เซี่ยเจียวหงหันมายิ้มให้แม่สามีและลูกทั้งสองคน ไม่คิดว่าเข้าป่าล่าหมูป่ามาแค่สองตัวจะทำให้เธอมีเงินสร้างบ้าน
“เย้ ๆ ๆ เราจะมีบ้านใหม่แล้ว” สองแฝดกระโดดโลดเต้นดีใจ เพราะถ้าสร้างบ้านใหม่ เขาและน้องรวมถึงย่าจะไม่หนาวอีกแล้ว
“จริงหรืออาหง เรามีเงินพอสร้างบ้านจริง ๆ ใช่ไหม”
นางหลิงมู่น้ำตาซึมเดินเข้ามาหาลูกสะใภ้ด้วยความหวัง ตัวเธอเองเธอไม่ห่วงหรอก เพราะแก่แล้วจะตายเมื่อไรไม่รู้ ขอเพียง หลานทั้งสองสุขสบายก็พอ
“จริงสิคะแม่ นี่ไงฉันขายหมูได้ สองพันแปดร้อยสามสิบหยวน เงินนี้น่าจะพอสร้างบ้านได้แล้ว”
เซี่ยเจียวหงยิ้มกว้าง เธอไม่คิดว่าเงินก้อนแรกที่หาได้หลังจากที่มาที่นี่จะเยอะขนาดนี้
“ดีใจด้วยนะหลิงมู่ สะใภ้ซือเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ”
นางกวงจื่อดีใจไปกับเพื่อน ไม่คิดว่าเซี่ยเจียวหงหลังจากที่ขายหมูป่าได้ สิ่งแรกที่เธอต้องการคือสร้างบ้านใหม่ กวงฮ่าวจื่อและเผิงโล่อิ่งเช่นกัน ทั้งสามคนบ้านกวงไม่มีแววตาหรือท่าทางที่อิจฉา มีเพียงแค่ดีใจด้วยที่บ้านซือหมดเคราะห์หมดทุกข์เสียที แม้ว่าบ้านกวงฐานะจะไม่ต่างจากบ้านซือเท่าไร
แต่ไม่มีใครคิดว่าเซี่ยเจียวหงจะยื่นเงินมาให้นางกวง กวงฮ่าวจื่อ และเผิงโล่อิ่งคนละห้าสิบหยวน ทั้งสามคนตกใจแทบสิ้นสติและสงสัยว่าเซี่ยเจียวหงให้เงินพวกเขาทำไม
“สะใภ้ซือให้ป้าทำไม” นางกวงเอ่ยถาม แถมยังไม่ยอมรับเงิน อีกด้วย
“ข้อแรก ป้ากวงกับพี่ใหญ่และพี่สะใภ้กวง ช่วยฉันขายหมูป่า ข้อสองป้ากวงกับแม่สามีเป็นเพื่อนรักนับถือกันไม่ต่างจากพี่น้อง ข้อสามพี่ใหญ่กวงเป็นเพื่อนกับพี่เฉิงซานรักกันยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมา ข้อสี่ฉันอยากให้ จบนะ”
เซี่ยเจียวหงอธิบายให้ทุกคนฟัง สามข้อแรกบ้านกวงพอจะเข้าใจ แต่ข้อสุดท้ายนี่สิแทบจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“รับไปเถอะพี่กวง อาหงเต็มใจให้ อีกอย่างพี่ก็รู้ว่าบ้านเราขาย หมูป่าได้เท่าไร ที่ผ่านมาพี่และเจ้าใหญ่กวงให้บ้านซือมาเยอะแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางบ้านไม่ด้อยไปกว่ากัน”
นางหลิงมู่ไม่โกรธที่ลูกสะใภ้แบ่งเงินให้บ้านกวง แม้ว่าบ้านกวงจะทำเพียงช่วยลากมาและช่วยขาย แต่น้ำใจที่บ้านกวงมอบให้บ้านซือ มันมากกว่านี้นัก
“ขอบใจมากนะหลิงมู่ สะใภ้ซือ ขอบใจจริง ๆ”
นางกวงหลินเอ่ยทั้งน้ำตา นานแค่ไหนแล้วที่บ้านกวงไม่มีเงินมากขนาดนี้
“นั่นสิน้องสะใภ้ พี่เองก็ขอบใจมาก คราวนี้ถ้าเฉิงซานกลับมาคงดีใจที่เมียเปลี่ยนไปแล้ว”
“จริงสิพี่ใหญ่กวง พี่พอจะรู้แหล่งรับซื้อหมูป่าพวกนี้ไหม ฉันตั้งใจว่าอีกสองวันจะเข้าป่าอีก วันนี้ฉันเห็นหมูป่าอยู่กันเป็นฝูง แต่ไม่ไหวล่าได้แค่สองตัว ที่สำคัญหน่อไม้มีเต็มป่าเลย”
