เซี่ยโป๋ซวนและนางหานหยินไม่กล้าสู้หน้าชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเซี่ยเจียวหงพูดคือเรื่องจริง เมื่อไม่กล้าสู้หน้าใครทั้งสองจึงรีบเผ่นกลับบ้านเซี่ยทันที
ทางด้านนางหลิงมู่เมื่อได้รู้ความจริงจึงมองลูกสะใภ้ดีขึ้นกับอดีตที่เคยกระทำกับเฉิงซานลูกชายของเธอ จากนั้นทุกคนบ้านซือและบ้านเซี่ยจึงนั่งทำงานและแบ่งเนื้อหมูกันต่อ เพื่อนำกลับไปทำอาหารเย็น
เย็นวันนี้เซี่ยเจียวหงจึงทำซุปปลา ไข่ตุ๋น และหมูตุ๋นพะโล้ให้ ทุกคนได้ชิม ส่วนเนื้อหมูที่เหลือเธอนำมาหมักทิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยทำพรุ่งนี้
“อร่อยไหมอาฝาน เจินเจิน”
เซี่ยเจียวหงหันมาถามลูกน้อยทั้งสองคนที่กินกันจนแก้มตุ่ย ก่อนจะหันไปถามแม่สามีด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“อร่อยไหมทุกคน”
“อร่อยครับ / อร่อยค่ะ”
“อร่อยมากเลยอาหง ขอบใจมากนะ”
“แม่อย่าคิดมาก ในเมื่อฉันเป็นสะใภ้บ้านซือ แม่เป็นแม่สามี ซึ่งไม่ต่างจากแม่แท้ ๆ ของฉัน และฉันเองก็ไม่มีแม่ ส่วนทางบ้านเดิม มีก็เหมือนไม่มี ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะกตัญญูต่อแม่และจะดูแลทุกคนให้อยู่อย่างสบายเอง
จริงสิ พรุ่งนี้เราเข้าตำบลกันดีกว่าจะได้ซื้อของเข้าบ้านด้วย อีกทั้งเสื้อผ้าของทุกคนก็บางและไม่มีที่จะปะแล้ว ซื้อชุดใหม่คนละ สามชุดเถอะนะ”
เซี่ยเจียวหงบอกแม่สามีเรื่องที่จะพาเข้าไปซื้อของที่ตำบลพรุ่งนี้ เธอจะได้ดูลู่ทางด้วยว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะให้เข้าป่าล่าสัตว์ตลอดคงไม่ใช่ เพราะถ้าเกิดวันไหนสามีพาผู้หญิงคนใหม่กลับมา เธอคิดว่าคงต้องย้ายไปจากบ้านหลังนี้
ส่วนเรื่องลูกทั้งสองคนเธอยังคิดที่จะพาไปด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของอาฝานและเจินเจินว่าต้องการจะไปอยู่กับเธอไหม
“ของแม่ไม่ต้องหรอกอาหง ซื้อให้อาฝานและเจินเจินเถอะ เสื้อผ้าแม่ยังใส่ได้ เดี๋ยวก็ต้องสร้างบ้านอีก อย่าสิ้นเปลืองเลย”
นางหลิงมู่เอ่ยกับลูกสะใภ้ เธอไม่ค่อยได้ออกจากหมู่บ้านมากนัก จึงคิดว่าไม่จำเป็นเรื่องที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่
“แม่รู้ว่าวันนี้เราขายเนื้อหมูได้เท่าไร ต่อให้สร้างบ้านอีก พันหยวนเงินเก็บเราก็ยังเหลือ แค่ซื้อเสื้อผ้าไม่กี่หยวนคงไม่เป็นอะไรหรอก” เซี่ยเจียวหงยังคงคะยั้นคะยอแม่สามี
“มันแพงนะอาหง เสื้อผ้าผู้ใหญ่ชุดหนึ่งก็สิบกว่าหยวนไปแล้ว”
นางหลิงมู่ยังคงค้านหัวชนฝา แม้ว่าลูกสะใภ้มีเงินมากมาย เธอก็ไม่อยากให้ใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง
“แม่คะ แม่ฟังฉันนะ หลังจากที่กลับมาจากตำบล ฉันตั้งใจว่าจะเข้าป่าอีกครั้ง และนำมาขายให้กับภัตตาคารที่รับซื้อของป่าอย่างที่ พี่ใหญ่กวงบอก แม้ว่าจะได้น้อยกว่าที่เราขายชาวบ้าน แต่ก็ยังดีกว่าที่จะอยู่เฉย
