน่ะ เขาต้องกินอะไรไม่ลงย่ะ” จัสมินแขวะด้วยความหมั่นไส้ ลองเป็นแบบนี้ ความงกคงเข้าครอบงำอีกแน่ๆ
“ก็นั่นมันคนอื่น แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเหมือนใคร” ชมพูแพรทำหน้างออีก
“เอาตรงๆ ที่แกอุตส่าห์พล่ามมาทั้งหมดเนี่ย เพราะอยากให้พวกฉันสองคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้แกว่างั้น” จัสมินไม่พูดอ้อมค้อมอีก
“บ้า แกก็พูดอะไรแบบนั้น แต่ที่เหลือช่วยห่อกลับบ้านด้วยก็ดีนะ แหะๆ ล้อเล่นน่า นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้อดีตแฟนเฮงซวยนั่นกินแล้วไม่จ่าย ฉันคงไม่เจ็บใจเท่านี้หรอก คิดดูสิ หักอกฉันยังไม่พอ ยังจะให้ฉันจ่ายค่าอาหารที่มันกินอีก ” เพื่อนทั้งสองถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง เชื่อคุณเธอเลยจริงๆ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ไหน คุณเธอก็ยังมีสติคิดเป็นชอตๆ ที่สำคัญงกได้ทุกสถานการณ์ด้วย
ในระหว่างนั้นเองขณะที่สองสาวกำลังมองเพื่อนกินอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้ลืมเรื่องเศร้าๆ ได้ แล้วจู่ๆ ก็มีหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาทัก
“เอ้า! แคทอยู่นี่เอง พี่กำลังอยากคุยกับเราอยู่พอดีเชียว” เสียงทุ้มๆ ของริชาร์ดทำให้ทั้งสามสาวต้องหันไปมองอย่างสนใจ โดยเฉพาะชมพูแพรที่ถึงแม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง ที่มีคนมาขัดจังหวะการกิน แต่เธอก็ยังอุตส่าห์หันไปมองด้วยอีกคน
“อุ๊ย!” ชมพูแพรอุทานเสียงดัง เมื่อมือไม้ที่กำลังถือมีดกับส้อมมันดันกระตุกขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้เนื้อชิ้นโตที่เธอกำลังเพียรพยายามหั่นมันเป็นชิ้นเล็กๆ ลอยหวือขึ้นไปในอากาศ และให้ตายเถอะ มันดันลอยไปทางหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นซะด้วยสิ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ริชาร์ดที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีก็เร็วไม่แพ้กัน ทำให้ตอนนี้เนื้อชิ้นนั้นของเธอเลยถูกเขารับเอาไว้โดยสวัสดิภาพในที่สุด ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสามสาวที่กำลังนั่งตาค้างอ้าปากหวอไปตามๆ กัน
“นี่ของคุณครับ” แล้วเสียงนุ่มๆ ของริชาร์ดก็เรียกสติของสามสาวกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะชมพูแพรที่ต้องอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เมื่อสุภาพบุรุษตรงหน้าดันยื่นเนื้อเจ้าปัญหากลับมาให้
‘ฮือ...! แกซุ่มซ่ามจนได้เรื่องอีกแล้วนะชมพู่ อ๊าย! ต่อหน้าหนุ่มๆ ด้วย ชาตินี้จะหาผัวกับเขาได้ไหมเนี่ยชมพูแพร ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าฉันจะขอเก็บเนื้อชิ้นนี้ไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ย! ระลึก จะมีใครว่าอะไรไหมนะ’
“ขะๆ ขอบคุณค่ะ” ชมพูแพรแก้เก้อด้วยการรีบรับเนื้อชิ้นนั้นเอาไว้พร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“ด้วยความยินดีครับ” ริชาร์ดตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มล้อ แน่นอนว่ามันต้องเป็นรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่สาวๆ คนไหนเห็นเข้า คงต้องใจละลายแน่ๆ แต่ตอนนี้ชมพูแพรคงไม่มีอารมณ์จะมาละลายตอนนี้ ด้วยยังอายไม่หาย จึงได้แต่ส่งยิ้มจืดเจื่อนกลับไปแทน