EP3.1 ll น้องโยผู้ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ [1]

1684 Words
16.00 นาฬิกา เป็นช่วงเวลาเลิกเรียนและกลับบ้านของเด็กประถมและมัธยม ซึ่งฉันเกลียดมากที่สุด นอกจากรถติด คนเยอะ แล้วยังต้องมาเบียดเสียดกับพวกเด็กไร้กาละเทศะบนรถเมล์อีกต่างหาก ไม่ใช่แค่เด็กไร้กาละเทศะที่ทำตัวน่ารำคาญด้วยการคุยกับเพื่อนเสียงดัง พวกมันยังบังอาจแก่แดดและมองฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “เธอๆ อยู่มอไรอ่ะ น่ารักจัง เพื่อนชอบ” อีเด็กหัวเกรียนเรียนไม่เกินม.1 ใส่แว่นหนาเตอะแถมด้วยสิวขรุขระและร่องหลุมมากมายเหมือนถนนลูกรังที่ยังไม่พัฒนาว่าแล้วมองฉันด้วยสายตาหยาดเยิ้ม คงเพราะฉันอยู่ในชุดไปรเวทคือเสื้อสีขาวคอบัวคล้ายทหารเรือและเอี๊ยมสีเขียวขี้ม้า อีเด็กเวรพวกนี้เลยเข้าใจว่าฉันอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่เปล่า! ฉันแก่พอที่จะเป็นแม่มันได้ละ! มันน่าเบื่อมากที่ทุกคนต่างคิดว่าฉันเด็ก ทั้งที่จริงฉันโตแล้ว ทุกคนอาจจะชอบที่ดูเหมือนเด็ก แต่บางทีการดูเด็กไปมันก็ทำให้ฉันใช้ชีวิตลำบาก ฉันควรจะเด็กกว่าอายุจริงไม่กี่ปี แต่นี่มันแอดวานซ์จนถึงขั้นที่เด็กมอต้นเรียกฉันว่าเธอ! “เรียนมหาลัยปีสี่ละค่ะน้อง” ฉันหน้าตึงแบบไม่ต้องดึงโบ แต่ด้วยความที่แก้มกลม หน้าแบ๊วเหมือนแมวไร้พิษสง อีเด็กเปรตพวกนี้ก็เลยแซวไม่เลิก “โห อย่ามาโม้เลยน่า เราก็น่าจะเท่าๆ กันแหละ มีแฟนยัง อยากนั่งข้างเราเปล่า” อีเด็กแว่นนั่งยังไม่เลิกราวี ฉันจะบอกอีกครั้งว่าเวลาเย็นย่ำใกล้ค่ำนี้คือช่วงเวลาเร่งด่วนที่คนเยอะมาก เยอะจนกระทั่งหน้าฉันเกือบจะฝังเข้าไปในจักกะแร้ของป้าข้างหน้าที่ยืนข้างๆ ฉัน ถ้ายังไม่เห็นภาพว่ามันเบียดกันแค่ไหน ฉันจะอธิบายเพิ่มให้อีก ให้นึกถึงรถเมล์ที่ยาวไม่เกิน 15 เมตรและกว้างแค่ 2.55 เมตร แต่ขนคนไทยทั้งประเทศอยู่ในคันเดียวกัน! และด้วยส่วนสูงฉันที่แม่ให้มาค่อนข้างจะจำกัด ฉันเลยไม่สามารถเอื้อมแขนไปแตะราวจับด้านบนได้ ฉันเลยเลือกที่จะจับเบาะที่นั่งแทน แต่อีคนที่นั่งก็ดันเป็นไอ้เด็กแว่นปากเปรตที่ทำให้ฉันเซ็ง “ไม่เป็นไรค่ะ ถึงพี่ไม่มีแฟน พี่ก็ไม่เอาน้องหรอกนะ พี่อายุมากพอจะเป็นแม่น้องได้ละ” ฉันปฏิเสธด้วยหน้าและน้ำเสียงที่แสนเหวี่ยงแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรความหน้าด้านหน้าทนของอีน้อง Gold flower นี่ได้ “แม่ของลูกอ๊ะเปล่า” “พี่หมายถึงแม่ที่เป็นเมียพ่อมึงอะค่ะน้อง หยุดปากหมาแล้วนั่งเงียบๆ ได้ปะคะ” ฉันเบ้หน้าแล้วถลึงตาเหมือนจะฆ่าอีเด็กเปรตนี่ให้ตายคามือ ฉันโมโหและเหม็นเกรียนมันมาก ฉันไม่ถูกกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ไม่รู้ประสีประสาแล้วพูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ “โห