บทที่ 4 ซื้อของจัดมิติ

2744 Words
บทที่ 4 ซื้อของจัดมิติ เช้าวันใหม่ เวลาแปดโมงเช้า… เป็นเพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้ฝันถึงอดีต จึงทำให้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ฉันอาบน้ำทำธุระส่วนเสร็จแล้วก็ออกมาสำรวจทรัพย์สินที่เป็นเงินสดของตัวเอง “21 ล้านหยวน” ฉันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตาก็ยังจ้องจำนวนเงินในธนาคารผ่านไอแพด นี่ยังไม่รวมเงินที่ได้จากบริษัทสกินแคร์ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ และไม่รวมเงินของสวนผลไม้อีกนะ และช่วงเวลาที่ฉันกำลังคิดและจดรายละเอียดอยู่นั้น ฉันก็ต้องละสายตาหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงทักทาย “สวัสดีครับคุณซู” “พี่หวัง” ฉันเอ่ยทัก “ผมเอาผลไม้และผักมาให้คุณซูตามที่สั่งครับ” “ได้ครบไหมคะ” ฉันถามแล้วยิ้มให้พี่ชายคนนี้ ด้วยความที่โตมาด้วยกันจึงทำให้ฉันค่อนข้างจะสนิทกับครอบครัวป้าหวังมาก “ครบครับ ผลไม้จากไทยที่ลองนำมาปลูกก็ได้ครบตามที่สั่งครับ” “ขอบคุณมากนะคะ” ฉันบอกพร้อมช่วยชายหนุ่มขนของไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินที่มีอุณหภูมิสำหรับแช่ผลไม้… ที่บริษัทสกินแคร์… “นี่เธอสั่งของพวกนี้ไปทำอะไรมากมายจ๊ะซูมี่” เพื่อนทั้งสามต่างพากันเอ่ยถามพร้อมกัน เมื่อเห็นรายละเอียดที่หลินซูมี่เขียนในกระดาษ ซึ่งมันเยอะมาก มีสบู่ 4 กลิ่น กลิ่นน้ำนมข้าว กุหลาบ มะขาม และมิ้นต์ อย่างละ 10,000 ก้อน ไหนจะครีม ลิปสติก น้ำหอม เครื่องสำอางต่างๆ อย่างละ 500 ชุดอีก “ฉันจะส่งไปให้เพื่อนขายนะ” ฉันหลบสายตาสงสัยของเพื่อนๆ ซึ่งเหมือนพวกหล่อนจะรู้ว่าฉันจะย้ายไปอยู่ในยุคสมัยเก่าๆ เพราะฉันเล่นสั่งของที่เข้ากับยุคสมัยเก่าดึกดำบรรพ์มาก “แล้วเคมีภัณฑ์ที่เอาไว้ผลิตสินค้านี่ด้วยเหรอ นี่เธอไปเที่ยวจริงหรือเปล่า” นับดาวยังไม่หายสงสัยจึงถามเพื่อน “อ้อ เผื่อฉันอยากจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับบริษัทเพื่อนไง” ฉันบอกเพื่อนทุกคนที่ยืนจ้องหน้าฉัน “โอเค เดี๋ยวพวกฉันจะให้เด็กขนไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน ส่วนค่าใช้จ่ายก็หักจากส่วนแบ่งจากบริษัทที่เธอได้ทั้งหมด 7 ล้านหยวนก็แล้วกันนะ” เป็นเย่วซินเองที่พูดตัดปัญหา “ยังไง ฉันฝากด้วยนะ อยากได้ของเร็วๆ ตอนเย็นยิ่งดี” ฉันบอกเพื่อน “เดี๋ยวจัดการสั่งของให้เลย ตอนเที่ยงคงรู้ และพรุ่งนี้คิดว่าได้รับ แล้วพวกเราจะส่งให้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ซีอินบอกฉัน “ขอบใจพวกเธอมากนะ ฉันไม่กวนละ นี่ยังมีธุระต้องทำอีก ฉันไปก่อนนะ” ฉันบอกพร้อมอ้าแขนกอดลาเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจของฉันกลับมีแต่ความเศร้าหมอง ฉันกับเพื่อนทั้งสามรู้จักกันไม่ถึง 10 ปี ก็ตาม แต่เพื่อนทั้งสามก็คือคนที่อยู่กับฉันตั้งแต่เรียนมหาลัยและช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตของฉันคือตอนที่คุณยายเสีย เพื่อนทั้งสามก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอเสียใจอยู่คนเดียว มาช่วยงาน มาช่วยปลอบใจ และอยู่เป็นเพื่อนฉันเสมอมา ซึ่งเพื่อนทั้งสามพากันหัวเราะ เพราะไม่คิดว่านี่เป็นกอดสุดท้าย และครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกันอีก… เวลาเที่ยงครึ่ง… พอแยกจากเพื่อนแล้วฉันก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้ต่างๆ ฉันเลือกที่จะสั่งของในห้างก่อนแล้วค่อยไปร้านขายส่ง และหาซื้อพวกเนื้อสดที่ตลาดในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า แล้วจะเติมของที่ต้องการใส่ในมิติให้เต็ม ก่อนอื่นฉันต้องติดต่อพนักงานขายมารับออเดอร์ของกับฉันโดยเฉพาะ เพราะฉันสั่งเยอะมากและจำเป็นต้องให้ทางห้างจัดส่งให้ถึงบ้าน ฉันจัดการซื้อพวกอาหารแช่แข็งจำพวกเกี๊ยวดิบ ซาลาเปาแช่แข็งไปอย่างล่ะ 500 แพ็ก จากนั้นก็สั่งเครื่องปรุงทุกอย่างไปอย่างละ 50 ลัง ส่วนน้ำตาลทรายแดง เกลือ น้ำตาลทรายขาวฉันสั่งไป อย่างละ 100 กิโลกรัม ผลไม้กระป๋องอย่างละ 100 กระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกอย่างละ 50 ลัง ฉันไปที่แผนกเครื่องครัวเลือกสั่งมีดอย่างดี กระทะ ตะหลิว หม้อ ถ้วยจาน ชามแบบโบราณ อย่างละ 50 ชุด เพราะศึกษามาแล้วว่าในยุคนั้นคือแพงมากและต้องใช้คูปองอุตสาหกรรมซื้อ จากนั้นก็ไปยังแผนกเครื่องดื่ม สั่งไวน์ชนิดต่างๆ อย่างละ 100 ขวด สั่งชา กาแฟ นมผง นมกล่อง นมสำหรับเด็กสูตรต่างๆ อีก 100 กล่อง ของใช้สำหรับเด็ก และของเล่นเด็กอีกจำนวนหนึ่ง และซื้อผ้าอนามัยแบบที่ตัวเองใช้อีก 200 แพ็ก ของใช้จำเป็นเยอะแยะมากมายอีก และยังซื้อน้ำยาล้างจาน ผงซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มอีกจำนวนหนึ่ง เพราะของพวกนี้ฉันเอาไปใช้เอง ไม่ได้จะแบ่งขาย จากนั้นก็ตรงไปยังโซนเครื่องนอน สั่งที่นอน ฟูก หมอน อย่างละ 10 ชุด และสั่งผ้าห่มนาโนผืนบางแต่ให้ความอบอุ่น 500 ผืน ผ้าห่มหนาอย่างดี 300 ผืน ชุดเครื่องนอนอย่างดี 100 ชุด โดยเลือกเป็นสีพื้นๆ เท่านั้น แล้วตอนนี้ฉันก็เริ่มกังวลแล้วว่าของที่เธอสั่งจะใส่ได้สำหรับพื้นที่นั้นมั้ย พอคิดว่าตอนนี้เธอน่าจะพอก่อนจึงตัดใจไปชำระเงิน แล้วแจ้งที่อยู่ให้ทางพนักงานห้างทราบเพื่อจะไปส่งของที่บ้าน พอจัดการของที่ห้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขับรถตรงไปยังร้านเสื้อผ้าและร้านขายผ้า และก็ซื้อผ้าไหมอย่างดี 100 พับ ผ้าหยาบสำหรับทำงาน 100 พับ ผ้าแบบต่างๆ สีละ 50 พับ เผื่อจะเอาไปตัดชุดให้สามีและลูกๆ มีเผื่อขายด้วย นี่มันเงินทั้งนั้น แล้วฉันยังเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่คิดว่าน่าจะเข้ากับยุคนั้นไปด้วย รวมถึงผ้าพันคอ ถุงเท้า รองเท้า เสื้อกันหนาว สำหรับผู้ใหญ่และเด็กไปด้วยอีกหลายชุด รวมถึงไหมพรม ที่ถักไหมพรม อุปกรณ์เย็บตัดชุด และจักรเย็บผ้าหัวดำอีก 10 เครื่อง ดีที่รถเป็นรถ SUV สามารถนำของใส่ได้เลยไม่ต้องให้ทางร้านไปส่ง ส่วนจักรเย็บผ้าก็เป็นแบบหัว ฉันไม่ได้ซื้อมาทั้งโต๊ะ เลยทำให้วางในรถได้. พอขับรถออกมาจากร้าน แล้วมาถึงถนนที่คนไม่เดินพลุกพล่านฉันก็จอดรถแล้วจัดการเก็บของใส่ในมิติไปก่อน เพื่อที่ฉันจะได้ไปที่อื่นต่อได้ จากนั้นฉันก็ตรงไปที่ร้านการเกษตร ซื้ออุปกรณ์การเกษตรไปเผื่อไว้ เช่นปุ๋ย อาหารสัตว์อย่างละ 20 กระสอบใหญ่ไปเผื่อไว้ โดยให้ที่ร้านไปส่งที่บ้าน… ในวันเดียวกัน แต่เป็นเวลาบ่ายสาม… ฉันกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นรถขนของจอดรออยู่หน้าบ้าน ซึ่งฉันขอบคุณและให้สินน้ำใจพนักงานขับรถไปเล็กน้อยเมื่อพนักงานขับรถขนของเข้าบ้านให้ และเมื่อพนักงานขับรถไปแล้วฉันก็ปิดประตูรั้วหน้าบ้าน จากนั้นฉันก็ทำการเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยและเอาเข้ามิติ และตอนนี้ห้องในมิติของเธอมีที่ว่างเหลือถึง 6 ส่วน ใน 10 ส่วน ซึ่งถือว่าเยอะมาก และไม่นานร้านขายอุปกรณ์การเกษตรก็มาส่ง ฉันจัดการเก็บของทุกอย่างแล้วนึกขึ้นได้ว่าผักผลไม้ยังไม่เอาใส่ในมิติ ฉันจึงเอาผักผลไม้ใส่ในมิติและเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันมองเวลาห้าโมงเย็น ยังมีเวลาอีกเยอะฉันจึงออกจากบ้านไปหาซื้อของต่อ เมื่อมาถึงตลาดฉันก็ซื้อข้าวสารกระสอบละ 10 กิโลกรัม 50 กระสอบ แป้งต่างๆ อย่างละ 100 กิโลกรัม ถั่ว ธัญพืชต่างๆ อีก 50 กระสอบ และซื้อน้ำตาลทรายแดงไปอีก 150 กิโลกรัม ซื้อน้ำมันพืช น้ำมันปาล์มเป็นปี๊บอีก 300 ลิตร ฉันซื้อถุงกระดาษ ขวดพลาสติก และกระดาษไปเผื่อด้วย เพราะต้องใช้ของพวกนี้ในการห่อของไปขาย ฉันจัดการซื้อของจำเป็นอีกเล็กน้อยแล้วกลับบ้าน และพอของมาส่งที่บ้านฉันก็เก็บของ ทำกับข้าวแล้วเข้านอน พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไปซื้อของอีกเยอะเพื่อเติมเข้ามิติให้เต็ม ซึ่งตอนนี้มีที่ว่างซื้อของอีก 4 ส่วนเท่านั้น… เช้าวันต่อมา… ฉันออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดมาที่ตลาดใหญ่ของเมือง เพื่อไปที่ร้านเนื้อสั่งหมูเนื้อแดง หมูสามชั้น หมูติดมัน อย่างละ 300 กิโลกรัม และพวกเครื่องใน มันหมูอีกอย่างละ 30 กิโลกรัม ซึ่งต้องแบ่งซื้อถึง 2 ร้าน และขาหมูอีกประมาณ 100 ขา แต่ต้องเดินทั่วทั้งตลาดเพราะแต่ละร้านก็มีไม่พอที่เธอต้องการ ฉันขับรถออกมาจอดตรงที่ไม่มีคน แล้วนำเนื้อเข้ามิติแล้วกลับไปที่ตลาดใหม่ เลือกซื้อไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็มอีกจำนวนมาก ผลไม้นำเข้าที่ไม่ได้ปลูกเองในสวนอีกหลายลัง ผักชนิดต่างๆ อีกอย่างละหลายตะกร้า และไก่ส่วนต่างๆ 50 กิโลกรัม ไก่เป็นตัว 100 ตัว ฉันไม่ได้ซื้ออาหารทะเลเพราะไม่รู้ว่าแถวที่จะไปเป็นพื้นที่แบบไหน ฉันเข้าๆ ออกๆ ที่ตลาดเป็นสิบๆ รอบ จนได้ของครบและเก็บเข้ามิติทันที และตอนนี้ที่ว่างเหลือ 2 ใน 10 ส่วน เมื่อซื้อของที่ตลาดได้ของครบที่ต้องการแล้ว ฉันก็ไปที่ห้างอีกครั้งเพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและจักรยาน เธอซื้อของใช้ภายในบ้านมาอย่าง 5 และจักรยานแบบโบราณวินเทจ 10 คัน จากนั้นก็ไปซื้อนาฬิกาแบบเก่าคลาสสิคอีก 100 เรือน คละทั้งของผู้ใหญ่และเด็ก พอจ่ายเงินและกรอกที่อยู่จัดส่งแล้ว ฉันก็ออกจากห้างไปที่ร้านเบเกอรี่ เมื่อคืนฉันได้แชทหาเหลียนให้ปิดร้านและทำเค้กให้ทุกอย่างเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงให้เตรียมชานอกนำเข้าที่เอามาขายที่ร้านให้ฉันทั้งหมดด้วย ถึงแม้ว่าเหลียนจะสงสัยและอยากถาม ฉันก็อ้างว่าอยากเอาไปฝากผู้ใหญ่หลายคน “ขอบใจมากนะเหลียน” เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้ว ฉันก็กอดลาหญิงสาวที่เธอรักเหมือนน้องสาว “คุณซูมี่ค่ะ” ด้านเหลียนทำหน้างง แต่เธอก็คิดว่าพี่สาวคงคิดถึงคุณยาย จึงมาแสดงความรักแบบนี้กับเธอ ซึ่งเธอก็กอดตอบ… เวลาทุ่มหนึ่งที่บ้าน… ฉันก็จัดการเก็บของที่ทางร้านค้าเอามาส่งล่าสุดเข้ามิติ ตอนนี้ทุกอย่างครบแล้ว เหลือพื้นที่ว่างอีกประมาณหนึ่งให้เธอได้ใส่ของที่จำเป็น ฉันจัดของทุกอย่างให้ได้เยอะกว่าเดิมในมิติ เมื่อเสร็จแล้วฉันก็เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำด้วยอาการเหนื่อยล้า… เช้าวันใหม่… เมื่ออาบน้ำแต่งตัวแล้ว ฉันก็ลงไปชั้นล่าง ซึ่งเสียงเดินลงบันได ทำให้ป้าหวังที่กำลังจัดโต๊ะอาหารรออยู่หันมามองเธอ “คุณซู” “ป้าหวังกลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ฉันเดินไปหาป้าหวัง “เมื่อตอนตีสีค่ะ” ป้าหวังบอก พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้นายหญิงนั่ง “เหรอคะ นี่ฉันคงเหนื่อยมากซินะถึงไม่ได้ยินอะไรเลย” แต่ฉันไม่ยอมนั่ง ฉันทำเพียงแค่หยิบปาท่องโกขึ้นมากินพร้อมดื่มน้ำเต้าหู้ “คุณซูไม่นั่งหน่อยเหรอคะ เดี๋ยวป้าจะไปเอาน้ำเต้าหู้ให้อีก เอาไหมคะ” ป้าหวังบอกเมื่อเห็นนายหญิงยืนกินอาหารเช้า “ฉันต้องขอโทษด้วยนะป้าที่อยู่กินข้าวเช้าไม่ได้ พอดีฉันมีธุระต้องรีบออกไปทำนะ” ฉันเอาผ้าเช็ดปาก พลางบอกป้าหวัง แล้วรีบร้อนเดินออกจากบ้าน “เอ่อ แล้วคุณซูจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ” ป้าหวังเดินตามนายหญิงไปยังรถ ก่อนที่จะเข้าไปนั่งในรถ หลินซูมี่ก็หันมายิ้มให้ป้าหวัง แล้วตอบป้าหวังเพียงสั้นๆ ว่า “ค่ะ”… ฉันออกจากบ้าน เพื่อไปบ้านของเพื่อนชายที่สนิทมากอีกคน ซึ่งชายคนนั้นเป็นทหารในกองทัพ “มาหาผมเพื่อต้องการจะซื้อปืน คุณจะเอาปืนเสื้อเกาะไปทำอะไร” คำถามของเพื่อนทหาร ทำให้เธอโกหก “ฉันซื้อเพื่อไว้ป้องกันตัวค่ะ ไม่ได้เอาไปยิงใครหรอก” “โอเค เอานี่ เวลาใช้ก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน” เป็นเพราะเขาทำการค้าแบบนี้อยู่แล้ว เขาจึงไม่ถามอะไรเธอมากมายถึงเขาจะสงสัยก็ตาม “ฉันขอบคุณนะ งั้นฉันกลับก่อนนะ” เมื่อได้ของต้องการแล้ว ฉันก็ขอตัวกลับ… จากนั้นฉันก็ไปตระเวนซื้อยารักษาโรค สมุนไพรราคาแพง ทองคำ เป็นจำนวนมากมาเก็บไว้ และถอนเงินสดที่เหลืออีกจำนวน 16 ล้านหยวน และไปร้านขายอาหารซื้ออาหารต่างๆ เกี๊ยวน้ำ ซาลาเปา รวมถึงเป็ดปักกิ่งอีกจำนวนมากมาเก็บไว้ในมิติ พอจัดของทุกอย่างครบแล้วฉันก็ตiะเวนทำบุญตามสถานสงเคราะห์อีกหลายที่ ตอนนี้เงินสดในมือเหลือ 10 ล้านหยวน แต่ฉันคิดว่าจะไม่เอาเงินส่วนนี้ไปด้วย เพราะว่าจะเป็นที่น่าสงสัยเกินไป ถ้าฉันตายแล้วเงินสดทุกอย่างหายไปหมด ดีไม่ดี ลุงหวังป้าหวังที่อยู่ด้วยอาจจะตกเป็นที่ต้องสงสัย และที่สำคัญคือเงินที่ฉันมีนั้นเป็นธนบัตรหยวนรุ่นล่าสุดที่ผลิตมาใช้ในปี 2000 และพึ่งปรับปรุงล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมานี่เอง ถ้าขืนฉันถือเงินปี 2022 ไปซื้อของปี 1950 คงจะตลกน่าดู ฉันจึงนำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารเหมือนเดิม ในพินัยกรรมระบุไว้แล้วว่าเงินสดหรือของมีค่าที่ตีเป็นเงินสดได้ให้แบ่งเป็น 3 ส่วน ให้เป็นทุนกิจการสวนผลไม้ และร้าน เบเกอรี่ ที่เหลือคือทำบุญ… เวลาหกโมงเย็น ที่บ้าน… ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินอาหารอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม “คุณซู เป็นอะไรคะ” สีหน้าขาวซีดเหมือนไข่ต้มของนายหญิง ทำให้ป้าหวังรีบถามและเข้าไปหา “ป้าหวัง ฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ” ฉันวางตะเกียบ แล้วเงยหน้าอันซีดเซียวมองป้าหวัง ซึ่งฉันรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัญญาณแล้วซินะ “ตัวก็ไม่ร้อนนี้ แต่เอ...ทำไมหัวใจเต้นแรงจัง ไปหาหมอไหมคะ” ป้าหวังยื่นมือแตะหน้าผากและแก้มของนายหญิง แต่เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงจนป้าหวังต้องยื่นมือเข้าไปกุม “ค่ะ” ด้านฉันไม่ปฏิเสธพยักหน้าให้ป้าหวัง และป้าหวังก็เรียกลุงหวังให้มาช่วย ซึ่งป้าหวังและลุงหวังได้พาฉันไปโรงพยาบาล… ที่โรงพยาบาล… “ป้าหวัง ลุงหวัง” ก่อนที่จะตามหมอเข้าไปในห้องตรวจ ฉันก็หันไปมองป้าหวัง และลุงหวัง “คุณซู ไม่ต้องกลัวนะคะ” ด้านป้าหวังบอกปลอบขวัญ และยื่นมือให้นายหญิงน้อยจับ “ฉันขอกอดป้าหวังกับลุงหวังได้ไหมค่ะ” ฉันน้ำตาไหลมองป้าหวังและลุงหวัง เธอกอดผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วเอ่ยขอบคุณที่ดูแลกันมาเป็นอย่างดี ซึ่งฉันรู้สึกใจหายแปลกๆ ที่ต้องจากยุคปัจจุบันไปยังยุคอดีตที่ฉันต้องกลับไปแก้ไข พอฉันเข้าไปในห้องและกำลังตรวจอยู่นั้น สัญญาณสีแดงก็ดังขึ้นพร้อมกับสติของฉันก็ดับลงๆ จนหมอและพยาบาลต่างพยายามยื้อฉันไว้ด้วยเครื่องปั๊มหัวใจแต่ไม่เป็นผล หัวใจของฉันล้มเหลวเฉียบพลันนี่คือสาเหตุการตายของฉัน ด้านป้าหวังและลุงหวัง เมื่อหมอออกมาแจ้งข่าวร้าย ทั้งสองคนต่างก็ยืนช็อกตัวแข็ง โดยเฉพาะป้าหวังนั้นเป็นลมล้มพับไปทันที…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD