Stay Hug ที่พบรัก 26
“ขออนุญาตค่ะ คุณอิงคะมีลูกค้าต้องการคุยด้วยค่ะ” เสียงพี่แก้วดังขึ้นใกล้ ๆ เรียกความสนใจจากหนุ่ม ๆ ได้อย่างดี แต่เมื่อได้ยินว่าลูกค้าต้องการคุยฉันถึงได้รีบหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ขอตัวสักครู่นะคะ” เอ่ยบอกผู้ร่วมโต๊ะอย่างเกรงใจระหว่างที่รีบก้าวออกจากโต๊ะ
“ลูกค้าที่เช็กเอาต์ออกไปแล้ว แต่มาติดต่อขอเช็กอินใหม่ค่ะ ทั้งที่ไม่ได้จองไว้”
“ต่างชาติหรือคนไทยคะ”
“คนไทยค่ะ” ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มปวดหัวจี๊ด ๆ ขึ้นมา ก็ห้องไม่ได้จองไว้จะเช็กอินได้ยังไงล่ะ? พอรับเรื่องจากพี่แก้วเสร็จก็รีบขอตัวจากพี่ ๆ บ้านไร่สกุลจ้าวรักที่นั่งมองฉันด้วยความสนใจ แล้วเดินกลับเข้าไปยังส่วนของล็อบบีที่พัก
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าติดปัญหาส่วนไหน แจ้งอิงได้เลยนะคะ” ฉันรีบส่งเสียงทักทายลูกค้าอย่างเป็นมิตรเมื่อพี่แก้วส่งสัญญาณให้ว่า...นี่แหละหน้าตาของปัญหาในค่ำคืนนี้
“ฉันจะเช็กอิน แต่พนักงานไม่ยอมให้เช็กอิน” ผู้หญิงตรงหน้ากอดอกแล้วจ้องหน้าฉันแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน แต่ฉันยังคงส่งยิ้มให้ตามมารยาท
“อ่า แล้วคุณลูกค้าได้ทำการจองล่วงหน้าไว้ไหมคะ? เดี๋ยวทางโรงแรมตรวจสอบให้ค่ะ” ฉันเอ่ยถามและยิ้มค้าง ถึงแม้จะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ไม่ได้จอง แต่พวกฉันเพิ่งจะเช็กเอาต์ไป แล้วทำไมจะเช็กอินตอนนี้ไม่ได้” อ่า ดูสิ พูดไม่เพราะเลยนะว่าไหม
“ต้องขออภัยคุณลูกค้าด้วยค่ะ ตอนนี้ที่พักเราถูกทำการจองเต็มหมดแล้ว หากคุณลูกค้าไม่ได้สำรองพี่พักล่วงหน้ามา เกรงว่าตอนนี้ทางเราจะไม่มีห้องให้นะคะ” ฉันยังใจเย็นอธิบายให้ลูกค้าได้เข้าใจ
“ก็จองมาแล้วไง! คิดว่าเป็นเจ้าของที่พักแล้วจะไล่ลูกค้าได้เหรอ ฉันจะถ่ายคลิปประจานที่นี่” เอ่ยจบลูกค้าผู้หญิงก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป พร้อมกับต่อว่าทางฉันและโรงแรมที่ไม่ยอมให้เธอเช็กอิน พี่แก้วทำหน้าตกใจ แต่ฉันยื่นมือไปแตะแขนเธอก่อน และแจ้งกลับเสียงดังฟังชัด
“รบกวนผู้จัดการติดต่อเจ้าหน้าที่และทีมกฎหมายด้วยนะคะ ถ้าลูกค้าทั้งสองท่านทำให้โรงแรมเราเสื่อมเสียชื่อเสียง ดิฉันต้องเรียนตามตรงว่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น...” ท้ายประโยคฉันจ้องหน้าลูกค้าเจ้าปัญหาที่ยังยืนอัดคลิปราวกับถือไพ่เหนือกว่าตาเขม็ง ไม่ใช่สิ เธอคนนั้นกำลังไลฟ์สดหมายจะทำให้โรงแรมของฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง คงจะกะใช้พลังโซเชียลรุมประณามกันละมั้ง?
“ฉันเป็นลูกค้า ทำไมจะเช็กอินไม่ได้”
“ตอนนี้ห้องพักทางเราเต็มทุกห้องค่ะ เนื่องจากคุณลูกค้าจองเข้ามาสองวันหนึ่งคืน และได้ทำการเช็กเอาต์ออกไปในช่วงเวลาเที่ยงครึ่ง ทางเราไม่ได้ปรับที่ลูกค้าเช็กเอาต์ช้ากว่าเวลาที่กำหนดด้วยซ้ำ แต่ผ่านไปเกือบเจ็ดชั่วโมงลูกค้ากลับเข้ามาเพื่อทำการเช็กอิน ซึ่งไม่ได้จองไว้เพิ่มเติม และห้องพักของทางเราเต็มหมดแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่สามารถเช็กอินให้กับคุณลูกค้าได้ค่ะ” ฉันอธิบายให้เธอได้เข้าใจ แน่นอนว่าหากมีคนดูไลฟ์นี้อยู่ ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจแน่ ๆ
“และถ้าคุณลูกค้ายังไม่หยุดใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ของโรงแรม และยังไม่หยุดทำให้โรงแรมเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ ทางเราจะไม่มีการยอมความใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ” ฉันเตือนครั้งสุดท้าย และยังคงส่งยิ้มให้คนตรงหน้า ถึงแม้ลูกค้าคนนั้นจะถือโทรศัพท์โฟกัสที่ใบหน้าฉันโดยเฉพาะก็ตาม
“พอได้แล้ว ไปกันเถอะ” ฉันยืนส่งยิ้มและจ้องผู้หญิงคนนั้นอยู่สักพักใหญ่ ผู้ชายคนที่มาด้วยกันกับเธอก็รีบขยับเข้ามาสะกิดเตือน
“ไม่...”
“มันไม่คุ้มหรอก” ฝ่ายผู้ชายเตือนสติคนที่มาด้วยกัน และผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยุดไลฟ์สด
“ยังข้องใจตรงไหนอีกไหมคะ?” ฉันทวนถามน้ำเสียงราบเรียบ และครั้งนี้ก็เลือกที่จะจ้องผู้ชายคนนั้น ท่าทีแปลก ๆ ของทั้งสองคนทำให้ฉันสงสัยอยู่ในใจ
“ไม่มีแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายด้วย” เป็นแขกผู้ชายที่เอ่ยบอก
“ฉันไม่ยอมแน่” แต่เหมือนจะไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้
“ทางเราก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ” ฉันประกาศกร้าวทั้งรอยยิ้มหวาน เอาสิ คิดว่ากลัวเหรอ?
“พอแล้ว ๆ ไปกันเถอะ ไม่อายหรือยังไงกัน” ทั้งสองคนถกเถียงกันไปมา ฉันหันไปมองพี่แมะที่ยืนอยู่มุมด้านหนึ่ง แล้วส่งสัญญาณพยักหน้าให้เล็กน้อย คนที่เหมือนรู้ว่าฉันต้องการให้ทำอะไรก็พยักหน้าตอบกลับมาและเดินหายไปในมุมมืด
“พี่แก้วหนูขอข้อมูลลูกค้าคู่นั้นทีค่ะ” ฉันบอกและขยับไปยังด้านหลังล็อบบี ตรวจเช็กข้อมูลที่ได้รับมา ก็เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ สักพักใหญ่พี่แมะก็กลับเข้ามาแล้วกระซิบบอกเสียงเบา
“ผมส่งให้ในแชตครับ”
“ขอบคุณค่ะ” กระซิบตอบกลับเสียงเบาก่อนจะฝากงานให้พี่ ๆ ที่หน้าล็อบบีจัดการต่อ จากนั้นถึงได้ตั้งใจเดินกลับไปยังโต๊ะของพี่แทนคุณที่เสียมารยาทหายตัวไปนาน แต่เมื่อมองไปทางประตูก็เห็นว่าคุณเจ้าของสวนลำไยกำลังยืนรอฉันอยู่ เขากอดอกจ้องฉัน มุมปากเหมือนว่าจะยกยิ้มอย่างพึงพอใจไม่น้อย
“เก่งมาก” เดินเข้าใกล้คนที่คล้ายกับยืนรอฉันอยู่ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยชมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไรกันคะ จู่ ๆ มาชม” มองคนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่
“เก่ง จัดการหน้างานได้ดี เก่งมากครับ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” ส่งยิ้มให้คนตรงหน้าบาง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกพี่ชายชมเวลาที่ทำงานออกมาได้ดีเลยแฮะ
“ไปกินข้าวต่อเถอะ ดึกแล้วจะได้กลับไปพัก” เขาเอ่ยชวนเสียงเบา
“ค่ะ ไปกินข้าวกัน” ฉันรู้สึกดีมากจริง ๆ ที่มีเพื่อนพี่ชายคอยดูแลแบบนี้น่ะ
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เดี๋ยวฉันจะต้องโทร. ไปปรึกษาพี่ ๆ เสียหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้มั่นใจนักว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติก็ไม่รู้ ซ้ำยังกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลังอีก
ดังนั้นต้องรีบปรึกษาผู้มีประสบการณ์ไว้ก่อน แต่ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ แน่นอนว่าฉันไม่มีทางยอมแน่นอน อย่างร้ายแรงที่สุด ก็ต้องเจอกันที่ศาลสักตั้งแหละนะ