อีกทั้งร่างกานยฉันอ้วนขนาดนี้ฉันเองก็อยากผอมเหมือน หญิงสาวทั่วไป การเข้าป่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง และฉันตั้งใจว่าจะขึ้นเขาตัดไม้มาทำรถเข็นเผื่อว่าจะทำอาหารขายได้ในแต่ละวัน และวัตถุดิบฉันก็จะเอามาจากป่านั่นแหละ วันนี้หาอะไรได้ก็ค่อยคิดหาเมนู ว่าจะขายอะไร แม่ว่าดีไหม”
เซี่ยเจียวหงมองว่าการขายอาหารริมทางเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะ ทำให้มีรายได้ วันไหนเข้าป่าก็หยุดขาย และวันไหนหาอะไรได้ค่อยมาคิดเมนูว่าจะขายอะไร เก็บเงินได้สักก้อน หลังจากสร้างบ้านเสร็จค่อยดูทำเลในตำบลเพื่อเปิดร้านถาวร นางหลิงมู่เมื่อขัดไม่ได้จึงพยักหน้ารับ
หลังจากที่มื้อเย็นผ่านพ้นไปเซี่ยเจียวหงจึงเก็บอาหารเข้าครัวและเก็บถ้วยชามไปล้าง แต่กลับมีสองแฝดอาสาจะช่วยด้วย
“ผมกับน้องช่วยนะครับแม่”
“ไม่เป็นไร อาฝานไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนดีกว่า อากาศ เริ่มเย็นแล้ว แม่ทำเอง แต่ถ้าวันไหนอากาศไม่เย็นอาฝานกับเจินเจิน ค่อยมาช่วยแม่ดีไหม”
เซี่ยเจียวหงบอกลูกน้อยทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูก ทั้งสองคนพยักหน้ารับจึงก้มหน้าล้างถ้วยชามต่อ จากนั้นจึงไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
วันต่อมาเซี่ยเจียวหงตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง หลังจากที่ชำระร่างกายแล้วจึงรีบเข้าครัวเพื่อมาเตรียมอาหารให้ทุกคน เพราะว่าวันนี้เธอจะพาแม่สามีและลูกทั้งสองเข้าตำบลเพื่อจับจ่ายซื้อของเข้าบ้านและ ซื้อเสื้อผ้าใหม่
นางหลิงมู่ตื่นขึ้นมาเพื่อจะเข้าครัวเช่นกัน แต่พอมาถึงกลับเจอลูกสะใภ้ยืนทำอาหารอยู่ก่อนแล้ว ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอคิดถึงลูกชายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ขาดการติดต่อไป
“เฉิงซาน แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก แต่ถ้าลูกรับรู้ได้ ขอให้ลูกรีบกลับมาบ้านเถอะนะ ตอนนี้อาหงได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ลูกกลับมาช่วยกันทำมาหากินที่บ้านดีกว่า ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าเสียที อาฝานและเจินเจินก็โตขึ้นทุกวันแถมจำหน้าพ่อไม่ได้เสียด้วย แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน”
ยิ่งพูดยิ่งน้ำตาไหลเพราะคิดถึงลูกชายจับใจ หากต้องแลกกับเงินที่ลูกชายหามากับให้ลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัย เธอขอเลือกอยู่อย่างลำบากเช่นเดิม แต่ขอให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า
เซี่ยเจียวหงมีความรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลังจึงหันกลับ ไปมอง ภาพที่เห็นกลับเป็นแม่สามีที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ เธอจึงวางมือแล้วรีบเดินเข้ามาปลอบโยน
“แม่กำลังเป็นห่วงพี่เฉิงซานใช่ไหม”
“อืม แม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเฉิงซาน” นางหลิงมู่กล่าวอย่าง ไม่ปิดบัง
“รอดูอีกสักหน่อย หากพี่เฉิงซานยังไม่ติดต่อกลับมา ฉันจะลองไปสืบหาดูว่าพี่เฉิงซานไปทำงานที่ไหน แล้วฉันจะเดินทางไปตามหา ด้วยตัวเอง แต่ถ้าพี่เฉิงซานมีคนรักใหม่หรือครอบครัวใหม่ แม่ไม่โกรธฉันใช่ไหมที่ฉันจะหย่ากับพี่เฉิงซาน”
เซี่ยเจียวหงลองเชิงแม่สามีอีกครั้ง เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“ถ้าเฉิงซานไม่รักดีก็ปล่อยเขาไป แม่ไม่ต้องการลูกชั่วแบบนั้นอีก แต่แม่พูดอย่างไม่อายปาก อาหงอย่าไล่แม่ไปอยู่ที่อื่นเลยนะ แม่ห่างจากหลานทั้งสองคนไม่ได้จริง ๆ”
ในเมื่อถ้าลูกชายคิดชั่วทอดทิ้งลูกเมียให้อยู่บ้านโดยที่ตัวเอง มีครอบครัวใหม่ ต่อให้เธอรักลูกชายมากแค่ ไหน เธอก็พร้อมจะตัดขาดเช่นกัน เธอไม่เคยสอนให้ลูกทำชั่วหรือว่ามีหลายเมีย
“ฉันไม่ทิ้งแม่ไปไหนหรอกค่ะ อาฝานและเจินเจินรักย่าของ พวกเขามาก ถ้าแม่คิดจะอยู่กับฉันและสองแฝดฉันก็ยินดีที่จะดูแลแม่เหมือนแม่แท้ ๆ ตลอดไป”
เซี่ยเจียวหงให้คำมั่นสัญญา ถ้าแม่สามีตัดสินใจที่จะอยู่กับเธอถ้าพี่เฉิงซานมีครอบครัวใหม่จริง ๆ เธอก็พร้อมจะดูแลทุกคนด้วยตัวเอง
นางหลิงมู่ซบหน้ากับฝ่ามือตัวเองร้องไห้อย่างไม่อาย ไม่คิดว่าลูกสะใภ้ที่เธอไม่ค่อยชอบจะรับปากว่าจะเลี้ยงดูตัวเอง หากลูกชายตัวดี ทำผิดต่อลูกและภรรยา แต่เธอก็ยังหวังว่าเฉิงซานจะไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกสะใภ้สงสัย
เมื่อเห็นว่าแม่สามีสงบลงแล้วเซี่ยเจียวหงจึงกลับมาทำอาหารเช้าต่อและไหว้วานให้แม่สามีไปปลุกสองแฝดเพื่ออาบน้ำแต่งตัวจะได้มากินอาหารเช้ากันก่อนที่จะเข้าตำบล
เซี่ยเจียวหงล็อกประตูหน้าบ้านเรียบร้อยก่อนจะเดินมาหาแม่สามีและลูกทั้งสองคนที่รออยู่ จากนั้นทั้งสี่คนจึงเดินไปรอเกวียนประจำหมู่บ้านเพื่อเข้าตำบล แต่พอมาถึงกลับเจอกวงฮ่าวจื่อยืนรอเกวียนอยู่เช่นกัน
“อาจื่อจะไปไหนหรือ” นางหลิงมู่ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“จะเข้าไปซื้อของครับป้าซือ และจะเข้าไปหาผู้รับเหมาให้กับน้องสะใภ้ด้วย แล้วนี่จะไปตำบลกันหรือครับ”
กวงฮ่าวจื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เมื่อวานครอบครัวเขาได้เงินจากเซี่ยเจียวหงรวมกันแล้วตั้งร้อยห้าสิบหยวน วันนี้ในเมื่อต้องเข้ามาหาผู้รับเหมาให้น้องสะใภ้ เขาเลยตั้งใจจะไปซื้อของเข้าบ้านด้วย เมื่อวานตอนเย็นเป็นมื้ออาหารที่ทำให้พวกเขาแทบหลั่งน้ำตา เพราะไม่ได้กินของดี ๆ แบบนี้นานแล้ว ส่วนภรรยาของเขาก็ดีใจที่ได้กินของบำรุงเช่นกัน