“เฮ้ย! อย่าทำท่าเป็นผู้ชายขี้ใจน้อยแบบนี้สิวะ เรื่องที่แกว่ามามันสำคัญมาก แค่ไม่ได้รีดนมมันไม่ถึงตายหรอกน่า ยังไงเรื่องของแกก็สำคัญกว่าเป็นไหนๆ ให้ตายสิ ฉันนี่คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ไว้ใจคนฉลาดๆ อย่างนายให้มาทำงานอยู่ข้างๆ” เอ่อ...คำพูดและท่าทางจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนิดที่เคนยังต้องกลอกตาไปมา
“ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอครับ แล้วฝ่าเท้านายที่ประทับอยู่บนตัวผมล่ะครับ ใครจะรับผิดชอบ” เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ เคนจึงขอเอาคืนบ้างเล็กๆ น้อยๆ
“ฉันไง ฉันจะรับผิดชอบให้ ในเมื่อฉันเป็นคนประทับ งั้นฉันจะเป็นคนลบให้แกเอง แบบนี้ไง ลบๆๆ” ว่าแล้วริคาโด้ก็ยื่นมือไปปัด ราวกับกำลังลบรอยฝ่าเท้าของตัวเองบนตัวของอีกฝ่าย
“รอยตีนนะครับ ไม่ใช่รอยดินสอ ลบแค่นี้มันไม่ออกหรอก เหมือนกับใจของผม ที่มันมีรอยไปแล้ว ลบยังไงมันก็ไม่หาย” เอิ่ม! ได้เปรียบหน่อยก็ทำดราม่า
“อืม! อยากหายใช่ไหม เดี๋ยวแกได้หายสมใจแน่ ถ้ายังไม่รีบเล่ามาฉันจะทำให้แกหายไปจากตรงนี้จริงๆ แล้วก็หายไปจากบริษัทนี้ด้วย ห้า สี่ สาม...” ริคาโด้ขูเสียงเย็นด้วยการนับถอยหลัง
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ เล่าแล้วๆ ทำไมโลกช่างไม่ยุติธรรมกับไอ้เคนเลย ถูกกระทำแท้ๆ แต่กลับเรียกร้องอะไรไม่ได้สักอย่าง โลกนี้มันช่างโหดร้าย” คนบอกจะเล่าแต่กลับพล่ามต่อ
“ไอ้เคน” ริคาโด้เค้นเสียงต่ำ บอกให้รู้ว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทนเข้าไปทุกทีแล้ว
“โอเคๆ บอกแล้วครับ คือเมื่อกี้ก่อนที่ผมจะขึ้นมานี่ แล้วก็เจอว่านายกำลังอยู่ในช่วงงดแอลกอฮอล์ และหันมาดื่มนมสดจากเต้าแทน จากนั้นผมก็บอกกับนายว่ามีเรื่องสำคัญ แต่นายก็” เคนยอมบอกก็จริง แต่ก็ยังแกล้งเจ้านายด้วยการเล่าแบบอ้อมโลก แต่คนใจร้อนก็ไม่ทนฟังจนจบหรอกนะ
“ไอ้เคน แกคงอยากหายไปจากโลกนี้จริงๆ สินะ สรุปมาสั้นๆ” ริคาโด้คำรามเสียงเขียว
“ผมเจอคุณลูโป่งที่นี่ครับ” เอ่อ...นี่ก็สั้นเกิ๊น
“เจอที่นี่ แล้วยังไงต่อ เล่ามาให้หมดสิวะ” ถ้าไม่ติดว่าเขายังอยากรู้เรื่องทั้งหมดจากอีกฝ่ายล่ะก็ ต้องมีคนเจ็บตัวแน่ๆ
“เอ้า! ก็นายบอกเอาสั้นๆ นี่ไงครับ สั้นพอไหม” เคนยังเล่นลิ้นไม่เลิก แต่เมื่อหันไปเห็นหน้าถมึงทึงของเจ้านายจึงยอมเลิกเล่น ด้วยไม่อยากสลบคาตี..ไปก่อนจะได้เล่า
“โอเค เล่าแล้วครับ คือความจริง ผมกับคุณลูกโป่งเราเจอกันโดยบังเอิญที่นี่ เธอจำผมไม่ได้ แต่รับรองว่าผมจำเธอได้ไม่มีผิดแน่ ยิ่งหน้าของเธอตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจับก้นนาย ผมนี่จำขึ้นใจเลยครับ โอเคๆ ไม่ออกนอกเรื่องแล้วก็ได้” เมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่เจ้านายส่งมา เคนจึงกลับเข้าเรื่องต่อ “ผมได้คุยกับเธอ ก็เลยได้รู้ว่า เธอทำงานที่ครับ”