เซี่ยเจียวหงเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากพูดถึงสามีมากนัก
“มีสิ ร้านอาหารและภัตตาคารทั่วไปรับซื้อหมูป่าและสัตว์ป่าเยอะเลยล่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครล่าไปขายเพราะมันอันตราย สัตว์ใหญ่ส่วนมากจะอยู่ป่าชั้นกลางและป่าชั้นใน และยังมีหมีควายและเสือที่ดุร้ายทำให้พรานป่าและชาวบ้านไม่กล้าเข้าป่ากัน”
กวงฮ่าวจื่ออธิบายให้ฟัง เซี่ยเจียวหงจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ อีกทั้งตอนนี้กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่ายังเข้าไม่ถึงมากนัก เลยไม่มีกฎหมาย ห้ามล่าสัตว์ป่ามาขายหรือทำอาหาร หากเธอล่ากวางหรือหาอุ้งตีนหมี มาได้ คงทำเงินได้ไม่น้อย
“อืม ดีเลย พักสักสองวันพรุ่งนี้ฉันจะพาแม่และเด็ก ๆ ไปซื้อของในตำบล รอหายเหนื่อยก่อนค่อยเข้าป่าอีกครั้ง ว่าแต่พี่พอจะรู้จัก ช่างรับเหมาบ้างไหม”
“มีสิ เจ้านายพี่เก่าพี่เอง ฝีมือใช้ได้เลยล่ะ”
กวงฮ่าวจื่อรีบบอก ตอนนี้เขาเองก็ไม่มีงาน ถ้าผู้รับเหมาที่เขาเคยร่วมงานด้วยได้งานนี้เขาเองก็จะมีงานทำใกล้บ้าน
“ฉันรบกวนพี่ไปถามให้หน่อยได้ไหม ให้เขาเอาแบบบ้าน มาด้วยนะเอามาหลาย ๆ แบบ”
เซี่ยเจียวหงไม่อยากวาดแบบเอง เพราะแค่เธอสามารถเข้าป่า ล่าสัตว์ได้ทุกคนก็แตกตื่นแล้ว
“พรุ่งนี้พี่จะรีบจัดการให้น้องสะใภ้ไม่ต้องห่วง”
กวงฮ่าวจื่อรับปาก จากนั้นทั้งบ้านซือและบ้านกวงช่วยกันจัดเก็บของที่หน้าบ้านด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่แล้วความสุขของทุกคนต้องถูกขัดจังหวะเพราะการมาของบ้านเซี่ย
“มีความสุขกันเหลือเกินนะ มีเนื้อหมูป่ามากมายทำไมไม่คิดจะแบ่งเอาไปให้บ้าง แกช่างเป็นลูกที่เนรคุณจริง ๆ”
ซืออี้เจินและซืออี้ฝานรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังย่า เพราะกลัวคน ที่ได้ชื่อว่าเป็นตาของตนเอง เซี่ยเจียวหงได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นยืนและ ก้าวเดินมาด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันแต่งงานกับพี่เฉิงซาน ตัวฉันก็ต้องเป็นคนของบ้านซือ แล้วเกี่ยวอะไรกับบ้านเซี่ยด้วย”
“ฉันเป็นพ่อแก แกไม่คิดจะแบ่งปันหรืออย่างไร ทีก่อนหน้านี้ เข้าไปขอข้าวที่บ้านเซี่ยกินอยู่ตลอด ไม่สำนึกบุญคุณของบ้านเซี่ยบ้าง” เซี่ยโป๋ซวนชี้หน้าใส่ลูกสาว
“แล้วอย่างไรคะ กล้าคิดเนอะ การที่ฉันกลับไปกินข้าวบ้านเซี่ยเป็นบุญคุณมากเลยหรือ ในเมื่อทุกครั้งที่บ้านเซี่ยให้ข้าวให้น้ำฉันกิน ฉันเองต้องจ่ายเงินให้ทุกครั้ง แล้วแบบนี้จะเรียกบุญคุณได้อย่างไร น่าจะเรียกว่าการซื้อขายมากกว่า”
เซี่ยเจียวหงไม่คิดจะไว้หน้าเช่นกัน เรื่องที่เซี่ยเจียวหงคนก่อนกระทำใด ๆ ไว้ เธอไม่ขอรับรู้อีก แต่หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ ใครก็อย่าคิดจะหาประโยชน์กับเธออีกเลย ถ้าเธอไม่ยินยอม
“นังลูกชั่ว ฉันเป็นพ่อแกนะ แกกล้าประจานฉันได้อย่างไร”
เซี่ยโป๋ซวนโกรธจนตัวสั่น ไม่คิดว่านังลูกสาวตัวดีที่เคยโง่และเชื่อฟังจะกล้ายอกย้อน
“ฉันพูดหรือยังว่าเซี่ยเจียวหงไม่ใช่ลูกของคุณ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ฉันก็แต่งเข้าบ้านซือมาแล้ว ต่อให้ตายก็ต้องเป็นผีบ้านซือไม่ใช่บ้านเซี่ย ถ้าคุณอยากได้เนื้อหมูก็เอาเงินมาชั่งละห้าหยวน แต่ถ้าไม่ซื้อก็กลับ ไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับ อ้อ...ทางที่ดีให้คิดเสียว่าเซี่ยเจียวหงตายไปแล้ว จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก”
คราวนี้ไม่เพียงแต่เซี่ยโป๋ซวนและนางหานหยินที่ตกใจจนแทบล้มทั้งยืน แต่ยังมีนางหลิงมู่และทั้งสามคนบ้านกวงอีกด้วย ทุกคน ไม่คิดว่าเซี่ยเจียวหงในตอนนี้จะกล้าหักและตัดขาดกับบ้านเดิม
“หล่อนพูดให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ ฉันและพ่อของหล่อนมาเพื่อสอบถามและจะขอเนื้อสักเล็กน้อยกลับไปทำอาหารกินเท่านั้น หล่อนต้องพูดจารุนแรงแบบนี้ด้วยหรือ ไม่อายชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา หรืออย่างไร”
นางหานหยินช่วยกู้หน้าให้สามี ไม่คิดว่าลูกเลี้ยงจะกล้าหักหน้าตนและสามีเช่นนี้
“นี่ก็พูดดีที่สุดแล้วนะคุณแม่เลี้ยง หรือต้องให้พูดเรื่องที่ฉันกับ พี่เฉิงซานได้เสียกันเป็นเพราะพ่อและคุณแม่เลี้ยงวางแผนจับพี่เฉิงซาน เพื่อต้องการให้ลูกสาวที่น่ารังเกียจอย่างเจียวหงออกไปให้พ้นบ้านเซี่ย ในเมื่อเป็นฝ่ายผลักไสลูกสาวคนนี้ออกมา แล้วตอนนี้มาเรียกร้อง ความกตัญญูอะไรอีก
อย่าลืมนะว่าคุณแม่เลี้ยงที่แสนดีและพ่อบังเกิดเกล้าของฉันยังให้เซ็นเอกสารด้วยว่าต่อให้ฉันจะยากดีมีจนแค่ไหน จะต้องไม่กลับไปบ้านเซี่ยอีก การที่ฉันกลับไปขออาหารที่บ้านเซี่ยกิน ฉันเซี่ยเจียวหงต้องจ่ายเงินทุกครั้ง ครั้งละหนึ่งถึงสองหยวนเป็นอย่างต่ำ จนเงินที่พี่เฉิงซานส่งมาให้ลูก ๆ แทบจะหมดไปกับบ้านเซี่ย”
เมื่อเซี่ยเจียวหงพูดจบ ชาวบ้านที่หยุดยืนฟังต่างก็มองไปทางบ้านเซี่ยอย่างรังเกียจ ทุกคนเพิ่งรู้ว่าเรื่องระหว่างเซี่ยเจียวหงกับ ซือเฉิงซานเกิดขึ้นเพราะพ่อกับแม่เลี้ยงวางแผนเพื่อจะขับไล่ลูกสาวตัวเอง ไม่ใช่เพราะแผนการของเซี่ยเจียวหง
หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเซี่ยเจียวหงจึงทำตัวน่ารังเกียจแบบนั้น คงเพราะเจอความกดดันจากทางบ้าน หรือไม่ก็แม่เลี้ยงตัวเอง