Stay Hug ที่พบรัก 27

1856 Words
Stay Hug ที่พบรัก 27 แล้วก็เป็นข่าวในโลกโซเชียลอย่างที่คิดไว้ แต่เหมือนข่าวจะเป็นผลดีต่อเราเมื่อคนเสพข่าววิเคราะห์ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่เรื่องการดำเนินคดีทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำแต่พอเห็นคลิปที่พี่แมะส่งให้ ฉันรีบส่งเข้ากลุ่มแชตครอบครัวเราทันที นั่นจึงเป็นที่มาของการเรียกทนายเข้ามาคุยเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งจากลูกค้าทั้งสองคนและผู้จ้างวาน ใช่แล้วแหละ มีคนจ้างให้สองคนนั้นกลับเข้ามาป่วนที่พักและตอนที่กลับออกไปเหมือนทั้งคู่จะไม่ทันระวังและพูดบ่นอะไรเกี่ยวกับคนที่จ้างมาป่วน พร้อมทั้งพูดชื่อและโทร. หาเสร็จสรรพ ทุกอย่างอยู่ในคลิปที่พี่แมะแอบตามไปดูและแอบถ่ายเป็นหลักฐานกลับมาให้ รวมถึงคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ลานจอดรถ พี่ชายทั้งสองคนไม่ให้ฉันยุ่งเรื่องคดีความ แต่ให้ทำงานเหมือนเดิม ส่วนที่เหลือพวกเขาจะจัดการและแจ้งข่าวมาเป็นระยะ ๆ แทน “ฮั่นแน่ มาแต่เช้าเลย” แนนนี่ส่งเสียงแซวตั้งแต่ที่เห็นฉันเปิดประตูร้านเข้าไป “สิบโมงแล้วไม่เช้าเลยสักนิด” ฉันเถียงเพื่อนและพยายามไม่สนใจสายตาและรอยยิ้มล้อเลียนจากเพื่อนตัวเอง สองสามวันมานี้เหมือนเพื่อนทั้งสองคนของฉันจะชอบแซวอะ แซวแบบกำกวมด้วย ไม่เข้าใจว่าอยากแซวเรื่องอะไรกันแน่ “กินข้าวมาหรือยัง” แนนนี่เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อฉันเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ ง่วงมากเมื่อคืนตรวจเอกสารกองพะเนินเท่าภูเขาเลย “ข้าวเช้ายังไม่อยากกิน รอกินตอนเที่ยง” “โอเค เอาวาฟเฟิลหน่อยไหมรองท้อง” “ดีเหมือนกัน ขอหนึ่งที่นะคะ” ส่งยิ้มอ้อนให้แนนนี่ พลางหันไปมองยังประตูร้านเห็นยัยธิชาเปิดเข้ามาด้วยใบหน้างอแง ด้านหลังนั้นมีพี่ปริมเดินตามเข้ามาไม่ห่างเช่นเดียวกัน อีกแล้ว สองคนนี้ทะเลาะกันมาหรือเปล่านะ แล้วถ้าจะให้พูดจริง ๆ มีวันไหนที่ไม่งอนกันเอาแค่นั้นแหละ แต่ดูก็รู้ว่ารักกันมากน่ะ แต่ก็ชอบแกล้งกันไปมา “อิงกินข้าวหรือยัง?” ธิชาเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาหยุดยืนข้างเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่งอยู่ เช้า ๆ แบบนี้มีลูกค้าบ้างประปรายแต่เหมือนจะสั่งเครื่องดื่มแล้วออกไปนั่งที่โต๊ะข้างนอกเพื่อถ่ายรูปกันเสียมากกว่า “ข้าวเช้ายัง แต่สั่งกาแฟกับขนมแล้วแกกินอะไร?” เอ่ยถามเพื่อนพร้อมกับมองตามสายตาของธิชาที่มองเมนูเครื่องดื่มในร้าน “กาแฟเหมือนกัน” เอ่ยจบก็เดินผ่านไปยังเคาน์เตอร์ร้าน โดยมีพี่ปริมเดินตามไปด้วย ฉันก้มหน้ามองไอแพดที่ถือมาทำงานด้วย สักพักธิชาก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉัน “โอเคดีหรือยัง ที่โรงแรม” ธิชารีบถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งธิชาและแนนนี่ต่างเป็นห่วงฉันมากจริง ๆ รวมถึงพี่แทนคุณที่ถามทุกวันว่าเป็นยังไงและเหมือนเขาจะแวะเข้าไปช่วยดูที่โรงแรมอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ทำเหมือนชัดเจนและสายตาของเขาน่ะยังคงสอดส่องดูรอบ ๆ อย่างระวังให้เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าพี่อชิพูดหรือขอร้องอีกฝ่ายหรือเปล่า “โอเค พี่ ๆ จัดการให้หมดแล้วน่ะ แกล่ะโอเคดีไหม?” ถามเพื่อนกลับไปด้วยความเป็นห่วง เหมือนช่วงนี้เพื่อนกำลังจะขยายร้านเลยวุ่นวายนิดหน่อย ไหนจะมีเรื่องส่วนตัวอีก แล้วที่คาเฟ่ก็เตรียมจะทำโซนนั่งนอกร้านเพิ่ม วันนี้เราเลยมาเจอกันเพื่อคุยงานนี่แหละ “ดีแล้ว เรียบร้อย” “เยี่ยมเลย เที่ยงนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีไหม” ถามเพื่อนด้วยความตื่นเต้น ฉันได้ยินว่ามีร้านมาเปิดใหม่เลยอยากจะกินน่ะสิ ช่วงเวลาสามสี่วันมานี้ยุ่งมากจนลืมไปหมด แต่วันนี้เมื่อเจอหน้าเพื่อนกลับนึกขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น “เราน่ะไปได้แต่แนนนี่มันต้องทำงาน” ธิชาอธิบาย “ลืมเลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปชิมให้ก่อนแล้วกัน ถ้าอร่อยจะบอกต่อนะ” ขยิบตาส่งให้เพื่อนอย่างซุกซน ธิชาหัวเราะเบา ๆ ยามเห็นว่าฉันยังตั้งเป้าหมายที่จะออกไปกินก๋วยเตี๋ยววันนี้ “ได้ ๆ แต่ถ้าใจดีซื้อกลับมาฝากก็จะดีมากนะ” “ถ้าอร่อยจะซื้อกลับมาฝากแล้วกัน” เพราะหากไม่อร่อยฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนกินอะ “เยี่ยมเลยแบบนั้น” “พร้อมหรือยัง คุยกันเลยไหม” แนนนี่ที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ด้วยเอ่ยถามเราสองคน เราเลยมาล้อมวงปรึกษากันง่าย ๆ ส่วนพี่ปริมนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ ๆ อีกฝ่ายคอยใช้สายตาจ้องมองเพื่อนสาวของฉันอย่างธิชาไม่ยอมละไปทางไหนเลยสักวินาทีเดียว ฉันใช้เวลานั่งคุยกับเพื่อน ๆ สักพักใหญ่กว่าจะคุยและตกลงกันได้ก็นานเหมือนกัน แต่โดยรวมเราหาทางสรุปได้แล้ว คือเราต้องหาทีมช่างที่อยู่ใกล้ ๆ เพราะมีเวลาจำกัดในการต่อเติม ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาหลังร้านปิดเท่านั้น ส่วนโรงเรือนด้านหลังที่ปลูกแคนตาลูปไว้ คนงานของที่บ้านแนนนี่กำลังจะเริ่มปลูกชุดใหม่ รวมถึงพื้นที่รอบ ๆ ก็หว่านเมล็ดข้าวโพดไว้ด้วย เวลาลูกค้ามาอาจจะอยากเดินไปดู อีกอย่าง จู่ ๆ ฉันก็อยากจะทำเครื่องดื่มข้าวโพดขึ้นมา เลยขอให้คนงานช่วยปลูกไว้ “แกจะไปไหนต่อ” แนนนี่เอ่ยถามเมื่อเราคุยงานกันเสร็จหมดแล้ว “กลับโรงแรม” ฉันตอบไปตามตรง “ฝากส่งเครื่องดื่มหน่อย” “หา? ส่งที่ไหน” ฉันหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “ก็ที่เดิมนั่นแหละ” แนนนี่หัวเราะอย่างพอใจยามเห็นฉันทำหน้าเบื่อหน่าย “ฉันไปส่งแทนบ่อยขนาดนี้ต้องมีค่าจ้างแล้วไหม?” แกล้งถามเพื่อนมือก็หยิบโทรศัพท์ที่มีข้อความถูกส่งเข้ามา แล้วก็อายุยืนเหลือเกินเอ่ยถึงไร่เขา เจ้าตัวก็ส่งข้อความมาทันที Khun Tankhun Khun Tankhun ผมสั่งกาแฟไป เอามาให้หน่อยนะครับ Aingdao ส่งบ่อยขนาดนี้จะคิดค่าส่งแล้วนะลุง Khun Tankhun ก็คิด เท่าไหร่จะจ่าย Aingdao ล้อเล่นค่ะ อีกสักพักเลยนะ ขอคุยงานกับเพื่อนก่อน Khun Tankhun ได้ วันนี้อยู่ที่สวนเงาะนะ Aingdao สวนเงาะ? อยู่ตรงไหนคะ Khun Tankhun สี่แยกเลี้ยวซ้าย ขับตรงมาเลยจะมีรถจอดอยู่ ถ้าไม่มั่นใจโทรมานะ Aingdao รับทราบ!! “แหม ๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ” เสียงธิชาเอ่ยแซวทั้งยังหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ แนนนี่เองก็แกล้งแซวกับเขาด้วย ก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เพื่อน ๆ ของฉันชอบแซวมาก “เพิ่งรู้ว่าลุงแกมีสวนเงาะด้วย” แต่ฉันเงยหน้ามองหน้าเพื่อนสลับไปมาอย่างตกใจ ปกติจะเห็นแต่สวนลำไยไง ไม่รู้ว่ามีสวนเงาะด้วยแบบนั้น “ลุงไหน?” “คุณแทนคุณไง ลุงน่ะชอบบ่นชอบดุเหมือนพี่อชิเลยเรียกลุงเหมือนกัน” แต่ก็นาน ๆ ครั้งจะแกล้งเรียกเขาแบบนั้นนั่นแหละ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธนะ “มันมีอีกเยอะเลยลองให้มันพาไปดูสิ” พี่ปริมที่ย้ายมานั่งข้างธิชาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยบอกฉันพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “ไม่กล้าหรอกค่ะ แค่ตกใจน่ะปกติเห็นแค่ต้นลำไย” ฉันบอกพี่ปริม มือก็ยื่นไปหยิบครัวซองต์มากิน “มันทำทั้งสวนลำไยแล้วก็สวนเงาะนั่นแหละ เหมือนช่วงนี้จะทำนาข้าวด้วยมั้ง?” “อ๋อ นาข้าวเคยเห็นแล้วค่ะ เคยพาแขกที่โรงแรมเข้าไปถ่ายรูปอยู่ค่ะ” “หา? มันน่ะนะยอมให้คนนอกเข้าไร่” “ค่ะ แถมไม่คิดค่าเข้าด้วยนะ” ฉันพยักหน้ายืนยัน ก็ช่วงแรก ๆ ที่เจอกับเขานั่นแหละ “น่าตกใจจริง ๆ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าอยากรู้อะไรถามมันเถอะ มันตอบหมด ถ้าอิงถามมันน่ะ” พี่ปริมเสนอ ฉันพยักหน้าแต่ไม่ได้บอกว่าจะถามเขาไหมนะ “แล้วยังไงนัดของเราเย็นนี้” “ไปสิ อยากไปกิน” “จะไปไหนกันครับ?” พี่ปริมถามแต่มองหน้าธิชาอย่างสงสัย ส่วนฉันกับแนนนี่มองหน้ากันแล้วยิ้มกริ่ม จึงพอจะมั่นใจอะไรบางอย่างแล้วแหละ แต่รอถามเพื่อนอีกทีแล้วกันนะ “จะไปเที่ยวที่อำเภอค่ะ” “พี่ไปด้วยได้ไหม?” “ไม่ได้” ธิชารีบตอบ “...ได้ค่ะ ไปด้วยกันได้” แต่แนนนี่ที่เห็นใบหน้าเสียใจของพี่ปริมก็รีบชวน ทำให้เพื่อนสาวของเราอย่างธิชาทำหน้างอคอหักเป็นปลาทู “แนนนี่!” “เอาน่า ก็ไปด้วยกันไง ไม่เป็นไรหรอก ดีเสียอีกเราจะได้เมากันให้เต็มที่ แล้วให้พี่เขาขับรถให้?” แนนนี่ยังหาทางหว่านล้อมเพื่อน “ใช่ ๆ เดี๋ยวขับให้ จะดื่มก็ดื่มกันเลย” พี่ปริมเสนอตัวอย่างเต็มที่ แม้จะมีท่าทีงอแงแต่ก็ยอมในท้ายที่สุด นั่งตกลงเวลานัดกับเพื่อนเสร็จถึงได้บอกให้พนักงานที่ร้านชงเครื่องดื่มที่พี่แทนคุณสั่ง เพื่อที่ฉันจะได้เอาไปส่งให้เขาที่ไร่ วันนี้อีกฝ่ายสั่งขั้นต่ำสามแก้วพอดีและมีของว่างอีกเล็กน้อย เมื่อได้ของมาฉันก็เริ่มออกเดินทางไปยังสวนเงาะของไร่สกุลจ้าวรักทันที เลี้ยวไปตามเส้นทางก็พบว่าสองฝั่งที่เคยเป็นต้นลำไยตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นต้นไม้อีกชนิด เบื้องหน้ามีรถจอดอยู่สามคัน มีรถคันที่คุ้นตาอยู่หนึ่งคัน เมื่อไปถึงก็จอดรถไว้ที่ท้ายรถคันสุดท้าย ถือถุงเครื่องดื่มลงมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ “ใครกันน่ะ” “คนนั้นไงที่เป็นเจ้าของโรงแรมดัง ๆ” “แฟนนายเหรอ?” “ไม่รู้นะ แต่นายเพิ่งสั่งให้ผู้จัดการเตรียมที่พักให้คนรักไปนะ” “เขาจะมาหานายเหรอ?” “ฉันได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน” “แต่นายไม่มีใครเลยนะ ตั้งแต่เลิกกับคนรักตอนนั้น” “คนไหนพี่” “คนที่จะแต่งงานด้วย แต่ต้องยกเลิกไปไง” “เขาจะมาเหรอ?” “ใช่สิ ฉันได้ยินนายสั่งให้ผู้จัดการเตรียมที่พักไว้อยู่” “แบบนี้หมายความว่าจะรีเทิร์นกันเหรอเนี่ย? ดีจัง คุณคนนั้นสวยและเป็นผู้ใหญ่มาก แต่เหมือนคนนี้ยังเด็กอยู่เลย...” เอ้า! แล้วฉันต้องมารับรู้หรือต้องได้ยินประโยคแบบนี้ด้วยเหรอ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD