“เด็กๆ !!”
เสียงตะโกนที่ดังโหวกเหวกลงมาจากชั้นบนทำให้คุณผู้หญิงของบ้าน ที่กำลังนั่งพรวนดินรดน้ำดอกไม้ต้นไม้ ทั้งล้มลุกและยืนต้นอยู่หน้าบ้านต้องเงยหน้าชะเง้อเข้าไป แม้จะมองไม่เห็นอะไรก็ตาม พร้อมใช้หลังมือซับเหงื่อข้างขมับนวลเบาๆ
“ไม่มีใครอยู่แถวนี้บ้างเลยหรือไง”
เสียงนั้นเริ่มแจ่มชัดขึ้น อาจเพราะคนที่ตะโกนอยู่ในห้องเดินออกมาแล้วก็เป็นได้ อุรัตน์นรินทร์จึงรีบจ้ำเท้าเข้าไปในบ้านก่อนที่คนเอาแต่ใจจะทำเด็กๆ แตกตื่นกันทั้งบ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอินจัดการเอง” เธอร้องบอกสาวใช้ที่ยืนออกันอยู่เต็มหน้าบันได
พอเดินขึ้นมาจนถึงชั้นบน หญิงสาวก็เขยิบเข้าไปแตะแขนผู้ชายหัวฟูยุ่งเหยิงน้อยๆ ที่ยังสวมกางเกงนอนขายาวเปลือยท่อนบน มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพาดที่ไหล่อยู่เท่านั้น แต่พอเพ่งมองดีๆ อุรัตน์นรินทร์ถึงเพิ่งเห็นว่าในมือเขาถือแปรงสีฟันไฟฟ้าอยู่และกุมกำมันจนมั่น
“พี่ปราปต์จะเอาอะไรคะ”
เจ้าของร่างสูงในสภาพเซอร์เพราะเพิ่งตื่นนอนไล่มองเมียสาวตั้งแต่หัวจดเท้า ใบหน้าเล็กกลมมีสีออกชมพูจัด เหงื่อเม็ดโตก็ยังผุดผาดให้เห็น สงสัยยายคนขยันคงออกไปลุยสวนดอกไม้เล็กๆ หน้าบ้านแต่เช้าแน่
“เนี่ย...” สุดท้ายปราปต์ก็ยื่นสิ่งที่อยู่ในมือออกไปตรงหน้า
อุรัตน์นรินทร์มองแปรงสีฟันที่ถูกยื่นออกมาด้วยอาการกระแทกกระทั้นเหมือนไม่สบอารมณ์อะไรสักอย่าง แบบงงๆ
“อะไรหรือคะ”
“แปรงสีฟัน” พอเห็นใบหน้าใสซื่อที่ประดับไปด้วยดวงตากลมๆ ใสๆ ดูไร้เดียงสาจนน่าแกล้ง ปราปต์เลยหาเรื่องรวนเพื่อกวนประสาท
อุรัตน์นรินทร์ถอนหายใจเสียงดัง
“รู้จักค่ะ แค่ไม่เข้าใจว่าพี่ปราปต์ส่งแปรงสีฟันของพี่มาให้อินทำไม”
“ก็มันแปรงไม่ได้” ปราปต์ถอนหายใจให้ดังกว่าอีกฝ่ายหลังจากพูดจบ พร้อมทำหน้ายุ่งเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
เธอยื่นมือออกไปรับแล้วทดลองกดดู ปรากฏว่าแรงสวิงของแปรงยังดีอยู่ ตรงที่เตือนแบตอ่อนก็ไม่ได้ขึ้นโชว์ ไม่เห็นมีตรงไหนที่ใช้งานไม่ได้อย่างที่คนตัวโตบอกสักนิด
“ก็ใช้ได้ปกตินี่คะ” คราวนี้เธอได้ยินสามีถอนหายใจเสียงดังกว่าเดิม แถมสองทีซ้อน
“แปรงน่ะใช้ได้ แต่ที่ไม่โอเคคือยาสีฟันต่างหากล่ะ”
แล้วจะต้องให้เขาพูดมั้ยว่าก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละที่บกพร่องต่อหน้าที่ รู้อยู่ว่าเขาใช้ยี่ห้อไหน และไม่ชอบการเปลี่ยนอะไรให้ยุ่งยากที่สุด ยังมีหน้าเอายาสีฟันที่ไหนก็ไม่รู้มาให้เขาใช้แทนของเดิม แล้วรสชาติมันก็แบบ...
เจ้าของใบหน้าชื้นเหงื่อถึงบางอ้อ ที่แท้ปราปต์ก็ไม่พอใจยาสีฟันยี่ห้อใหม่ที่เธอเปลี่ยนให้นี่เอง
“โธ่ แล้วทำไมพี่ปราปต์ไม่บอกอินตั้งแต่แรกเล่าคะว่าไม่ชอบยาสีฟันอันนี้ จะตะโกนโวยวายลั่นบ้านแถมเอาแปรงสีฟันมาอวดอินทำไม”
“ก็ผมมีแค่แปรงเป็นหลักฐาน ยาสีฟันรสชาติห่วยของคุณผมบ้วนมันทิ้งแล้ว หรือจะต้องให้ผมพาไปดูผลงานที่คุณทำเอาไว้” ทุกเช้าอุรัตน์-นรินทร์จะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เขา พร้อมบีบยาสีฟันไว้ที่แปรงด้วย ทำให้เขาไม่เคยสังเกตว่าปกติเธอเลือกรสไหน กลิ่นไหน หรือหากว่าอุรัตน์นรินทร์จะเปลี่ยนมัน เขาก็ไม่มีทางรู้ได้
ปราปต์เอื้อมคว้าแขนเมียแล้วทำท่าจะลากเข้าไปในห้อง แต่เจ้าตัวยื้อเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวค่ะ อินไม่ได้อยากดูอ่างล้างหน้าหรอก อินเชื่อแล้วว่าพี่ไม่ชอบจริงๆ เดี๋ยวอินลองเปลี่ยนอันอื่นให้ วันนี้พี่ปราปต์ก็ทนๆ ใช้ไปก่อนนะคะ”
“แล้วคุณจะต้องเจ้ากี้เจ้าการไปเปลี่ยนมันทำไม”
“ก็ยี่ห้อเดิมเขาเลิกผลิตปิดโรงงานไปแล้วนี่คะ พี่ปราปต์จะให้อินไปซื้อที่ไหนล่ะ ยังไงก็ต้องเปลี่ยนค่ะ”
พอเห็นคนหัวยุ่งทำหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่ เธอเลยต้องคว้าแขนเขาไว้แล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน
“มาค่ะ เดี๋ยวอินช่วยแปรงให้”
หญิงสาวจัดการดันคนตัวใหญ่ไปข้างๆ อ่างล้างหน้า แล้วล้างไม้ล้างมือตัวเองให้สะอาด บีบยาสีฟันใส่แปรงนิดหน่อยแล้วเตรียมยื่นมันไปแปรงให้เขาเหมือนอย่างที่เคยทำ แม้จะไม่ได้ปรนนิบัติพัดวีเขาแบบนี้ทุกวัน แต่มันก็บ่อยจนเธอพอจะชำนาญ
ปราปต์ยอมอ้าปากดีๆ แล้วยืนกอดอกมองภรรยาตัวจ้อยที่แทบเขย่งมาแปรงฟันให้เขา ภาพผู้ชายยืนหยีฟันฟองล้นออกมานอกริมฝีปาก ไม่รวมถึงละอองน้ำที่กระเด็นซ่านเซ็นออกมาเล็กๆ ไม่ได้น่ามองนัก แต่สิ่งที่เขาเห็นคืออุรัตน์นรินทร์ไม่เคยรังเกียจมัน แถมยังทำให้ด้วยความเต็มอกเต็มใจ
“วันนี้จะไม่อาบน้ำให้ด้วยเหรอ”
คนถูกถามหน้าอมชมพูระเรื่อขึ้นอีกครั้ง ใช่ว่าไม่เคยอาบน้ำให้สามี แต่ทุกครั้งมันมักจะไม่จบแค่การอาบน้ำเฉยๆ นี่สิ
“อินไปรอแต่งตัวให้พี่ข้างนอกดีกว่าค่ะ”
เขาเห็นเจ้าหล่อนว่าเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาวิ่งปรู๊ดออกจากห้องน้ำไป โดยที่ไม่ลืมกดล็อกประตูให้ด้วย ทำอย่างกับถ้าเขาดึงดันจะให้เธออาบให้จริงๆ ไอ้ล็อกจากด้านในนี่จะขวางเขาไว้ได้อย่างนั้นแหละ...
ใช้เวลาอีกนิดหน่อยปราปต์ก็ออกมายืนให้ภรรยาเช็ดตัวเช็ดผมและช่วยใส่เสื้อผ้าให้
“มือคุณเบาดีนะ”
“ที่จริงพี่ปราปต์ต้องอาบน้ำแต่งตัวเองสิคะถึงจะถูก” เธอค่อยๆ หวีผมของเขาและจัดเซ็ตให้เข้าทรง “ถ้าอินไม่อยู่ พี่ปราปต์จะไปโวยวายให้ใครมาช่วยกัน”
“ถ้าคุณไม่อยู่ก็ดีสิ ผมจะได้กลับไปอยู่บ้านผมสักที ที่นั่นต้องมีคนดูแลผมได้ดีอยู่แล้ว อย่างน้อยก็แม่ผมคนนึงละ”
มือที่กำลังป้ายเส้นผมหยุดชะงักลง เธอพลั้งปากไปเพราะคิดแค่ว่าหากวันไหนออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือไปจ่ายตลาดตอนเช้าแล้วกลับช้าก็เท่านั้น ไม่ได้คิดไปไกลเหมือนปราปต์ ที่อยากจะเสือกไสเธอไปให้พ้น
“เสร็จแล้วค่ะ”
แต่สุดท้ายอุรัตน์นรินทร์ก็เลือกส่งยิ้มบางๆ ผ่านกระจกไปให้เขา แล้วขอตัวลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ปราปต์ พยายามไม่คิด ไม่สนใจสิ่งที่สามีพูดเมื่อครู่... แต่ก็เหมือนจะไม่สำเร็จ
‘เจออยู่ทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอเรา’
“คุณอินเก่งจังเลยค่ะ” เด็กรับใช้คนหนึ่งที่ยืนช่วยคุณผู้หญิงจัดโต๊ะอาหารพูดขึ้น และได้แรงสนับสนุนเป็นเพื่อนสาวใช้อีกหลายคนที่เห็นพ้องต้องกันอย่างสุดๆ
“เรื่องอะไรจ๊ะ” อุรัตน์นรินทร์ยังสาละวนปรุงข้าวต้มปลาชามโตให้สามีอยู่เอ่ยถามกลับไป
“ก็ที่คุณอินเอาคุณปราปต์อยู่ทุกเรื่องไงคะ รู้ใจกันทุกอย่าง ขนาดคุณปราปต์ขี้โวย ขี้วีนขนาดนั้น หนูยังไม่เคยเห็นคุณอินกลัวสักที”
หญิงสาวหันกลับมาแล้วยิ้มเยือนอย่างใจดีก่อนตอบ
“กลัวสิจ๊ะ”
ใครบ้างจะไม่กลัวที่ต้องมารับมือกับผู้ชายตัวโตๆ เจ้าอารมณ์ เข้าใจยาก แถมเขายังไม่ได้รักได้ชอบเธอสักนิด เกิดวันดีคืนดีเธอทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมา ปราปต์อาจลุกขึ้นมาหักคอเธอจิ้มน้ำพริกเอาก็เป็นได้
“แต่ถึงกลัวก็ต้องสู้กับความกลัวของตัวเองจ้ะ เพราะมันคือหน้าที่ของภรรยาที่จะต้องดูแลคนเป็นสามีให้ดีที่สุด เขาออกไปทำงานข้างนอก ทั้งเหนื่อย ทั้งต้องเจอกับคนหลากหลายรูปแบบ เหตุการณ์ที่ทำให้หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ไปบ้าง บางครั้งอาจพาลอารมณ์เสียใส่อิน แต่อินอยู่บ้านสบายๆ แค่ดูแลสามีให้ดี ถึงจะกลัว จะยาก ก็ต้องทำให้ได้จ้ะ”
ปราปต์ลงมาทันได้ยินเสียงนุ่มๆ พูดทุกประโยค ก่อนจะเดินเข้ามาที่โต๊ะเพื่อนั่งทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงาน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยววันนี้คุณเดินไปส่งผมที่รถทีนะ”
อุรัตน์นรินทร์เงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มของตนเอง และพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ปกติปราปต์จะไม่ชอบให้เธอไปส่งเขาเท่าไร เพราะเขาชอบบอกว่าเธอยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเกะกะ
“คะ... ค่ะ”
พอทั้งเขาและเธออิ่มหนำเรียบร้อย อุรัตน์นรินทร์ก็เดินออกมาคอยส่งเขาที่รถตามคำสั่ง
“อุรัตน์นรินทร์...”
“คะ ?”
“ที่บอกว่าอยากเป็นภรรยาที่ดี ดูแลผมให้ดีน่ะไม่ยากหรอก แค่คุณหย่าให้ผมซะ ก็ถือว่าคุณดีกับผมที่สุดตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันมาเกือบปีแล้วละ”
เธอเห็นเขายิ้มตลอดเวลาที่พูด แต่ปราปต์จะรู้บ้างมั้ยว่าคำพูดของเขาทุกคำกำลังเรียกน้ำตาของเธอ และชำแหละหัวใจของเธอจนไม่เหลือชิ้นดี
“พี่ปราปต์...”
“เอ้า นี่พูดจริงๆ นะ ผมไม่ขออะไรคุณมากเลย แค่ออกๆ ไปจากชีวิตผมซะ คืนชีวิตโสดให้ผมเหมือนเมื่อปีก่อน แล้วคุณจะไปไหนก็ไป สินสอดที่พ่อแม่ผมให้คุณไว้ก็ไม่ใช่น้อย เอาไปตั้งตัวเป็นเศรษฐีนีเนื้อหอมได้อย่างสบายๆ”
“ยะ... เย็นนี้ถ้าไปถึงที่ทำงานพี่แล้วเดี๋ยวอินโทรหานะคะ เราจะได้ไปบ้านคุณพ่อคุณแม่กัน” เธอเปลี่ยนเรื่องและรีบหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ปราปต์มีความสุขก่อนไปทำงานแล้วด้วยการทำร้ายหัวใจเธอ แต่วันทั้งวันของเธอคงเอาแต่คิดวนเวียนในคำพูดของเขา
ปราปต์อยากหย่าแค่ไหนเธอรู้ดี แต่เธอรักเขา... ยังอยากอยู่กับเขาแบบนี้ เขาสิที่ไม่เคยเข้าใจอะไรบ้างเลย