"อีถ้วยทำไมมึงยังไม่ออกไปอีก" อีมะนาวตะโกนถามเมื่อฉันยังไม่ยอมที่จะคลานออกไปสักที
"กูว่ากูเจอยมบาลเข้าแล้วอีนาว" ฉันตะโกนตอบมันกลับไป แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่คนตัวโตตรงหน้าอย่างไม่วาวตา
"พูดอะไรของมึงรีบๆ ออกไปสักทีสิ" มะนาวเร่งเร้าฉันให้รีบคลานออกไปไม่พอมันยังใช้มือดันก้นฉันด้วยอีกแรง
ฉันคลานออกมาเมื่อแรงดันของอีมะนาวมีมากยิ่งกว่าช้างสาร ทำให้หลุดรอดจากรูลอดกำแพงในที่สุด
"ชื่อถ้วย?" แทนที่จะช่วยหลีกทางกัน แต่หมอนี่กลับเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทแทน
"ถ้วยฟู ทำไมมันแปลกนักเหรอ" ฉันท้าวสะเอวถามเมื่ออีกคนแค่นหัวเราะออกมาทันทีที่ฉันเอ่ยบอกชื่อตัวเอง
"สรรหาชื่อมาตั้งได้ไม่แคร์ใครดี"
"ยังกับชื่อนายมันวิเศษวิโสนักแหละ แล้วนายชื่ออะไรไหนบอกมา"
"ราม...รามสูร"
"ก๊ากกก!! ทำไม่ถือขวานมาด้วยเลยเล่า"
"....."
"ลงมาจุติหาเมขลาเหรอ นู้นไปถามที่ป้อมยามทางนู้นนายมาผิดที่แล้ว" ฉันหัวเราะก๊ากเสียงดังเมื่อเขาพูดชื่อตัวเองออกมา ถ้าบอกว่ามีขวานมาด้วยนี่ฮาอย่าบอกใครเลย
"ชื่อตัวเองดีตายห่า ถ้วยฟูเหรอ..."
"....."
"ตรงไหนที่ฟู แบนราบขนาดนี้" สายตาคมกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะฉันลงมาหยุดที่หน้าอกแล้วย้ำประโยคสุดท้ายชัดๆ
หน๊อย~ ไม่ฟูแต่ฟิตนะเว้ย อย่าได้มาบลูลี่กัน
"ตาไม่ดีเองต่างหาก คนมีบุญเท่านั้นแหละที่เห็นว่ามันทั้งฟูทั้งใหญ่"
"หมายถึงนมหรือสมอง?"
"นมสิโว้ย"
"งั้นสมองก็ไม่มีสินะ" คนตัวโตแค่นหัวเราะ ยกยิ้มชอบใจออกมาที่ได้กระแนะกระแหนฉัน
เล่นเอาต่อมโกรธฉันปะทุขึ้นทันทีที่กล้ามาหาว่าฉันไม่มีสมอง คนบ้าอะไรจะไม่มีสมองกันห้ะ ต้องมีอยู่แล้วสิโว้ยถึงจะน้อยกว่าคนอื่นเขาก็เถอะ อย่ามาพูดเรื่องจริงนะ โกรธ!