“อืม! งั้นแสดงยัยนั่นก็เป็นพนักงานใหม่ที่นี่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นฉันก็น่าจะต้องเคยเจอหน้ามาบ้าง หรือไม่ยัยนั่นก็ต้องจำหน้าฉันได้ แต่เขากลับทำเหมือนไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน หรือว่าแม่นั่นจะแผนสูง คิดจับฉันแบบเหนือเมฆวะ” ‘แม่เจ้า คิดไปได้ ขี้มโนเหมือนกันนะพ่อคุณ’ เคนได้ยินความคิดของเจ้านายแล้วก็อดนินทาไม่ได้อีก แต่นินทาในใจนะ ไม่อย่างนั้นคงได้กินยำส้นเท้าแทนข้าวเย็นอีกแน่
“เอาล่ะ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่แกได้ถามรึเปล่าว่าเขาทำอยู่แผนกไหน” ริคาโด้วกกลับเข้าเรื่องเดิม แต่คนถูกถามกลับอ้าปากหวออย่างเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“ผมลืม” ทันทีที่ได้คำตอบ ริคาโด้ถึงกับหลับตานิ่งอย่างพยายามระงับสติอารมณ์
“บริษัทฉันมีพนักงานเป็นร้อยๆ คน แกไม่ถาม แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงวะว่าเขาทำงานที่แผนกไหนไอ้เวรเอ๊ย” ‘ผิดอีกแล้วกู’ เคนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่เห็นจะยาก เราก็หาเอาจากแฟ้มประวัติพนักงานสิครับนาย” เคนพยายามเสนอหนทางให้
“แล้วแกรู้เหรอว่าเขาชื่ออะไร อย่าบอกนะว่าให้หาเอาจากรูป ถ้าพนักงานฉันมีเกือบพัน ฉันไม่ต้องเปิดดูหน้าทุกคนเลยรึไง ไอ้คนไม่มีสมอง” ‘เอ้า! ไหนบอกว่าเราฉลาดอยู่เมื่อกี้ไง คนอะไรอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ยิ่งกว่าหุ้นในตลาดหุ้นซะอีก’ เคนแอบนินทาเจ้านายในใจอีก
“เอ่อ! ก็ถ้านายอยากเจอ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะครับ” เคนบอกอย่างจนใจ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคนที่พวกเขากำลังตามหานั้น อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกเท่านั้น
“เอาล่ะๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อน เอาไว้ค่อยคิดหาวิธีกันอีกที ว่าแต่เรื่องที่ฉันให้ไปสืบล่ะ ถึงไหนแล้ว” ริคาโด้ถามเสียงเครียดกว่าเดิม
“ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลยครับนาย แต่ผมกระจายข่าวให้คนของเราช่วยตามสืบด้วยอีกแรงแล้วนะครับ” เคนเองก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังด้วยเช่นกัน ด้วยรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้านายซีเรียสอยู่ไม่น้อย
“อืม! ก็ดี ฉันว่าคืนนี้จะแวะเข้าไปที่พาราดีสคลับสักหน่อย เผื่อว่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง” เคนหันไปมองหน้าเจ้านายอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะนานแล้วที่เจ้านายไม่ยอมเหยียบไปที่คลับเฮาส์แห่งนั้น ทั้งที่ก็อยู่ไม่ไกลกัน ความจริงเรียกว่าอยู่ในอาคารเดียวกันเลยถึงจะถูก แต่หลังจากที่เขามีปัญหากับเจ้าของคลับเฮาส์นั่นแล้ว ริคาโด้ก็ไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่เคยสนิทกันมาก และมีธุรกิจร่วมกันอีกหลายที่ โดยเฉพาะบริษัทแบรนเดอร์และพาราดีสคลับที่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน แต่เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกัน ก็ทำให้ทั้งสองที่ตัดขาดจากกันอย่างที่เห็น
“จะดีเหรอครับนาย” เคนทำท่าหนักใจ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นรู้สึกยังไง
“ดีสิวะ แกอย่าลืมสิว่าฉันยังมีหุ้นอยู่ที่นั่น ถึงมันจะไม่มาก แต่ฉันก็ควรจะเข้าไปตามสิทธิ์ที่ฉันมี เอาน่า แกอย่าห่วงไปเลย ฉันไม่เป็นไร อีกอย่างเรื่องเก่าๆ ฉันก็ลืมไปหมดแล้วด้วย” ท่าทางของเจ้านายตอนนี้ ทำให้คนสนิทอย่างเคนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ ได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น
เอ้า! แกสองคนมายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้อ่ะ” หลังจากเลิกงานแล้ว ชมพูแพรก็เดินออกมาหน้าบริษัทตามปกติ ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนรักทั้งสองยืนอยู่ก่อนแล้วจึงทักขึ้น
“ก็มารอแกไง” แคทเทอรีนบอก
“รอฉัน รอทำไม” ชมพูแพรทำหน้าแปลกใจ
“เราสองคนก็จะชวนแกออกไปหาของอร่อยๆ กินน่ะสิ คิดถึงอาหารไทย ไปหาอาหารไทยกินกันนะชมพู่นะ” จัสมินเสริมด้วยอีกคน
“วันนี้ไม่ได้จริงๆ พวกแกไปกันสองคนละกัน” ชมพูแพรปฏิเสธด้วยความรู้สึกผิด แต่เพราะวันนี้เธอตั้งใจจะตามสืบเรื่องบางอย่าง จึงต้องยอมขัดใจเพื่อนแบบนี้
“อะไรกัน ปกติพวกฉันชวน ก็ไม่เห็นแกจะปฏิเสธ แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น แกมีเรื่องอะไรปิดบังพวกฉันสองคนอยู่รึเปล่าเนี่ย” จัสมินคาดคั้นด้วยความสงสัย
“เปล่า ฉันแค่อยากกลับไปนอนน่ะ พอดีวันนี้ถูกใช้งานหนักไปหน่อย (หนักมาก! กับการถูกไล่ให้เดินไปเดินมา) ก็เลยอยากกลับไปนอนพัก พวกแกไปกันเถอะ” ชมพูแพรพยายามแสดงอาการเหนื่อยให้เพื่อนเชื่อด้วยการ บิดตัวไปมาราวกับเมื่อยล้าเต็มที
“ไม่ไปจริงๆ เหรอ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองเลยนะ” แคทเทอรีนยื่นข้อเสนอ แวบแรกชมพูแพรถึงกับตาวาว แต่ก็ยังข่มใจไว้ได้
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกน่า (เอ่อ! ถ้าเป็นเวลาปกติ มันก็อาจจะเกี่ยวบ้าง) ที่ฉันไปกับพวกแกไม่ได้ เป็นเพราะว่าฉันอยากพักจริงๆ เอาไว้คราวหน้าฉันจะชดใช้ให้นะ เอาเป็น...ให้พวกแกเลี้ยงฉันทั้งสามมื้อไปเลยดีไหม” เรื่องตีเนียนนี่ขอให้บอก ชมพูแพรถนัดนักล่ะ
“น้อยๆ หน่อย เรื่องเลี้ยงมีโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้นแหละย่ะ เพราะครั้งหน้าแกจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงพวกฉันแทน โทษฐานที่แกไม่ไปกับเราวันนี้” ชมพูแพรทำท่ากระอักกระอ่วนทันทีที่ถูกบังคับทางอ้อมแบบนี้ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็มีเสียงแตรดังขึ้นซะก่อน