“อ่า อยากจะบ้าตาย”
เสียงสบถดังขึ้นแต่เช้าของวัน บ่งบอกว่าอารมณ์ของผู้พูดบูดบึ้งแค่ไหน เมื่อต้องฝันร้ายซ้ำๆ จนแทบไม่ได้นอนมาสองสามวันติด
เทียร์รดาที่สะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งหัวโงนเงนอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนเอี่ยวลำตัวหันไปหยิบหมอนใบใหญ่มาวางไว้บนตัก พลันซุกหน้าลงพร้อมกรีดร้องอย่างหมดความอดทน
ชีวิตของเทียร์รดาไม่ได้สวยงามเหมือนในละครเลยสักนิด..
หลังนั่งโอดครวญเพราะนอนไม่เต็มอิ่มอยู่พักใหญ่ เทียร์รดาก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกองถ่ายในช่วงเช้า
ใบหน้าสวยหวานมีเลือดฝาดบนแก้มขาว แต่งแต้มเพียงครีมบำรุงผิวกับลิปสติกสีแดงบางๆ บนริมฝีปาก มือรวบผมที่ยาวถึงกลางหลังมัดขึ้นในทรงหางม้า ก่อนเพิ่มลูกเล่นให้ใบหน้าดูไม่จืดชืดด้วยการปัดขนตาเล็กน้อย
“หรือฉันควรเรียนขับรถแบบจริงจังสักทีนะ พี่ส้มจะได้เหนื่อยน้อยลงหน่อย” เทียร์รดาพูดสิ่งที่คิดออกมาเบาๆ หน้ากระจก
ไม่ใช่เพราะผู้จัดการทำผิดพลาดในหน้าที่ เธอยังคงเป็นผู้จัดการเบอร์หนึ่งที่ได้มาตรฐานดีเยี่ยมทุกกระเบียดนิ้ว
แต่ทว่าเทียร์รดาอยากก้าวข้ามผ่านความกลัวของตัวเองมากกว่า ที่ผ่านมาเธอเลยไหว้วานให้ส้มจี๊ดคอยรับส่งเวลาทำงาน เพราะความไม่ไว้ใจคนอื่นของเธอร่วมด้วย
เห็นทีหลังจากนี้เธอคงต้องคิดใหม่ซะแล้ว..
เทียร์รดาออกมายืนรออยู่ด้านหน้าคอนโด ในมือถือบทละครเล่มหนาไว้แนบอก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถของผู้จัดการสาวขับเข้ามาจอดตรงหน้าพอดี
“ข้าวกองวันนี้ประธานโชเป็นเจ้ามือเลี้ยงด้วยล่ะแก” เสียงผู้จัดการส้มจี๊ดเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี
“ปกตินี่พี่ส้ม เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่เราทำงานอยู่นะ” เทียร์รดาว่ายิ้มๆ กับอีกคนที่หรี่ตามองเธออย่างจับพิรุธ
“เพราะแกแสดงนำละครเรื่องนี้ต่างหาก นี่เขายังฝากให้ฉันไปเอาดอกไม้ให้แกด้วยนะ”
“ดอกไม้เหรอ”
“เออดิ อยู่เบาะหลังนั่นไง”
ใบหน้าสวยมุ่นคิ้วด้วยความฉงน แต่ก็เอี่ยวลำตัวหันไปหยิบช่อดอกไม้มาวางไว้บนตัก
“วันหลังพี่ไม่ต้องขับรถไปก็ได้นะ เอาไว้เราว่างจากงานค่อยไปเอาก็ได้นี่”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำให้แกได้”
“ฉันไม่อยากลำบากพี่ไง ต้องดูแลแม่อีกไม่ใช่เหรอ” เธอว่าด้วยสีหน้าเกรงใจ พลางหลุบตามองช่อดอกไม้ตรงหน้า
นอกจากมองว่ามันสวยแล้วก็กลิ่นหอมดี เทียร์รดาก็ไม่ได้คิดไปไกลอะไร แม้ว่าคนให้จะทำแบบนี้กับเธอบ่อยๆ ก็ตาม
“ดูท่าแล้วประธานโชน่าจะชอบแกแน่ๆ เลยเทียร์ ให้เล่นทั้งหนังทั้งละคร นางเอกเบอร์หนึ่งของดีลาสจะเป็นใครไปได้นอกจากเทียร์รดา” ส้มจี๊ดทำเสียงเล็กเสียงน้อยแซวอีกฝ่าย ชวนให้คนหน้านิ่งเผยรอยยิ้มแล้วหลุดหัวเราะร่วนออกมาได้
“เดี๋ยวคนอื่นก็หมันไส้เอาหรอกพี่ส้ม”
“ฉันแค่อยากอวยยศแกนี่ แล้วก็พูดแต่เรื่องจริงทั้งนั้นอ่ะ”
"ก็มีแค่พี่ส้มนี่แหละที่ชอบตัวตนยัยเทียร์รดาอย่างฉันจริงๆ"
ส้มจี๊ดย่นปลายจมูกใส่ “แล้วสรุปแกคิดยังไงกับประธานโช ชอบมั้ยหรือว่าคุยๆ กันอยู่”
เทียร์รดารีบส่ายหน้า ก่อนนำช่อดอกไม้กลับไปวางไว้ที่เบาะหลังตามเดิม
“ฉันกับเขาเราคุยแค่เรื่องธุรกิจ ฉันแค่อยากเริ่มลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นเลยค่ะคุณผู้จัดการ ไม่ต้องห่วงนะคะ จะพยายามมีข่าวฉาวๆ แบบนี้ให้น้อยลงค่ะ”
“มีก็ไม่เห็นเป็นไร ฉันสบายมาก อีกอย่างแกทำตัวแบบนั้นที่ไหน คนเขาก็ชงมั่วไปหมดเพราะยอดเอนเกจมันดี เหอะ แย่ชะมัด”
“ไม่ได้สิ ถ้าเกิดมีกระแสลบขึ้นมา พี่ก็จะซวยเพราะฉันไปด้วย พี่เป็นคนช่วยชีวิตเด็กน้อยตาดำๆ ไว้นะ”
ผู้จัดการสาวเบะริมฝีปากทำท่าจะร้องไห้ เพราะนึกถึงเรื่องราวที่ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันในวงการบันเทิงทีไร บ่อน้ำตาก็ตื้นขึ้นมาง่ายๆ ทุกที
“แกต่างหากที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดถึงแกยังไง แต่ฉันนี่แหละรู้จักแกดีสุดๆ” ส้มจี๊ดพูดเสียงสั่นเครือ จากใจคนที่ชีวิตดิ่งลงศูนย์แล้วได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งก็เพราะเทียร์รดา
เทียร์รดาลอบถอนหายใจพร้อมเผยรอยยิ้มบาง เรื่องราวระหว่างเธอกับผู้จัดการเป็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะมาพบกัน
หญิงสาวที่ไม่เหลือญาติมิตรให้ขอความช่วยเหลือ เริ่มเดินทางออกตามหาความฝันอยากเป็นดาราในหน้าจอทีวี
พอรู้ว่าตัวเองอยากจะเป็นอะไร เทียร์รดาก็หางานโฆษณาที่กำลังรับแคสติ้งนักแสดง เริ่มจากงานเล็กงานน้อยจนมีเงินเก็บเป็นของตัวเอง
แต่เหมือนโชคชะตาจะส่งบททดสอบมาให้ เมื่อเธอถูกนายหน้าที่บอกว่าจะพาไปแสดงหนังโกงเงินไปจนหมด หนำซ้ำยังทิ้งให้เทียร์รดาในวัยเพียงสิบแปดปีนั่งรอเก้อในร้านอาหาร
นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กสาวที่ถูกหลอก กับอดีตผู้จัดการดาราตกอับหาเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่โคจรมาเจอกัน
ในช่วงสายของวันแต่กองถ่ายละครยังคึกครื้น มีเสียงเป่าปากโห่ร้องให้กำลังใจนักแสดงทุกท่าน ทำให้เทียร์รดาที่มีอาการอ่อนเพลียกลั้นใจถ่ายงานต่อให้เสร็จ เพราะอีกไม่กี่ฉากก็ใกล้จะปิดกองแล้ว
เธอก็แค่ไม่อยากทำตัวเป็นภาระ..
“คุณทับทิมใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ผมว่าค่อยๆ พูดกันดีกว่า เดี๋ยวผมให้น้องมันออกไปคุย” เสียงของผู้กำกับกำลังปรามใครสักคนดังแว่วมาให้เทียร์รดาได้ยิน
เธอที่กำลังยืนอ่านบทเตรียมเข้าฉากต่อไป เงยหน้ากวาดสายตามองไปทั่วกองถ่าย ก่อนจะพบเข้ากับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
หญิงสาวที่สวมชุดเดรสสีดำพร้อมแว่นตาดำเดินปรี่เข้ามาหาเทียร์รดา ยังไม่ทันจะได้พูดคุยกันสักประโยคเดียว เทียร์รดาก็ถูกตอกหน้าด้วยประโยคที่ทำให้คนทั้งกองหันมามองเป็นตาเดียว
“อีเมียน้อย”
เพียะ
สิ้นเสียงด่าทอว่าร้าย ใบหน้าของเทียร์รดาก็หันไปตามแรงตบจากฝ่ามือหญิงสาว โดยที่มีผู้กำกับคอยรั้งแขนผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ไม่ให้เข้าทำร้ายเทียร์รดามากกว่านี้
“เธอนี่เองที่เข้ามาอ่อยผัวชาวบ้านเขา เป็นไง รสชาติของเมียน้อยที่แอบกินผัวคนอื่น ดีมั้ย” หญิงสาวที่สวมแว่นดำแสยะยิ้มเหยียด ซ้ำคำพูดยังทำให้เทียร์รดาถึงกับงุนงงไปหมด
เทียร์รดาเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี ยกมือขึ้นลูบแก้มที่ชาวาบ ก่อนจะง้างมือฟาดใบหน้าอีกฝ่ายกลับเช่นกัน
“เทียร์” ส้มจี๊ดอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“นี่แก.. แกกล้าตบฉันเหรอ” คนที่ถูกตบจนเซไปด้านหลังหันมาตวาดแหวใส่สุดเสียง จนผู้จัดการส้มจี๊ดที่เข้ามาสมทบทีหลัง รีบเข้าไปห้ามเทียร์รดาเพราะรู้ดีว่าเธอไม่ยอมโดนเอาเปรียบฝ่ายเดียวแน่
“ฉันแค่ป้องกันตัวค่ะ ไม่สมควรมีใครโดนตบหน้าเพราะคนที่คุมอารมณ์ไม่ได้อย่างคุณ”
“แก”
“ขว้างก้อนหินด้วยฝ่ามือนั่น ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะโยนดอกไม้เหมือนในหนังสิคะ”
พูดจบเธอก็แสยะยิ้มมุมปาก ไม่ใช่เพราะยอมคนไม่เป็นหรือทำเพื่อความสะใจ หากแต่เธอไม่ใช่คนที่ใครหน้าไหนจะมาดูถูกได้แบบนี้
นี่แหละเทียร์รดาตัวจริง..