[ รามสูร Talk ]
ผมนั่งไขว่ห้างจ้องมองไปที่ร่างเล็กด้วยสายตารำคาญ เพราะต้องทนฟังเสียงร้องเพลงราวกับนกนางแอ่นหลงรังกำลังถูพื้นส่ายก้นไปมาน่าเวทนาสายตาอยู่ตรงหน้า
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่เอายัยเด็กนี่มาทำงานบ้านแทนการจ่ายค่าเสียหาย อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดที่จะเอาค่าเสียหายจากเธอหรอก แต่เพราะความปากดีของเด็กนี่มันเลยทำให้ผมอยากดัดนิสัย
"เสร็จแล้ว~ เหมือนได้ล้างบาปออกไปเลยอะไรจะโล่งอกขนาดนี้" ถ้วยฟูใช้หลังมือปาดเหงื่อออกแล้วฉีกยิ้มแป้นออกมาท่าทางดูดีอกดีใจไม่น้อย
"ฉันหิวแล้ว"
"เฮอะ! บอกทำไมไม่ได้อยากรู้" ดวงหน้าสวยหันกลับมาตวัดตามองผมด้วยสายตาแรงกล้า ไม่พอยังถามออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับรำคาญผมเหลือทน
"ลืมหน้าที่ตัวเองแล้ว?" ผมเลิกคิ้วถาม คงไม่ได้ทำงานบ้านจนสมองเลอะเลือนถึงขั้นลืมไปแล้วว่าตัวเองมาทำงานจ่ายค่าปรับ
"ต้องทำด้วยเหรอ? นี่มันเข้าค่ายใช้แรงงานทาสชัดๆ " ถ้วยฟูยู่หน้าใส่ผม บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจและไม่ยินดีจะทำมันสักนิด
"งั้นก็เอาเงินมา"
"รู้แล้วๆ ทวงอยู่ได้น่าโมโหชะมัด" ใครกันแน่ที่ควรจะโมโห ทั้งโดนเธอต่อยเธอแตะผ่าหมากจนลูกชายผมเกือบพิการนี่เทียบไม่ได้ด้วยซ้ำกับการใช้งานเธอเล็กๆ น้อยๆ แทนค่าเสียหาย แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กยังคงไม่สำนึก ถึงได้หันไปฉีกยิ้มหวานให้ไอ้เอ็มที่นั่งอยู่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องสักที
"....."
"เฮียเอ็มอยากกินอะไรเหรอ?" ถ้วยฟูวิ่งระรี้มาเกาะขอบโซฟาตัวหนาแล้วยื่นหน้าถามไอ้เอ็มเสียงหวาน
"อะไรก็ได้ เฮียกินได้หมด"
"เธอควรจะถามฉันไม่ใช่เหรอ ฉันเป็นคนสั่ง" ผมจ้องร่างเล็กที่เบือนหน้ามามองผมตาเขม็ง
"มีอะไรก็กินๆ ไปเถอะจะเรื่องมากทำไมดูเฮียเอ็มยังไม่เห็นจะเรื่องมากสักนิด"
"นี่มันบ้านฉันนะเว้ย ทำอะไรก็เห็นหัวเจ้าของบ้านบ้างดิ"
"ก็เห็นอยู่นี่ไง มันก็ยังอยู่บนคอเฮียรามไม่ได้หลุดหายไปไหน บ้าหรือเปล่า" คำตอบที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะด่าทอ แต่มันกลับหยอกย้อนเสียจนผมอยากจะลุกไปเอาก้านมะยมมาฟาดก้นยัยนี่ฉิบหาย
"เดี๋ยวหนูไปทำให้นะเฮียเอ็ม เฮียรอหนูก่อนนะจะทำสุดฝีมือเลย"
"นี่ฉันพูดกับเธออยู่นะยัยเด็กนิสัยเสีย"
"เชอะ! ไม่สนใจ" ถ้วยฟูสะบัดหน้าเชิดใส่ผมแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย แม่งเด็กเดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่เห็นว่าไม่ใจร้ายใส่ก็ปีนเกลียวกันเป็นว่าเล่น
"มึงก็ใช้ซะน้องเขาเป็นทาสอย่างที่ว่าจริงนั่นแหละ ไม่ใจดำไปเหรอวะ" ไอ้เอ็มละสายตาจากหน้าจอทีวีหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หาว่าผมใจดำก็คงไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนเริ่มก่อนตั้งแต่แรก ถ้าเธอยอมอ่อนน้อมพูดจาว่านอนสอนง่ายกว่านี้ผมก็คงไม่ใช้วิธีนี้แก้เข็ดยัยนั่นให้รำคาญตัวเองเหมือนกัน
"กูเปล่า เด็กนั่นร้ายกว่ากูเยอะ"
"น้องเขาออกจะใสซื่อ ถ้วยฟูก็เหมือนกระต่ายในกรงหมานั่นแหละ ที่ตัวสั่นงกกลัวว่ามึงจะขย้ำ"
"ปากแบบนั้นอย่าว่าแต่กูจะขย้ำเลย แค่จะกัดกูยังคิดหนักเลยกลัวว่าติด"
"ติดอะไรวะ?"
"เชื้อบ้าไง"
ไม่นานร่างเล็กก็ถือจานออกมาด้วยรอยยิ้มหวานแล้วค่อยๆ บรรจงวางจานตรงหน้าไอ้เอ็มด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกุลสตรีไทย แต่พอหันมาหาผมเท่านั้นแหละรอยยิ้มก็พลันเปลี่ยนเป็นเบะปากคว่ำ แล้ววางจานลงตรงหน้าผมราวกับรังเกียจ ต่างจากกับไอ้เอ็มโดยสิ้นเชิง นี่ถ้าเธอโยนมาได้ผมก็คิดว่ายัยนี่คงโยนมันมาแล้ว
"อื้อ.. อร่อยมาก" ไอ้เอ็มที่ตักชิมก็ส่งเสียงออกมาพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ถ้วยฟูเป็นการชม จนคนถูกชมนี่แทบจะฉีกยิ้มจนถึงรูหู
"งั้นก็กินเยอะๆ นะเฮียเอ็ม"
"นั่นของฉันโว้ย!" ผมร้องท้วงเมื่อถ้วยฟูดันเอาจานของผมไปให้ไอ้เอ็มหน้าตาเฉย นี่ตกลงผมยังสำคัญอยู่อีกไหมวะ
"ในครัวยังมีอีก เฮียรามจะแย่งเฮียเอ็มกินเหรอ? โห้~ เลวมาก" ถ้วยฟูส่ายหน้ามองผมด้วยสายตารังเกียจไม่พอยังปรบมือกระแทกแดกดันกันเข้าไปอีก ส่วนไอ้เพื่อนเวรกลับนั่งกินหน้าตาเฉยไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรด้วยสักนิด
แม่งขอให้ติดคอตายห่า..
สุดท้ายผมก็ต้องขับรถมาส่งถ้วยฟูถึงหน้าบ้านของเธอตอนสองทุ่ม คนตัวเล็กที่นั่งบ่นมาตลอดทางตอนนี้กลับปิดปากเงียบเพราะพล็อยหลับไปแล้ว ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าเธอคงจะหลับลึกเพราะความเหนื่อยล้า
ผมโน้มไปหาร่างเล็กเพื่อที่จะปลดสายเบลท์ให้เธอ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอื้อมมือไปถึงดวงตาใสกลมโตก็เบิกกว้างจ้องมองมาที่ผมแล้วพูดขึ้น
"ลวนลามเหรอ?"
"ไม่ใช่แล้ว แค่จะปลดเบลท์ให้"
"อยากแต๊ะอั๋งก็ไม่บอก ก็รู้อยู่หรอกว่าคนมันสวยเลยหวั่นไหวใช่ไหมล่ะ"
"....."
"แต่ขอโทษทีพอดีไม่ได้ใจง่าย แม่สอนให้รักนวลสงวนตัว แต่ถ้าคนไหนอยากได้เป็นผัวก็รุกเลย"
เป็นการสอนที่ใช้ได้จริงใช่ไหมถ้วยฟู