แทนคุณพยักหน้าพอใจในข้อมูลของลูกน้องคนสนิท“
“ให้มันจริงอย่างที่แกพูดเถอะ”
หลังจากนั้นแทนคุณเริ่มเดินสำรวจไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มสั่งงานลูกน้องให้จัดการกับพวกต้นไม้และเกลี่ยดินให้เสมอกันให้หมด แต่เป็นภายหลังจากที่เขากลับไปที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เมื่อสำรวจจนทั่ว ชายหนุ่มจึงหยุดพักที่บ้านพักที่บิดาสร้างเอาไว้ เมื่อพักจนหายเหนื่อยเขาจึงเดินลงมานั่งที่ลำธารตรงเขตแนวกั้นระหว่างที่ดินของเขากับพนิดา
“หวังว่าพี่คงได้เจอเธออีกนะยัยพริกหวานจอมหยิ่งและแสนดื้อรั้น”
แทนคุณนึกถึงใบหน้าสวยหวานที่ทั้งหยิ่งทั้งรั้นนั้นอย่างใจลอย ความดื้อรั้นนั้นมันทำให้เขาอยากเอาชนะเธอเหลือเกิน เขาก้มมองลำธารที่ใสสะอาดเห็นปลาดุกหินที่อาศัยอยู่บนภูเขาว่ายน้ำไปมามากมาย บ่งบอกว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์ ทำให้อาหารการกินมีมากพอ รวมถึงพืชผักสมุนไพรจากในป่าที่พอจะเก็บรับประทานกับน้ำพริกได้ก็มีไม่น้อย คิดมาถึงตอนนี้เขา อยากกินน้ำพริกขึ้นมาทันที
พนิดาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ของวันใหม่ เธอขัดคำสั่งบิดาโดยการเอาลูกน้องไปแค่สองคนเพราะคิดว่าไม่อยากรำคาญ หญิงสาวพาปิ่นปักไปด้วยเพื่อจะได้เป็นเพื่อนร่วมสนทนาระหว่างการเดินทางให้คลายเหงา ดีกว่านั่งคนเดียวเป็นไหนๆ
เธอเดินทางมาถึงที่หมายเป็นเวลาเกือบแปดโมงเช้า เธอทานอาหารง่ายๆ รองท้องมาจากที่บ้านเรียบร้อยแล้ว พนิดาบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบเมื่อลงจากรถ
“ที่นี่อากาศดีจังเลยนะคะคุณหนู”
ปิ่นปักมองรอบๆ บริเวณ อย่างตื่นตาตื่นใจ
“จ้ะ ฉันก็ชอบที่นี่ คิดว่าจะปลูกทุเรียนและผลไม้อย่างอื่นและจะลงสะเดาด้วย”
ต้นสะเดานั้นปลูกขายต้นเพราะคนนิยมเอาไปสร้างบ้านเรือน ได้ราคางามเชียว
พนิดามองทิวทัศน์รอบกายอย่างชื่นชอบ
“ดินที่นี่สมบูรณ์ดีนะคะ”
ปิ่นปักนั่งยองๆ ลงกับพื้นดินเพื่อเก็บดินขึ้นมาขยี้ดู พบว่าดินร่วนแล้วอุ้มน้ำ
“จ้ะ ดินที่นี่เป็นดินแถบเทือกเขาอุดมสมบูรณ์มาก ถ้าได้ปลูกทุเรียนรับรองว่ารสชาติดีไม่ต้องขนปุ๋ยเคมีมาว่านให้เสียเงินเสียทองเลย เพราะต้นไม้ใบหญ้าที่ย่อยสลายเป็นปุ๋ยชั้นดีอยู่แล้ว”
พนิดาตอบปิ่นปักเสียงสดใส
“แล้วเราบุกเบิกได้เหรอคะ” ปิ่นปักถามอย่างสงสัย
“ได้จ้ะ คนที่ขายให้เราเป็นคนที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากคนรุ่นก่อน คงจะเป็นรุ่นปู่ย่าตาทวดที่มาบุกเบิกที่ดินแถบนี้เอาไว้ ขณะนี้รัฐบาลกำลังให้ทำโฉนดที่ดินเพื่อถือครองกรรมสิทธิ์กันอยู่ เราจึงมีหลักฐานพร้อมในการถือครองที่ดินแห่งนี้” พนิดาอธิบายให้ปิ่นปักเข้าใจ
