ผมขับรถส่วนตัวตระเวนตามหาเธอตั้งแต่ระแวกคอนโด ยันออกมาที่ข้างสวนสาธารณะ เหยียบคันเร่งจนมิดไมล์ กระทั่งชะลอรถจนแทบจะเป็นเต่าคลาน ก็ยังไม่พบเธออยู่ดี
ถ้าเป็นตอนเย็นก็คงจะมีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย จนถนนเส้นนี้มีผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมด
แต่พอผ่านช่วงพลบค่ำ บริเวณนี้ก็เงียบสงัด มีเพียงแค่แสงสลัวจากเสาไฟให้ความสว่าง ไม่ได้ให้ความแตกต่างจากความรกร้างสักเท่าไหร่
ไอ้เจย์โทรมาบอกผมว่าจีนยอมรับสายแล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าอยู่ตรงไหน แค่บอกว่าออกมาเดินสูดอากาศ ผมก็เลยขับรถตรงมาที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดเธอทันที
หวังว่าเด็กนั่นคงจะไม่คิดน้อยขนาดที่จะมาเดินเล่นคนเดียว ในซอยเปลี่ยวที่เสี่ยงต่อการเกิดเรื่องไม่ดีหรอกนะ
“อยู่ไหนวะ”
ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้าย ชะลอเลาะริมข้างทางไปไม่รีบร้อน
ก้มหน้าสอดส่ายสายตามองหาใครบางคนที่ไม่ยอมรับสาย ในใจร้อนรนจนแผดเผาให้ผมนั่งไม่ติดเบาะ
ที่จริงอยากจะเหยียบมิดคันเร่งด้วยซ้ำ แต่กลัวจะพลาดขับผ่านเธอก่อนจะได้เจอกัน
“ทำไมกูต้องมานั่งหาน้องมึงด้วยวะสัด.. เหี้ยเอ้ย” ผมสบถหยาบ มือก็ทุบพวงมาลัยด้วยความไม่สบอารมณ์
หายไปไหนของเธอวะ
“เออ ว่า” ผมเอื้อมมือไปกดจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า เปิดบูลทูธรับสายไอ้เจย์
(จีนปิดเครื่อง)
“มึงก็เลิกโทรตามถี่ๆ ดิสัด”
ปลายทางถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ผมถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับระหว่างขับรถไป สายตาก็สอดส่องมองหาเธอที่กำลังทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปพร้อมกัน
“ทำตัวน่ารำคาญฉิบหาย ไม่รับก็เลิกโทร” ผมพูดตัดความรำคาญ
(มึงห้ามให้กูเลิกเป็นห่วงน้องตัวเองได้เหรอวะ จีนหายไปนะเว้ย แล้วตอนนี้กูก็ติดต่อหาน้องกูไม่ได้..)
“กูก็หาอยู่นี่ไง”
(แล้วเจออะไรบ้างยังวะ)
“ยัง”
น้ำเสียงปลายสายขาดห้วงไปนานหลายวินาที มันดูหมดหวังในขณะที่ผมยังคงออกตระเวนตามหาเธอไม่พัก
ผมยกมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมตามกรอบใบหน้า พลางพ่นลมหายใจร้อนผ่าวด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างหนัก
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวจากสายฝนที่พรำลงมา ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นการเทกระจาดอย่างฉับไว
ฝนอะไรมาตกตอนนี้วะ
(กูฝากมึงดูจีนที ฝากบอกด้วยว่ากูเป็นห่วง)
“.....”
(น้องมันคง.. ไม่อยากเจอกูในตอนนี้หรอก)
หลังจากวางสายได้ไม่นาน และผมก็ยังไปได้ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ทว่าสายตาดันเหลือบไปมองเห็นผู้หญิงในชุดเดรสกระโปรงสีขาว นั่งจุมปุกอยู่ข้างทาง ท่ามกลางพายุห่าฝนชุดใหญ่ที่ใกล้จะกระหน่ำลงมาเต็มที
“เด็กโง่นั่น..”
ผมจอดรถก่อนจะเข้าถึงเธอ มือคว้าร่มที่บังเอิญพกติดรถมาลงไปด้วย
สองขารีบก้าวตรงดิ่งไปยังร่างเล็กที่นั่งนิ่งอยู่ด้วยความแปลกใจ ทว่าพอเริ่มเข้าใกล้และเห็นภาพของจีน เรียวคิ้วผมก็ถึงกับขมวดเข้าหากันแน่น
“จีน” ผมเรียกชื่อเธอ นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ
“พี่ทัพ”
“เธอทำอะไรวะ”
สิ้นประโยคคำถาม เธอก็ส่ายหน้าแล้วนั่งกอดเข่าไม่มีคำตอบกลับมาให้ พลางกางร่มให้สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่กำลังก้มหน้ากินอาหารเปียกอย่างเอร็ดอร่อยอยู่
ส่วนเจ้าตัวเปียกปอนไม่มีชิ้นดี นอกจากนี้เดรสสีขาวที่เธอสวมอยู่ก็โคตรจะบาง มองเห็นชั้นในรวมถึงกางเกงขาสั้นชัดเจน
สติดีอยู่มั้ยวะ
“จีน”
“.....”
“กลับบ้าน”
ผมตรงเข้าหากระชากเรียวแขนเล็กให้ลุกขึ้นตาม ทว่าคนตรงหน้ากลับขัดขืน พร้อมกับสะบัดมือออก ก้มหน้าก้มตานั่งมองแมวกิน ไม่สนใจผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิดเดียว
“บอกให้กลับบ้านไงวะ” ผมตวาดเสียงดังลั่น แต่เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร นอกจากนิ่งเฉยเหมือนไม่มีผมอยู่ตรงนี้
“จีน” ผมเรียกชื่อเธอเสียงแข็ง ก่อนจะออกแรงบีบข้อมือเล็กแน่นขึ้น
ดวงตากลมโตเปรยขึ้นมอง ทั้งที่ยังยื่นร่มกางให้สิ่งมีชีวิตสี่ขาขนปุยตรงหน้า แล้วปล่อยให้ตัวเองตากฝนอยู่อย่างนั้น
ผมเลยยื่นร่มในมือออกไปกางบนตัวเธอ ไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งสายตาเรียบเฉย มองการกระทำของเธอด้วยความไม่เข้าใจ
"กลับบ้าน พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ" น้ำเสียงที่พ่นออกไปดูเฉยชา ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากอยากจะตะคอกใส่
“มันยังไม่อิ่มเลยค่ะ” เธอตอบกลับเสียงสั่น พยายามบิดเร้าข้อมือออก
“เธอกางร่มให้แมวแล้วตัวเองเปียกฝนเนี่ยนะ” ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้า ก่อนจะปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระ ถึงได้พบว่ามันขึ้นรอยแดงไปซะแล้ว
“มันโดนทิ้งค่ะ..”
“เจ้าของมันคงอยู่แถวนี้”
“ไม่มีปลอกคอซะหน่อย”
“ทำอย่างกับจะเลี้ยง”
“อื้อ”
ผมถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง ยืนตากฝนมองยัยตัวแสบที่นั่งกอดเข่าสนใจแต่แมวตรงหน้าอย่างเดียว
ตรงนี้มันค่อนข้างสลัว ถึงจะมีรถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าปลอดภัยสำหรับผู้คนที่ใช้เท้าสัญจรเดินตอนกลางคืน
“จีนจะเอาน้องกลับห้องด้วยค่ะ” ไม่พูดเปล่าเธอยังเดินเข้าไปอุ้มมันมากอดไว้แนบอก
ทำตัวเป็นแม่มันไปได้ ความน่าจะเป็นที่จะเลี้ยงไอ้ขนปุยนี่คงลิบหรี่เต็มที เพราะคอนโดที่นี่คงไม่อนุญาตให้เลี้ยงมันได้
“จะบ้าหรอวะ คอนโดเธอให้เลี้ยงหรือไง” ผมตะโกนถามผ่านเสียงฝน จับแขนเธอที่กำลังจะโยกย้ายลูกแมวเดินกลับหลังไปให้หยุดเดิน
“.....”
“เอากลับไปวางที่เดิม”
“.....”
“ทำไมวันนี้ดื้อจังวะ”
คนตัวเล็กงุดหน้าคางชิดอก ในคราบของชุดเดรสตัวบางที่แทบจะไม่ปกปิดอะไรข้างในเลย
หนำซ้ำเธอยังเหมือนจะไม่รู้ตัวอีกต่างหาก ว่าร่างกายจะเหมือนลูกแมวโป๊เปลือยเข้าเต็มที
ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ ก่อนจะขยับฝีเท้าเข้าใกล้อีกฝ่าย บังให้ทางที่รถวิ่งผ่าน อาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็พอจะพลางให้คนอื่นมองไม่เห็นเธอในสภาพนี้เช่นกัน
“งั้นขึ้นรถ จะได้พามันไปหาหมอ”
“จีนจะไปเองค่ะ”
หงุดหงิดว่ะ
ทำไมวันนี้เธอถึงทำอะไรน่าหงุดหงิดไปหมดแบบนี้วะ
ผมกัดฟันกรอด มองใบหน้าขาวซีดไร้เลือดฝาดกำลังก้มหน้าไม่พูดไม่จา ทำท่าจะหนีผมอย่างเดียว ไม่มองทางด้วยซ้ำว่าข้างหน้าจะน่ากลัวแค่ไหน
ไม่งั้นคงไม่เดินเท้ามาถึงตรงนี้หรอก เชื่อเขาเลยว่ะ
“จะไปไหน”
“พาน้องไปหาหมอ”
ผมส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด ออกแรงกระชากเรียวแขนเล็กให้เดินตามอีกครั้ง ไม่สนแล้วว่าเธอจะพยศแค่ไหน แต่เวลานี้ผมจะไม่ปล่อยเธอไปก็เท่านั้นเอง
“ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง.. เธอเจ็บตัวแน่”