"คนที่มีสมองแต่รอยยักไม่มีแบบนายทำมาพูดอ่ะโด่~" ฉันเชิดหน้าเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เสียตัวไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้
"นั่นปากใช่ไหมวะที่พูด"
"ก็เออดิ ปากนี่ไงมองเห็นเป็นอะไรล่ะ"
"อีถ้วยนี่มึงจะเถียงกับเขาอีกนานไหม?" จู่ๆ อีมะนาวก็เดินมาสะกิดฉันแล้วกระซิบเสียงเบา สงสัยมันจะกลัว
"เสร็จแล้ว ไปกินบะหมี่กันเปลืองน้ำลายไปเยอะหิวแล้ว" ฉันจูงมือมะนาวเดินออกมาก่อนจะสะบัดบ๊อบใส่ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
"พรุ่งนี้เธอต้องมาทำงานที่บ้านฉัน" เสียงดุดันเอ่ยบอกก่อนที่ฉันจะได้เดินไกลออกมา
เชอะ มีเหรอที่คนอย่างถ้วยฟูจะทำตามคำสั่งอยากจะรอให้ฉันไปก็รอจนเหงือกแห้งไปเลย
@ ร้านขนมหวานบัวลอยสุดหล่อ
ฉันกับพ่อถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรามสูรคนเดิมคนเดียวมานั่งไขว่ห้างอยู่ที่ร้านของพ่อฉันตั้งแต่เช้า
"พ่อตื่นขึ้นมาผิดท่า หรือว่าบ้านเราลืมไหว้เจ้าที่กันแน่" พ่อพูดขึ้นเบาๆให้เราสองคนได้ยิน
"หนูว่าเราคงลืมทำบุญกรวดน้ำให้แน่ๆ เลยพ่อ ถึงได้ตามมาขอส่วนบุญถึงร้านแบบนี้" ฉันเอ่ยตอบแม้สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"คิดว่าฉันไม่ได้ยินจริงๆ ใช่ไหม?" จู่ๆ คนที่เราสองพ่อลูกนินทาอยู่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญนิดๆ
ฉันไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจให้หมอนี่มาถึงที่ร้านได้ ไม่เพียงเท่านี้หมอนี่ยังไล่ตะเพิดลูกค้าคนอื่นไปอีกแล้วของหวานที่พ่อฉันอุตส่าห์ตื่นมาทำตั้งแต่ตี 3 ก็สูญเปล่านะสิ
"เรื่องของนายสิ ว่าแต่นายจะมาที่นี่ทำไม"
"ฉันมารับเธอไปทำงาน"
"ไม่ไป" ฉันตอบทันควัน
"เธอไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธ"
"ฉันมีสิทธิ์ปฎิเสธเพราะแม่สอนไว้ว่าไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าและหน้าแปลก" ฉันยืนยันคำเดิมเมื่อเขาไม่ยอมจะออกจากร้านไปง่ายๆ
"ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ยอมไป งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย" เพียงแค่จบประโยคร่างสูงก็หยัดตัวลุกขึ้นมาสาวเท้าเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีน่ากลัว
"ถอยออกไปเลยนะ"
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้เธอเป็นอันตราย แล้วจะมาส่งคืน" รามสูรหันไปบอกพ่อของฉันที่ยังคงทำหน้ามึนงงอยู่ แค่เสี้ยวนาทีที่พ่อฉันเผลอหมอนี่ก็ยกตัวฉันขึ้นพาดบ่าเดินออกมาจากร้านหน้าตาเฉย
"ปล่อยฉันนะไอ้คนสารเลว นายจะบังคับขู่เข็ญฉันให้ไปกับนายไม่ได้นะ"
"เงียบแล้วอยู่นิ่งๆ ได้ไหมวะตัวหนักฉิบหาย"
"กรี๊ดดดด!!"
"อ่า..หูจะแตก"
"นายจะด่าฉันก็ได้ แต่อย่ามาด่าไขมันของฉันนะ"
"อ้วนก็ยอมรับดิ หนักอย่างกับลูกขนุนแบบนี้ยังจะเถียง"
งับ! ฉันใช้ฟันคมกัดลงบนหูของเขาเต็มแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจรีบร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นซอย
"....."
"โอ๊ยยย! เด็กบ้าแม่งปล่อยนะโว้ย" เสียงที่ร้องออกมาราวกับหมูถูกเฉือดพร้อมกับร่างของฉันที่ถูกหมุนเคว้งไปมาจนเริ่มเวียนหัว
"อ้ออ๋อยอั๋นอี้~" ฉันเปร่งเสียงบอกอู้อี้อยู่ในลำคอเพราะยังคงใช้ปากกัดหูของเขาเอาไว้อยู่
"เออ ปล่อยแล้ว" เขายอมปลอยฉันลงพื้นแต่โดยดีแล้วรีบกำหูตัวเองที่ขึ้นเป็นรอยฟันฉันอยู่ที่ใบหู
"นึกว่าจะแน่ เอ๊ะ!" ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ยืดอกภูมิใจกับฝีมือตัวเอง คนตัวโตก็เอาเสื้อแจ็คเก็ตของเขามามัดแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้แล้วผูกมันเอาไว้ด้านหลังแน่นๆ ไม่พอยังตะโกนบอกผู้คนแถวนั้นจนทุกคนต่างพากันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
"อย่าเข้ามาใกล้นะครับ เด็กนี่ติดเชื้อหมาบ้าเห็นคราบน้ำลายไหมยังติดปากอยู่เลย"
ความปากเฮียรามกับถ้วยฟูอะนะ