แรงไปปะเทอวววววว์” เทอว์พ่อง! ฉันกลอกตาเมื่ออีเด็กแว่นกวนประสาทฉันอีกแถมยังพูดจาเหมือนหมาลิ้นเปลี้ยและไม่ชัดจนฉันอยากจะหยิบกระเป๋ามาฟาดเบ้าหน้าให้แหก ร้อนก็ร้อน ยังต้องมาเจอเด็กเวรนี่อีก “ป้ายเดอะมอล์ XXXX ค้าบบบบ” เสียงกระเป๋ารถเมล์ดังขึ้นก่อนที่ฉันจะหันขวับแล้วจิกสายตาใส่อีเด็กนั่นอีกทีแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนเพื่อลงจากรถ ฉันรู้สึกเหมือนหายใจสะดวกขึ้นตอนที่ฉันมายืนที่ป้ายรถเมล์แล้วและเห็นสิ่งดีๆ ที่เรียกว่าน้องโยนั่งรออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม ตายละ นางต้องเพิ่งเลิกเรียนจากมหาลัยแน่เลยอ่ะ “โย!” สีหน้ายักษ์ของฉันเปลี่ยนทันทีที่เจอหน้าน้อง น้องกำลังกดโทรศัพท์เล่นเกม เขาละสายตาขึ้นมามองฉันแล้วเก็บมันพร้อมยิ้มหวาน น้องขาวใสและน่ารักมาก มากซะจนฉันอยากจะลองชิมดูว่าเด็ดมั้ย โอ๊ย เทียบกับอีเด็กเปรตเมื่อกี้แล้วยังกับหนังคนละม้วน เบื่อจริงๆ พวกเด็กมอต้นแก่แดด “มาแล้วเหรอ” น้องโยว่าก่อนจะลุกจากที่นั่งพลางเดินมาหาฉัน ฉันอมยิ้มนิดหน่อยแล้วหมุนตัวประสามารยาหญิง “วันนี้เราจะดูหนังเรื่องไรกันดีเหรอ ไม่เอาคาเมนไรเดอร์นะ” ฉันพูดดัก เพราะไม่รู้เมื่อวานนังน้องโยมันพูดจริงพูดเล่น อีหนังเรื่องนี้มันดูกิงก่องแก้วมาก ถ้าฉันจะดูมันก็ตอนที่ฉันดูกับหลานสามขวบเท่านั้นอ่ะ “ไม่รู้ดิ เรากินข้าวกันก่อนดีปะ” “จะเลี้ยงอ๋อ” ฉันพูดด้วยเสียงหวาน แล้วยกมือขึ้นมาเสยผมให้ดูเซ็กซี่ น้องกะพริบตานิดๆ แก้มขึ้นสีระเรื่อแล้วเบี่ยงสายตาไปทางอื่น “เอาดิ” โอ๊ยยยยยย ป๋าด้วยอ่ะ มันใช่ไทป์ฉันเลย ฉันกรี๊ดกร๊าดอยู่ในใจ อยากจะโทรไปเม้าส์กับอีหรั่งมากว่าน้องเลิศเลอเพอร์เฟคแค่ไหน ดีขนาดที่อีน้องปลั๊กเหมือนขี้หมาก้อนนึงเลยอ่ะ หน้ายังกับไอดอล นิสัยก็ยังจะน่ารัก แถมยังป๋าด้วย “โหย น่ารักอ่ะ” ฉันวี๊ดว้ายก่อนจะเดินข้างๆ น้อง เพราะเราเพิ่งเข้าสู่ช่วงจีบกัน ฉันกับน้องเลยเขินๆ เดินหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นและทำตัวไม่ถูก มือก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน อีน้องโยแอบแกว่งแขนมาโดนนิ้วก้อยฉันนิดหน่อยราวกับว่านางกำลังชั่งใจเรื่องที่จะจับมือฉันดีมั้ย และฉันเองก็ลังเลว่าถ้ายอมให้จับมือเขาจะหาว่าฉันง่ายและรีบร้อนไปรึเปล่า “เอ่อ กินร้านนี้ดีมั้ย” น้องพาฉันเดินเข้าไปในห้างก่อนจะชี้ไปยังร้านหมูย่างเกาหลีร้านหนึ่ง เพราะมันเป็นเดตแรกและฉันก็ไม่อยากจะเรื่องมากให้น้องรู้สึกแย่มากนัก ฉันก็เลยเออออไปด้วย เอาน่ะ ถึงฉันจะไม่ได้อยากกิน ฉันก็ต้องแอ๊บไว้ก่อน ไว้คบกันค่อยเผยธาตุแท้ก็ยังได้ “เอาสิ น่าอร่อยดีนะ” ฉันยิ้มให้ และนิ้วก้อยของน้องก็แกว่งมาโดนมือฉันอีก ฉันก็เลยยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเหล่สายตามองเขาพร้อมกับพูดแกล้งๆ “จะหลอกจับมือเราปะเนี่ย เอานิ้วก้อยมาโดนอยู่นั่นแหละ” “ฮะ อ๋อ... “ น้องชะงักไปเหมือนทำไรไม่ถูก นางดูน่าเอ็นดูมากตอนที่แก้มแดงเป็นลูกเชอรี่ที่โดน ฉันจับได้ น้องหัวเราะนิดๆ แล้วเกาหัวแกรกๆ “โทษทีนะ มันคงเร็ว…” “ถ้าอยากจับก็เลี้ยงป็อปคอร์นเราด้วยนะ” ฉันว่าแล้วอมยิ้มและมองไปที่เท้าเพราะฉันเขิน ฉันก็อยากจะแกล้งแอ๊บเรียบร้อยอยู่หรอก แต่กลัวเล่นตัวนานไปแล้วโดนหมาคาบไปแดก น้องเขาหน้าดีขนาดนี้ มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ ถูกมะ “จับได้เหรอ” “...” ฉันเงียบ ไม่ได้ตอบแต่ยื่นมือออกไปแทน และหันไปทางอื่น ฉันเขินนิดหน่อยแต่ไม่มากนักเพราะฉันก็อ่อยเด็กสเต็ปนี้มาตลอด และน้องก็เป็นอีกคนที่ฉันใช้มุกนี้กับเขา น้องโยก็ดูจะเขินตามไปด้วยเพราะตอนที่นางเอื้อมมือมาจับฉัน มือนางก็เย็นและชื้นเหมือนคนตื่นเต้น สถานการณ์ของเราแอบขลุกขลักเพราะต่างคนต่างเขิน พวกเราจูงมือกันเข้าไปในร้านอาหารที่น้องโยเลือก อีพนักงานแอบมองฉันด้วยสายตาไม่ชอบนัก ไม่รู้เพราะอิจฉาหรือเข้าใจว่าฉันเป็นเด็กแก่แดด… ก็นะ หน้าฉันมันค่อนข้างจะต่ำกว่าอายุตัวเองไปมาก ทุกคนเลยเข้าใจผิด ขนาดขอซื้อเหล้าในเซเว่นยังโดนขอตรวจบัตรเลย ไม่นานพวกเราก็นั่งเก้าอี้กันคนละฝั่งโดยมีเตาย่างคั่นอยู่ตรงกลาง พนักงานจัดอาหารมาเสิร์ฟและเอาจานให้คนละใบ แต่ก่อนที่ฉันจะคีบหมูขึ้นมาปิ้งเพื่อโชว์ความเป็นแม่ศรีเรือนให้น้องเห็น น้องโยก็ถลึงตาและตีแขนฉันดังเพี๊ยะ!! “อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งเพราะตกใจที่น้องตีก่อนจะย่นคิ้วงงๆ “อย่าเพิ่งกินสิ” “ฮะ?” ฉันเหรอหราเมื่อจู่ๆ อีน้องโยที่กุ๊งกิ๊งมาตลอดก็ดุฉัน “มีอะไรเหรอ?” ฉันไม่ค่อยเข้าใจนัก มันหมูฉันก็เอามาวางไว้ตรงกลางเตาแล้วเพื่อไม่ให้ติดเตา อาหารก็พร้อมแล้ว แต่เขาดันไม่ให้ฉันปิ้ง น้องโยถอนหายใจแล้วทำหน้าจริงจังมาก “ก่อนกินเราต้องขอบคุณอาหารก่อน” น้องโยว่าแล้วมองหน้าฉันเหมือนจะบอกให้ฉันทำตาม ฉันงงๆ เล็กน้อยเมื่อจู่ๆ นางก็พนมมือขึ้นมา ฉันนั่งอึนอยู่พักนึงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าน้องอาจจะนับถือศาสนาคริสต์ที่ต้องอธิษฐานก่อนทานข้าว ที่ฉันรู้เพราะอีน้องปลั๊กก็นับถือคริสต์และชอบสวดมนต์ขอพร พระองค์ก่อนทานเหมือนกัน แถมมันยังบังคับฉันทำด้วย… “อ๋อ เออ ได้ๆ” ฉันยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาพนมตรงหน้าอก “ท่องตามเรานะ” น้องโยพยักหน้าแล้วยิ้มที่ฉันทำตามนาง ฉันก็แอบคิดในใจนะว่าท่าสวดมันแปลกๆ จนกระทั่งอีน้องโยโพล่งขึ้นมาว่า… “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่าผู้คนอดอยาก มีมากนักหนา สงสารบรรดา เด็กตาดำๆ” ดะ เดี๋ยวนะน้อง!!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD