เซี่ยเจียวหงไม่รอช้า จึงมองหาต้นไม้ใหญ่ที่พอจะปีนขึ้นได้ ถ้าให้ปีนต้นเล็กเธอเชื่อว่าต้นไม้กิ่งคนจะหักก่อนที่เธอจะได้หมูป่า กลับบ้าน แต่เพราะรูปร่างไม่เอื้ออำนวยการปีนขึ้นต้นไม้ครั้งนี้ทุลักทุเลพอสมควร
พอขึ้นมาถึงเธอจึงเห็นหมูป่าเพียงสองตัวเท่านั้น หญิงสาว จึงไม่ลังเลหยิบธนูออกมาก่อนจะเล็งไปที่หมูป่าตัวที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว และต่อด้วยตัวที่สอง เธอเองก็ไม่คิดว่าร่างที่อ้วนจนน่ารำคาญจะสามารถยิงหมูป่าตายได้เพียงธนูดอกเดียว
“เป็นไปได้เหรอที่ร่างนี้จะแข็งแรงถึงขั้นยิงหมูป่าตายได้ด้วย ธนูดอกเดียว หรือว่าเป็นเพราะฉันเข้ามาอยู่ร่างนี้ พละกำลังจึงมีมากกว่าคนทั่วไป แต่การที่จะปีนลงนี่สิโคตรหนักใจเลยเจียวหง”
เมื่อคิดว่าต้องปีนลงเซี่ยเจียวหงเลยถอนหายใจขึ้นมา แต่ยังดีว่าตอนลงไม่ลำบากเท่าตอนปีนขึ้น เมื่อเท้าแตะถึงพื้นเธอจึงรีบวิ่งไปด้วยร่างที่อ้วนท้วนเพื่อไปหาหมูป่าที่ฆ่าได้ทั้งสองตัว
“แล้วจะเอากลับอย่างไรละเนี่ย”
ทำไมมีแต่เรื่องยากละเนี่ย หมูป่าสองตัว มันกับหน่อไม้อีก สามกระสอบ ยังมีปลาอีกเป็นสิบตัว
เซี่ยเจียวหงจึงลองใช้มือยกขาหมูป่าข้างหนึ่งเพื่อจะลากมาที่เธอวางหน่อไม้ไว้ แต่กลับกลายเป็นเธอยกมันอย่างง่ายดาย คราวนี้เธอเข้าใจแล้วว่าพละกำลังที่เธอมีอาจจะเป็นเพราะเธอทะลุมิติเข้ามา
หญิงสาวจึงหาเถาวัลย์เพื่อมัดขาของหมูป่าไว้ ก่อนจะลากมาด้วยท่าทางปกติเพื่อนำมารวมกับหน่อไม้และมันป่าที่เธอหาไว้ก่อนหน้านี้
จากนั้นเธอไปหาไม้เอามาทำแคร่ไว้ลากเอาหมูป่าและกระสอบหน่อไม้และมันทั้งสามกระสอบลงจากเขา เธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเสร็จ ดังนั้นจึงใช้เถาวัลย์มาผูกกับเอวไว้ก่อนจะทำการลากออกมาจาก ป่าชั้นกลาง
ในใจนั้นคิดว่าเธอคงต้องเข้าป่าบ่อย ๆ เสียแล้ว หมูป่าตัวใหญ่ ทั้งสองตัวหากไปหาแผงแล่เนื้อขายคงได้เงินมากพอที่จะสร้างบ้านที่ เธอต้องการได้ หมูป่าหนึ่งตัวก็น่าจะร้อยกว่ากิโลแล้ว โดยที่เธอเองก็รู้ ว่าสมัยนี้ขายเนื้อนับหน่วยวัดเป็นชั่ง ซึ่งหนึ่งชั่งจะอยู่ที่ห้าร้อยกรัม ถึงหกร้อยกรัมเท่านั้น เธอจึงเดินลงจากเขากลับบ้านด้วยรอยยิ้ม
กลับมาที่นางหลิงมู่และสองแฝด ทั้งสามคนเดินมาที่ร้านค้า ด้วยรอยยิ้ม เมื่อมาถึงจึงสั่งข้าวสารห้าชั่ง ไข่ไก่สิบฟอง และลูกอมให้หลานทั้งสองหนึ่งห่อ และยังมีพวกเครื่องปรุงอีกหลายอย่าง
“หล่อนไปรวยอะไรมาถึงได้สั่งของมากมายขนาดนี้”
นางหม่าซื่อเป็นคนอัธยาศัยดี บางครั้งที่สามคนย่าหลานมาซื้อของเธอยังให้แถมไปบ้าง เพราะรู้ดีว่าซือเฉิงซานไปทำงานต่างเมืองยัง ไม่กลับมา ส่วนลูกสะใภ้ ไม่ต้องพูดถึง ยิ่งคิดก็ช้ำใจแทบ แต่พอได้ยินคำตอบของนางหลิงมู่ นางหม่าซื่อแทบหงายหลัง
“อาหงให้เงินมาซื้อ เธอบอกว่าให้ซื้ออาหารให้พอหนึ่งอาทิตย์ และลูกอมให้เด็ก ๆ”
นางหลิงมู่ยิ้มแย้มตอบกลับไป พร้อมกับยื่นเงินให้ประมาณ สิบหยวน นี่คงเป็นเงินที่เธอถือเยอะที่สุดหลังจากที่ลูกชายจากไปทำงาน
“ดีแล้วที่เจียวหงคิดได้ สงสารสองแฝด”
พูดจบก็ปรายตามองสองแฝดที่กำลังแกะลูกอมให้กันอย่างมีความสุข
เมื่อได้ของครบแล้วนางหลิงมู่เลยพาหลานทั้งสองคนกลับมาที่บ้าน พอไม่เจอลูกสะใภ้จึงคิดว่าเซี่ยเจียวหงคงเข้าป่าไปอย่างที่พูด เธอจึงเอาข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บไว้ในครัวด้วยหัวใจที่อิ่มเอม
ตลอดทางเซี่ยเจียวหงหยุดพักเป็นว่าเล่น แม้ว่าจะไม่หนักมาก จนเดินไม่ไหวแต่เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยนี่แหละ เมื่อมาถึง ป่าชั้นนอกก็พบชาวบ้านมากมายที่มาหาของป่า รวมถึงนางกวงหลินและลูกชายที่เพิ่งจะไปเก็บกับดักเสร็จแต่สองแม่ลูกกลับไม่ได้อะไรมาเลยนอกจากผักป่าไม่กี่ชนิด
“กลับกันดีกว่าแม่ น่าจะไม่มีอะไรให้พวกเราแล้วล่ะ หิมะก็เพิ่งหยุดได้ไม่นานสัตว์ป่าน่าจะยัง...”
กวงฮ่าวจื่อยังพูดไม่ทันจบก็ต้องอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น
“อะไรอาจื่อ อยู่ ๆ ก็หยุดพูดขึ้นมา”
นางกวงหลินเงยหน้าขึ้นมาถามลูกชาย แต่พอเห็นภาพที่ เซี่ยเจียวหงลากสิ่งของมาเธอกลับอ้าปากค้างไปอีกคนรวมถึงชาวบ้าน คนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
“เจียวหง!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เซี่ยเจียวหงจึงเงยหน้ามอง ก่อนจะกวักมือเรียกนางกวงหลินและลูกชายเข้ามาหา
ตอนนี้เธอต้องแกล้งทำเป็นหมดแรง ไม่เช่นนั้นทุกคนจะคิดว่าเธอเป็นปีศาจนะสิ เพราะไม่มีใครที่สามารถลากหมูป่าตัวใหญ่สองตัวและกระสอบหน่อไม้กับกระสอบมันป่าสามกระสอบได้อย่างง่ายดายแบบนี้แน่ อีกทั้งขาเธอก็ล้าแล้วเช่นกัน
“ป้ากวง พี่ใหญ่กวง มาช่วยหน่อย ขาฉันไม่มีแรงแล้ว”
นางกวงหลินวางมือจากวิ่งของตรงหน้าพร้อมลูกชายแล้วรีบวิ่งไปช่วยเซี่ยเจียวหงทันที
“สะใภ้ซือ อย่าบอกนะว่าเธอจับหมูป่ามาเอง” นางกวงหลิน เอ่ยถามอย่างตกใจและอยากรู้
“ใช่แล้วป้า แต่ตอนนี้หมดแรง พวกเรากลับบ้านก่อนเถอะ พี่ใหญ่กวงด้วย ด้านหลังมีทั้งหมูป่า หน่อไม้ มันป่า และปลาอีกเป็น สิบตัว ไม่ต้องหาผักป่าแล้ว เพิ่งหมดหน้าหนาวสัตว์ต่าง ๆ ยังไม่ออกมา ไปแบ่งอาหารที่บ้านซือเถอะ”
เซี่ยเจียวหงแกล้งทำเป็นเหนื่อยหอบ แต่มือหนึ่งก็ช่วยทั้งสองคนลากไปด้วยเพราะจะได้เบาแรงของสองแม่ลูกบ้านกวง
“เจียวหงหมูป่าพวกนี้แบ่งให้พวกเราบ้างสิ”
ชาวบ้านหน้าไม่อายคนหนึ่งรีบเอ่ยถาม เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเจียวหงให้สองแม่ลูกบ้านกวงไปแบ่งอาหารที่บ้านซือ
“อย่าเยอะป้า ที่ฉันบอกบ้านกวงเพราะป้ากวงเป็นเพื่อนกับ แม่สามี และพี่ใหญ่กวงก็เป็นเพื่อนกับสามีฉัน อีกทั้งพี่สะใภ้กวงก็กำลังท้องใกล้คลอด ฉันคิดว่าควรจะกินน้ำแกงปลาหรือขาหมูตุ๋นจะดีกว่า และที่สำคัญบ้านกวงก็อยู่ติดกับบ้านซือคอยดูแลลูกและแม่สามีฉันตอนที่ พี่เฉิงซานไปทำงาน แล้วป้าล่ะมีความดีอะไรที่ฉันต้องแบ่งให้”
เซี่ยเจียวหงย้อนกลับอย่างเจ็บแสบ ใครดีมาเธอพร้อมจะดีกลับ แต่เมื่อไรที่ใครเห็นแก่ตัวกับครอบครัวเธอ เธอพร้อมที่จะโต้กลับ อย่างเจ็บแสบเช่นกัน
สองแม่ลูกบ้านกวงได้ยินที่เซี่ยเจียงหงพูดกับชาวบ้าน ทั้งสองคนรู้สึกขอบคุณในใจ ไม่คิดว่าเธอจะแบ่งอาหารอันมีค่าอย่างเช่นเนื้อหมูป่าให้บ้านกวง
“แล้วหล่อนพอจะแบ่งขายได้ไหม”
ชาวบ้านอีกคนที่อยากจะกินหมูป่าเหมือนกันจึงเอ่ยถาม
เซี่ยเจียวหงไม่รู้ว่าหมูป่าพวกนี้ขายราคาอย่างไร จึงหันไปขอความช่วยเหลือนางกวงหลินและกวงฮ่าวจื่อ
“ถ้าน้องสะใภ้จะขายก็ได้นะชั่งละห้าหยวน แต่ถ้าไปซื้อในตลาดตำบล ของป่าพวกนี้ราคาน่าจะสูงกว่าเนื้อหมูธรรมดาที่วางขายทั่วไป”
กวงฮ่าวจื่อเป็นคนตอบแทน เขาคิดว่าราคาห้าหยวนเป็นราคาที่ชาวบ้านทั่วไปที่หาหมูป่ามาได้ซื้อขายกัน แต่ถ้านำไปขายร้านอาหารในตำบลจะอยู่ที่สี่หยวนต่อชั่ง เพราะขายเหมายกตัว
เซี่ยเจียวหงจึงพยักหน้ารับ ชั่งละห้าหยวนคงทำให้บ้านเธอมีเงินขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับชาวบ้านและกวงฮ่าวจื่อ
“ถ้าใครอยากจะซื้อให้ไปที่บ้านซือแล้วฉันจะแบ่งขายให้ ว่าแต่ พี่ใหญ่กวงพอจะรู้จักใครที่แล่หมูบ้าง ฉันจะให้เขามาช่วยแล่ให้หน่อย ฉันจะแบ่งเนื้อให้เป็นค่าแรง”
“พอจะมีอยู่ เดี๋ยวกลับถึงบ้านพี่จะไปตามให้ และขอบใจมากนะน้องสะใภ้ที่นึกถึงบ้านกวง”
กวงฮ่าวจื่อพอจะรู้จักคนแล่เนื้อ จึงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เขายินดีที่จะไปตามให้ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“อย่าคิดมากเลยพี่ รีบกลับบ้านก่อนดีกว่า ป่านนี้แม่สามีกับ ลูกฉันคงรอแย่แล้ว”
จากนั้นทั้งสามคนเอาข้าวของไปกองไว้ที่ด้านหลังและช่วยกันลากหมูป่าและของทั้งหมดกลับบ้านซือ