“ดีจังเลยนะคะ” ปิ่นปักพูดกับเจ้านายสาวยิ้มๆ
“เราเดินไปดูกล้ายางกันเถอะ ว่าที่ลงไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นยังไงบ้าง” พนิดาหันไปพูดกับปิ่นปัก
“หย้งกับจอมตามสบายเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันค่อยเรียก”
พนิดาหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทสองคนที่ตามมาด้วย
“ครับคุณหนู”
หย้งกับจอมรับคำเจ้านายสาวอย่างนอบน้อม ทั้งสองถอยไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเดินให้คลายความเมื่อยขบจากการขับรถ
พนิดาเดินดูทุเรียนที่ปลูกไปแล้วพบว่าไม่มีอะไรเสียหาย ยังเจริญเติบโตดีอยู่
“ร้อนจังปิ่น”
พนิดาบอกปิ่นปักพร้อมทั้งยกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย
“คุณหนูมีอะไรให้พวกผมรับใช้หรือเปล่าครับ”
หย้งและจอมลูกน้องคู่ใจเดินมาถามนายสาวอย่างนอบน้อมเช่นเคย
“ไม่มีจ้ะ ถ้ามีแล้วจะเรียก นายสองคนตามสบายเถอะ ฉันจะไปเล่นน้ำกับปิ่นสักหน่อย” พนิดาบอกลูกน้องทั้งสอง
“มีลำธารด้วยเหรอคะ” ปิ่นปักถามอย่างตื่นเต้น
“จ้ะ น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเลยล่ะ ไปเล่นน้ำกันเถอะ”
พนิดาชวนปิ่นปักยิ้มๆ อากาศเช่นนี้ถ้าได้เล่นน้ำคงจะสดชื่นไม่น้อย
“มีปลาด้วยเหรอคะ” ปิ่นปักถามตาโตอย่างตื่นเต้น
“จ้ะ ปลาดุกหิน เนื้อหวานอร่อยมากเลย ถ้าได้ย่างทานกับน้ำพริก พูดแล้วหิวเลย”
พนิดาพูดถึงปลาดุกหินเนื้อหวานที่เธอชอบ ทานกับน้ำพริกถึงกับน้ำลายสอขึ้นมาในทันที
“แต่ปิ่นไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนนะคะ”
ปิ่นปักบอกพนิดาอย่างเป็นกังวล ถ้าเธอเล่นน้ำจนเปียกจะนั่งรถกลับทั้งชุดเปียกคงไม่ไหวแน่ เนื่องจากระยะทางอีกไกล รวมถึงแอร์ในรถอาจทำให้หนาวไม่สบายได้
“ฉันเตรียมมาแล้ว อยู่ในรถจ้ะ”
พนิดาเปิดประตูรถปิ๊คอัพเพื่อหยิบถุงบรรจุเสื้อผ้าออกมา
“โห... คุณหนูเตรียมมาพร้อมเลยเหรอคะนี่”
ปิ่นปักมองอย่างทึ่งในตัวเจ้านายสาว เธอเห็นถุงกระดาษขณะขึ้นรถแต่ไม่กล้าถามเจ้านายสาวว่าคืออะไร
“จ้ะ เดี๋ยวตอนกลางวันเราจะทานข้าวกันที่นี่เลยนะ”
พนิดาหันไปบอกปิ่นปักอีกครั้ง หญิงสาวเดินนำปิ่นปักเดินลัดเลาะลงไปยังลำธาร
“ว้าว... คุณหนูขา..น้ำใสมากเลยค่ะ”
ปิ่นปักมองน้ำในลำธาร พร้อมทั้งเดินลงไปใกล้เพื่อเอาน้ำลูบใบหน้าจนรู้สึกสดชื่น น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาไปทั่วลำธาร
“ลำธารที่นี่น้ำใสจังเลยนะคะ” ปิ่นปักเสนอความคิดเห็น
“ใช่ น้ำพวกนี้มาจากต้นไม้ต้นใหญ่เป็นน้ำที่ใสมากดื่มแล้วสดชื่นมากเลยจ้ะ”
“ปิ่นขอเล่นก่อนน้ำนะคะคุณหนู อดใจไม่ไหวแล้ว”
ปิ่นปักบอกนายสาวพร้อมทั้งลงกระโดดลงไปในน้ำ น้ำใสกระเด็นขึ้นมาโดนตัวของพนิดาจนเปียกปอนไปหมด
“ได้ยังไงปิ่น ฉันก็เล่นด้วยสิ”
พนิดาวางถุงเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนไปบนโขดหิน หญิงสาวกระโดดลงไปในลำธารอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เสียงหัวเราะของหญิงสาวที่เล่นน้ำกันอยู่อย่างสนุกสนานทำให้แทนคุณที่กำลังจะเดินลงมาที่ลำธารชะงักฝีเท้า ชายหนุ่มหลบไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่สายตาคมเหลือบไปเห็นพนิดากับผู้หญิงอีกคน ถ้าเขาเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคนติดตามของเธอ เขามองดูหญิงสาวกำลังสนุกสนานกับการเล่นน้ำ ว่ายไปมาหยอกล้อกันดูน่ารักเป็นบ้า
“น้องพริกหวานโลกกลมจริงๆ นะ”
แทนคุณพูดกับตัวเอง คิดว่าไม่เสียแรงที่เขายังไม่ไปดูไร่ส้มตอนนี้ ไอ้โก้เดินตามเจ้านายมา แทนคุณหันไปปรามลูกน้องคนสนิทที่กำลังจะเรียกเขาเสียงดัง
ไอ้โก้ย่องมาหาเจ้านายหนุ่มที่กำลังซุ่มอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“คุณหนูพริกหวานเหรอครับเจ้านาย”
ไอ้โก้มองพนิดากับปิ่นปักที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ที่ลำธาร เขาคาดไม่ผิดจริงๆ คิดแล้วว่าพนิดาจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน
“ไอ้โก้แกไปบอกลูกน้องให้ถอยไปให้ไกลจากบริเวณนี้ก่อน”
แทนคุณหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทแต่สายตายังจับอยู่ที่ร่างของหญิงสาวไม่วาง
“เจ้านายจะทำอะไรเหรอครับ” ไอ้โก้ถามอย่างอยากรู้ปนทะลึ่ง
“ไปทำตามที่บอก ถามมากเดี๋ยวโดนถีบ”
แทนคุณหันไปทำตาดุกับลูกน้อง ไอ้โก้รีบหดหัวกุลีกุจอไปทำตามที่เจ้านายสั่ง
พนิดาว่ายน้ำจนเหนื่อยหอบแต่สนุกไม่น้อยเพราะได้ออกกำลังกาย ทำให้ผ่อนคลายสดชื่นอย่างที่สุด
หญิงสาวยกตัวเองขึ้นนั่งบนโขดหิน แทนคุณมองเรือนร่างเล็กของหญิงสาวตาค้าง ดูเธอเป็นคนผอมบางแต่เสื้อผ้าที่เปียกแนบไปกับเรือนร่างรัดรึงทำให้ร่างอรชรดูอวบอิ่มน่าสัมผัสเป็นที่สุด
“ซ่อนรูปเหรอน้องพริกหวาน”
แทนคุณพึมพับกับตัวเองเบาๆ มองหญิงสาวไม่วางตา
“ปิ่นอย่าว่ายไปไกลนักนะจ๊ะ”
พนิดาเรียกปิ่นปักเอาไว้เมื่อเห็นเธอว่ายออกไปไกลแล้ว
“ค่ะคุณหนู ปิ่นขอว่ายไปดูตรงโน่นหน่อยนะคะ”
ปิ่นปักตะโกนมาบอกเจ้านายสาว
“จ้ะ แต่อย่าไกลนักนะ งั้นฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน”
พนิดาบอกปิ่นปัก หญิงสาวมองไปยังโขดหินใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่อีกฟากของลำธาร เธอหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวในถุงเดินไปที่โขดหินทันทีเพื่อใช้เป็นที่กำบังในการเปลี่ยนเสื้อผ้า การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของแทนคุณอยู่ตลอด