ปี้น...ปี้น....ปี้น... เสียงแตรรถที่ดังมา ทำให้ทั้งสามสาวต้องหันไปมองด้วยความสนใจ
“จะไปไหนกันสาวๆ” เป็นริชาร์ดนั่นเองที่ขับรถมาเทียบฟุตบาทตรงที่สามสาวยืนอยู่
“เราจะออกไปหาอะไรกินกันน่ะค่ะพี่ริชาร์ด ไปด้วยกันไหมคะ” แคทเทอรีนเอ่ยชวนตามมารยาท ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงปฏิเสธ แต่เธอก็คิดผิด
“แคท” จัสมินเรียกเพื่อนเอาไว้ อย่างไม่สบอารมณ์ ที่เพื่อนไปชวนอีกฝ่ายแบบนั้น
“ไปสิ คิดว่าจะไม่ชวนซะละ งั้นขึ้นรถสิ ไปรถพี่เลยก็แล้วกันนะ” ริชาร์ดรีบฉวยโอกาสตอบรับแบบทันท่วงที ยิ่งเห็นว่ามีใครบางคนไม่พอใจ ก็ยิ่งอยากแกล้ง
“เอ่อ! ก็ดีเหมือนกันค่ะ พอดีวันนี้แคทไม่ได้เอารถมาด้วย เอ้า! มินขึ้นรถสิ” แคทเทอรีนกวักมือเรียกเพื่อนด้วย หลังจากที่ตัวเองกระโดดขึ้นรถไปแล้ว ทำให้จัสมินต้องตามขึ้นไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
“เอ้า! แล้วชมพู่ล่ะ ไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ” ริชาร์ดหันไปถาม เมื่อเห็นว่าชมพูแพรยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ไม่ล่ะค่ะพี่ริชาร์ด เชิญตามสบายนะคะ วันนี้พู่ขอตัวดีกว่า พวกพี่ไปทานกันให้อร่อยนะคะ”ชมพูแพรบอก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถแท็กซี่เข้ามาจอดเทียบพอดี จากนั้นเธอจึงรีบขึ้นรถตรงกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
“อุ๊ย! ตายจริง แคทลืมถามไป ไม่ทราบว่าพี่ริชาร์ดทานอาหารไทยได้รึเปล่าคะ แคทนี่แย่จริงๆ ชวนพี่มาแท้ๆ แต่ลืมบอกพี่ก่อน ถ้าพี่ทานไม่ได้ เราเปลี่ยนร้านทานกันก็ได้นะคะ” แคทเทอรีนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ขณะที่นั่งอยู่ในร้านอาหารไทยแล้ว
“ไม่ต้องๆ พี่ทานได้สบายมาก เห็นเขาว่าอาหารไทยรสจัดแล้วก็อร่อย พี่ว่าจะมาลองตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ยังหาโอกาสไม่ได้สักที วันนี้ได้ลองก็ดีเหมือนกันนะ อีกอย่างอาหารไทยในเมืองนอกแบบนี้ เขาคงปรับรสชาติให้คนต่างชาติทานได้อยู่แล้วล่ะ พี่ว่าเราสั่งกันเลยดีกว่า พี่หิวแล้ว อืม! เอาเป็นว่าเรื่องสั่งอาหาร พี่ยกให้เรากับเพื่อนจัดการเลยแล้วกัน เพราะน่าจะคุ้นเคยว่าอันไหนดีอันไหนอร่อย สั่งตามสบายเลยนะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ถือเป็นการต้อนรับเราสองคนเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ” ริชาร์ดบอกอย่างใจดี จนแคทเทอรีนยังยิ้มขอบคุณ คงมีเพียงจัสมินเท่านั้นที่คิดต่างออกไป
“หน้าใหญ่” จัสมินเบะปากประชดออกไปทันควัน ด้วยความหมั่นไส้
“มิน! พูดอะไรก็ไม่รู้” แคทเทอรีนพยายามปรามเพื่อน
“ก็มันจริงนี่ แกอยากให้เขาเลี้ยงก็เลี้ยงไปสิ แต่ฉันมีปัญญาจ่าย แล้วฉันก็จะจ่ายเองด้วย” จัสมินเชิดหน้าบอก หมั่นไส้เขามานานแล้ว ถ้าไม่เพราะเขา เธอคงไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองถูกกดดันทุกครั้งที่อยู่ในเวลางานหรอก เป็นเพราะเขานี่แหละที่ทำให้เธอต้องถูกควบคุมโดยเลขาเจ้าระเบียบทั้งวัน แล้วแบบนี้จะให้เธอชอบหน้าเขาได้ยังไง
“มิน!” แคทเทอรีนทำเสียงดุใส่เพื่อน จนคนถูกดุถึงกับหน้ามุ่ย มีเพียงริชาร์ดเท่านั้นที่ยังยิ้มกริ่ม ไม่สะทกสะท้านใดๆ กับท่าทีของจัสมิน
“ช่างเถอะแคท เขาไม่อยากให้พี่เลี้ยงก็ไม่เป็นไร ดีซะอีกจะได้ไม่เปลือง เอาไว้พี่จะให้คุณนาตาลีเพิ่มกฎขึ้นมาอีกสักข้อสองข้อ เผื่อว่าความพยศของใครบางคนแถวนี้จะลดลงบ้าง”
“คุณเล่นสกปรกนี่” จัสมินแหวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยชื่อเลขาผู้คุมกฎขึ้นมา แบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาเอาจุดอ่อนของเธอขึ้นมาขู่น่ะสิ
“หืม! แบบไหนล่ะที่เรียกว่าสกปรก แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าจะสะอาดหรือสกปรก ผมก็ยังจะทำอยู่ดี ถ้าคุณยังไม่เลิกพยศตอนนี้” ริชาร์ดเข้าไปกระซิบข้างๆ หูของจัสมินแบบดื้อๆ เช่นกัน จะปราบพยศคนอย่างจัสมินทั้งที ก็ต้องเล่นแรงๆ แบบนี้กลับไปนั่นแหละ
“ก็ได้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เธอว่าพร้อมกับคว้ากระดาษจดมาจากบริกรที่ยืนอยู่ จากนั้นก็จดยิกๆ ลงไปในนั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นรายการอาหารที่จะสั่ง และเธอก็เขียนมันเป็นภาษาไทยเพื่อไม่ให้ใครบางคนอ่านออกด้วย
“เอ้า! มิน แกสั่งเสร็จแล้วเหรอ” แคทเทอรีนทำหน้างง เมื่อเห็นบริกรหยิบรายการอาหารจากเพื่อนและเดินจากไป โดยที่ยังไม่ถามความเห็นคนอื่น
“อืม!” จัสมินตอบเสียงกระแทกกระทั้น
“เฮ้ย! แต่ฉันกับพี่ริชาร์ดยังไม่ได้สั่งเลยนะ แล้วของที่แกสั่งมาพี่เขาจะทานได้เปล่าก็ไม่รู้” แคทเทอรีนโวยเพื่อนอีก
“ก็ฉันสั่งไปแล้ว กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เททิ้งไป” จัสมินตอบหน้าตาเฉย
“เอ่อ! งั้นเอางี้ เดี๋ยวแคทสั่งต่างหากให้พี่ริชาร์ดเลยแล้วกันนะคะ” จัสมินได้ยินเพื่อนว่าแบบนั้น ถึงกับทำหน้าไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกแคท ถ้าคนสั่งเขาทานได้ ทำไมพี่จะทานไม่ได้” ทันทีที่ริชาร์ดพูดมาว่าอย่างนั้น จัสมินถึงกับหน้าถอดสีไปเหมือนกัน ลืมนึกไปว่าเธอเองก็ต้องทานเหมือนที่เขาทานเหมือนกัน และอาหารที่เธอสั่งมา มันก็ล้วนแต่...ทั้งนั้นเลย แต่ถ้าจะให้ยกเลิกตอนนี้มันเสียหน้าน่ะสิ
“เอ่อ! แกแน่ใจนะมิน ว่าแกอยากกินของพวกนี้จริงๆ” ทันทีที่อาหารทยอยออกมาวางบนโต๊ะ แคทเทอรีนจึงหันไปถามเพื่อนด้วยความสงสัย ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยชอบของพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นชมพูแพรก็ว่าไปอย่าง รายนั้นถ้าเห็นอาหารแบบนี้คงพุ่งเข้าใส่ เช่นเดียวกับแคทเทอรีนที่ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ชื่นชอบอาหารอีสานของไทยไม่แพ้ชมพูแพร คงมีแต่จัสมินนี่แหละที่ดูจะไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ เหตุเพราะส่วนประกอบหลักของมันคือปลาร้า และเหตุผลเดียวที่ทำให้จัสมินทำแบบนี้ก็คือ อยากจะแกล้งริชาร์ดเป็นแน่
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อยากกินแล้วฉันจะสั่งมาทำไมล่ะ” จัสมินรีบบอก แต่ก็อดทำหน้าปูเลี่ยนไม่ได้ เมื่อกลิ่นของมันโชยเข้าจมูก และท่าทางนี้ของเธอก็ไม่รอดพ้นสายตาคนช่างสังเกตอย่างริชาร์ดไปได้
“เอ่อ! ไม่ทราบว่าพี่ริชาร์ดพอทานได้ไหมคะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวแคทสั่งให้ใหม่ค่ะ” แคทเทอรีนหันไปถามริชาร์ดด้วยความเห็นใจ
“ได้สิ ถ้าแคททานได้ พี่ก็ทานได้ ว่าแต่พวกนี้มันเรียกว่าอะไรบ้างล่ะ เผื่อพี่ทานแล้วติดใจ วันหลังจะได้สั่งถูก” แคทเทอรีนได้ฟังถึงกับทำหน้าเจื่อนๆ ไม่มั่นใจเอาซะเลยว่าอีกฝ่ายจะทานได้
“อาหารพวกนี้เป็นอาหารอีสานของไทยค่ะ แคทน่ะทานได้อยู่แล้ว เรียกว่าของโปรดเลยล่ะค่ะ ถ้างั้นพี่ริชาร์ดลองทานนี่ก่อนละกันนะคะ” แคทเทอรีนลองตักลาบหมูที่ดูจากสีของมันแล้ว น่าจะจัดจ้านพอใช้ได้เลยล่ะ แต่เมื่อมันเป็นอย่างเดียวบนโต๊ะที่ไม่ได้ใส่ปลาร้า เธอจึงจำต้องตักให้อีกฝ่ายไป ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะรับกลิ่นของปลาร้าไม่ได้
“อื้อ! เผ็ดอ่ะ แต่อร่อยนะ แล้วอันนี้ล่ะคืออะไร น่ากินดี พี่อยากลอง” ริชาร์ดชี้ไปที่น้ำพริกถ้วยหนึ่ง
“มันคือแจ่วบอง หรือน้ำพริกปลาร้านี่ล่ะค่ะ แน่ใจนะคะว่าพี่อยากลองจริงๆ” แคทเทอรีนถามด้วยความไม่แน่ใจ
“แน่สิ วางตรงหน้าขนาดนี้ ไม่ลองก็เสียเที่ยวน่ะสิ ว่าแต่เราเถอะ ไปรู้จักอาหารพวกนี้ซะดิบดีได้ยังไง อย่างกับแฟนพันธ์แท้แน่ะ” ริชาร์ดตักน้ำพริกที่ว่านั่นใส่จานที่มีขาวสวยร้อนๆ วางอยู่ จากนั้นก็เตรียมตักเข้าปาก
“ยัยชมพู่ล่ะค่ะตัวดี เจ้ากี้เจ้าการแนะนำให้กิน ทีแรกแคทก็ไม่กล้านะคะ แต่พอได้ลองจริงๆ ก็ติดใจจนวางช้อนไม่ลงเลยล่ะค่ะ จากนั้นเราก็พากันมาทานบ่อยๆ สงสารก็แต่บางคนที่ทานไม่ค่อยจะได้ มาทีไรต้องสั่งอย่างอื่นมาเสริมทุกที” จัสมินทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ เมื่อถูกเพื่อนพาดพิงถึงแบบนั้น