บทที่ 3 โชคชะตา

2087 Words
บทที่ 3 โชคชะตา ตอนเช้า เวลาแปดโมงเช้า… ท่าทางนั่งใจลอยของนายหญิงน้อย มือถือตะเกียบเขี่ยอาหารในจานไปมา แม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้นเพราะเป็นห่วง “คุณซู เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เสียงทักของแม่บ้านดังจนทำให้ฉันตื่นจากความคิด ฉันหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองแม่บ้านพร้อมเอ่ยบอกว่า “เปล่าค่ะ” ในช่วงเวลาที่แม่บ้านมองนายหญิงอย่างเป็นห่วง นางก็เหลือบไปเห็นสร้อยบนคอของเจ้านาย “เอ๊ะ สร้อยนั่น” “ป้าเคยเห็นสร้อยเส้นนี้เหรอคะ” ฉันก้มมองสร้อยบนคอของตัวเอง “คุ้นๆ ค่ะ ป้าเห็นสร้อยเส้นนี้” แม่บ้านไม่ทันได้พูด ฉันก็พูดแทรกขึ้นว่า “อื้อ สร้อยเส้นนี้คุณยายให้ฉันมา ป้าพอจะรู้ไหมว่าคุณยายเอาสร้อยนี้มาจากไหน” ฉันถอดสร้อยออกจากคอเอามาวางไว้ตรงหน้า “สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยของพระเกจิที่คุณท่านนับถือและชอบไปทำบุญด้วยค่ะ พระเกจิบอกท่านว่าให้ท่านเก็บไว้ให้หลานสาว แต่ว่า” แม่บ้านชะงัก เมื่อนายหญิงน้อยเอ่ยขัดขึ้นว่า “แต่ว่าอะไรคะ” ฉันรีบถาม เมื่อเห็นแม่บ้านเอาแต่มองสร้อยที่วางอยู่บนโต๊ะ “ถ้าป้าจำไม่ผิด พระเกจิบอกว่า สิ่งนี้ 10 ปีจะเลือนหาย แต่นี่ก็ผ่านไป 10 ปีแล้วนี้ หรือว่าป้าจะจำผิด สร้อยอะไร ถ้าไม่ทำหายแล้วจะหายได้ยังไงกัน” แม่บ้านทำหน้าคุ้นคิดเวลาพูดถึงอดีตหลายสิบปีก่อนโน้น แต่ว่าสำหรับฉันกลับคิดว่านี่คือสิ่งที่พระเกจิท่านพูดคือความจริง 10 ปี มิตินี้จะหายไปงั้นเหรอ “วัดที่คุณยายพาฉันไปบ่อยๆ ใช่มั้ยคะป้า” ฉันเอาสร้อยใส่คอ พร้อมถามแม่บ้าน ถ้าเป็นวัดที่คุณยายชอบพาเธอไปก็น่าจะเป็นพระเกจิที่คุณยายเคารพนับถือแน่เลย “ใช่ค่ะ” พอแม่บ้านพยักหน้าให้ ฉันก็รีบบอกแม่บ้านว่า “ป้าไปบอกลุงหวังให้เตรียมรถให้ฉันหน่อยค่ะ เดี๋ยวฉันกินข้าวเสร็จแล้วจะออกไปข้างนอก และจะกลับมาเย็นๆ นะคะ ไม่ต้องทำกับข้าวรอฉันนะคะป้า” “ค่ะ” แม่บ้านรับคำ แล้วรีบออกไปทำตามที่นายหญิงน้อยบอกทันที… ที่ศาลเจ้าของจีน... ขณะที่ฉันกำลังนั่งไหว้เจ้าอยู่นั้น ก็มีเสียงของพระเกจิท่านหนึ่งเอ่ยทักขึ้น “นั้นใช่หลานของคุณยายหลี่มี่ไหม” “สวัสดีค่ะ ท่านเกจิ” ฉันเงยหน้ามอง เมื่อเห็นเป็นพระเกจิที่ยายของฉันเคารพ ฉันก็ก้มกราบ “อื้อ เจริญพรนะ นี่มาไหว้พระรึ” คำถามของพระเกจิ ช่างเหมือนท่านรู้และเปิดทางให้ฉันถามเรื่องข้องใจ ซึ่งฉันก็ก้มไหว้ท่านและเอ่ยถามว่า “ท่านเกจิค่ะ วันนี้หนูมีเรื่องจะมาถามท่านด้วยค่ะ” “ทุกอย่างคือโชคชะตา” พระเกจิพูดขึ้น คำพูดของพระเกจิ ทำให้ฉันรู้ และฉันจึงเข้าเรื่อง และถามท่านเกจิว่า “หนูจะได้กลับไปที่นั่นใช่ไหมคะ” “ถ้าจิตตั้งมั่นอยากกลับไปแก้ไข ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี” พระเกจิพูดพึมพำ เป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่ผิดต่อสามีลูกสาวและลูกชายเป็นที่สุด ถ้ากลับไปได้ฉันก็ไม่อยากลังเลเลย ฉันจึงรีบบอกพระเกจิทันทีว่า “หนูอยากกลับไปแก้ไขค่ะ” “อีก 3 วัน” พระเกจิบอก “แล้วชีวิตหนูที่นี่ล่ะคะ จะเป็นอย่างไร” พอได้ยินกำหนดที่จะได้กลับไปในอดีต ฉันก็ถามถึงตัวเองที่นี่ว่าจะเป็นอย่างไร “ทุกอย่างมีเกิดก็ต้องมีดับ” “มะ หมายความว่าไงคะ” ฉันอึ้งไปสักพักเมื่อได้ยินคำตอบ แต่พอตั้งสติได้ พระเกจิท่านนั้นก็หายไปแล้ว… ฉันใช้เวลาไหว้พระประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดินออกจากวัดด้วยความรู้สึกมึนงง ถ้าฉันไปเกิดที่นั่น ชีวิตที่นี่ของฉันจะตายงั้นเหรอ แต่อย่างน้อยชีวิตที่นี่ของฉันก็ไม่ได้มีห่วงอะไรและไม่มีใคร ต่างจากที่นั่นที่มีครอบครัวอันอบอุ่นรอฉันอยู่ ถ้าฉันทำตัวดีไม่เลวเหมือนที่ผ่านมา ฉันจะต้องพบกับความสงบสุขและเป็นที่รักของทุกคนแน่ “นับดาว นัดเพื่อนให้ฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เมื่อเข้ามานั่งในรถ ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเพื่อนรักทันที… เวลาบ่ายสอง ที่ออฟฟิศ… หลังจากฉันบอกให้นับดาวโทรหาเพื่อนทุกคน นับดาวก็ทำตาม และเมื่อเพื่อนมาครบแล้ว พวกหล่อนๆ ก็เอ่ยถามฉัน เมื่อฉันเอาเอกสารการขายหุ้นให้อ่าน “แน่ใจแล้วนะซูซู” เพื่อนทั้งสามถามฉันเป็นเสียงเสียงเดียวกัน “นี่เป็นงานวิจัยรอบสุดท้ายของฉัน” ฉันยิ้มให้เพื่อนเป็นคำตอบ แล้วพยักหน้าให้พวกนางดูเอกสารอีกใบ “เธอพูดเหมือนจะไม่วิจัยสกินแคร์ให้พวกฉันอีกแล้วนะ จะไปไหนเหรอ” เย่วซินสงสัยจึงถาม “ไม่หรอก ฉันพูดเผื่อไว้ ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนนะซินซิน” ฉันยิ้มเบาๆ ให้เพื่อนๆ นี่คืออีกหนึ่งอาชีพของฉันที่ไม่ค่อยมีคนรู้ คือฉันเรียนจบเกี่ยวกับเคมีที่อังกฤษในคอร์ส 6 เดือน พอเรียนจบได้ไม่นานฉันก็ชักชวนเพื่อนๆ ให้มาทำธุรกิจร่วมกันเพราะฉันดูแลเองไม่ไหว โดยที่ฉันจะเป็นคนคิดและวิจัยร่วมกับทีมงานของฉัน แล้วนำส่งสินค้าสูตรต่างๆ ให้กับบริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ทำไมรอบนี้มีเยอะจังละซูมี่” นับดาวแปลกใจเมื่อดูเอกสารและมองหน้าฉัน “ก็ขายรอบเดียวไง ฉันรีบด้วย” ฉันบอกเพื่อนว่าต้องการใช้เงิน “เธอจะไปไหน” เพื่อนทั้งสามถามพร้อมกัน “เที่ยวรอบโลกมั้ง ฝากพวกเธอจัดการให้หน่อยนะ ฉันอยากได้เอกสารและเงินพรุ่งนี้เลย ได้รึเปล่า” ฉันไม่อยากนั่งนานเพราะกลัวเพื่อนจับผิดและถามซอกแซก ฉันจึงพูดตัดบทไปอยางนั้น “ได้ๆ” เมื่อเห็นว่าถามไปแล้วยังไงเพื่อนก็ไม่บอก พวกเธอทั้งสามจึงไม่ถามต่อ เพราะคิดว่าหลินซูมี่คงจะเสียใจเรื่องยายอยู่ จึงไม่อยากทำงานในช่วงนี้ ไว้ให้เพื่อนหายโศกเศร้าพวกเธอค่อยขายหุ้นคืนก็ได้ “ขอบใจพวกเธอมากนะ” ฉันบอกเพื่อนทั้งสาม “เฮ้ย เราเพื่อนกันนะ ยังไงถ้าเธอเที่ยวเบื่อแล้ว อยากกลับมาทำงาน พวกเรายินดีขายหุ้นคืนให้นะ” ซีอินเงียบมานานจึงบอกเพื่อน “ถ้าอย่างงั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะ มีธุระต้องทำอีกหลายอย่าง” ฉันบอกเพื่อนๆ และไม่รอฟังคำตอบของเพื่อนทั้งสาม รีบลุกขึ้นเดินออกจากออฟฟิศทันที… ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมง… พอทำธุระเสร็จจากเพื่อนๆ แล้ว ฉันก็ตรงไปที่สำนักงานทนาย เพื่อเข้าพบทนายส่วนตัว ฉันจัดการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สมบัติของตัวเองที่เป็นที่ดินและของที่ไม่สามารถตีเป็นเงินสดได้ในเวลารวดเร็ว นี้ให้กับคนที่ฉันรักและไว้ใจที่สุด โดยมีสวนผลไม้ บ้านสวน กิจการเกี่ยวกับการเกษตรทั้งหมด ฉันยกให้ลุงหวังป้าหวัง แม่บ้านและลุงขับรถของฉัน คุณยายเคยบอกฉันไว้ว่าสองคนนี้ซื่อสัตย์กับครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งสวนผลไม้ในตอนนี้ก็อยู่ความดูแลของลูกชายของป้าหวังและลุงหวัง และฉันก็เชื่อว่าครอบครัวของลุงหวังจะทำให้ธุรกิจของคุณตาคุณยายไปต่อได้ดีแน่นอนส่วนบ้านที่ฉันอยู่ปัจจุบันและร้านเบเกอร์รี่ฉันยกให้เป็นของเหลียน เด็กสาวคนนั้นคุณยายเอ็นดูเธอมากๆ และเธอก็รักเหมือนน้องสาวเช่นกัน ทรัพย์สินปลีกย่อยอื่นๆ ที่ฉันนึกขึ้นได้ก็บริจาคให้กับสถานสงเคราะห์ต่างๆ และเขียนกำกับไว้ว่าขอให้ครอบครัวหวังและเหลียนแบ่งกำไรทุกปี 10% ของกิจการไปบริจาคให้ด้วย ส่วนเงินสดและทรัพย์สินต่างๆ ที่เคลื่อนย้ายได้ฉันคิดว่าจะเอาไปด้วย แต่ก่อนอื่นฉันต้องไปนั่งจดรายการที่ต้องนำไปและศึกษาค่าเงินก่อนสินะ และหนึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งคุยและทำพินัยกรรมต่อหน้าทนายความ และเมื่อเสร็จธุระแล้ว ฉันก็ออกจากสำนักทนายความ และช่วงเวลาเดินคิดเรื่องต่างๆ ฉันก็แวะซื้อกาแฟสองแก้วแล้วนำเข้ามิติแก้วหนึ่งเพื่อดูว่ามิตินั้นจะเก็บของแล้วคงสภาพไว้ได้ไหม… เวลาหกโมงเย็น ที่บ้าน… ฉันเดินเข้ามาในบ้าน และเมื่อเห็นป้าหวังออกมาต้อนรับ ฉันก็รีบสั่งป้าหวังทันทีเพราะกลัวลืม ซึ่งเวลาของฉันมีน้อยมากจึงต้องรีบ “ป้าคะ ช่วยโทรบอกพี่ชายให้ส่งผลไม้ที่มีในสวนมาให้ฉันอย่างล่ะ 20 ลัง และผักทุกอย่าง 20 ลังให้ด้วยนะคะ ถ้าแบ่งออกมาได้ไม่ถึงก็ให้เน้นพวกส้ม มาให้ฉันเยอะๆ หน่อยนะคะ” “คุณซูจะเอาไปทำไมเยอะแยะคะ” ป้าหวังถือกระเป๋าของนายหญิงน้อย แล้วเดินตามไปที่ห้องนั่งเล่น “เอาไปบริจาคค่ะ” ฉันจำเป็นต้องโกหก แม้แต่เรื่องพินัยกรรม ฉันก็ไม่คิดที่จะบอกเพราะกลัวว่าทุกคนจะสงสัย และคงไม่มีใครรับทรัพย์สินของฉันแน่ “อ้อ ค่ะ” ป้าหวังพยักหน้ารับรู้ แล้วจะเข้าครัวไปเอาน้ำมาให้นายหญิงดื่ม แต่ป้าหวังก็ไม่ทันเดินไปถึงไหนก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อ... “ป้าหวังคะ” ฉันเรียกป้าหวัง “คุณซูมีอะไรคะ” ป้าหวังกลับไปยืนที่เดิม “พรุ่งนี้ฉันให้ป้าหวังหยุดพักได้นะคะ ป้าไปนอนกับหลานๆ ที่สวนได้เลยค่ะ พี่ชายมาส่งของแล้วก็ไปพร้อมพี่ชายเลยก็ได้ค่ะ มะรืนบ่ายๆ ค่อยกลับมาก็แล้วกันค่ะ” ฉันบอกป้าหวัง “แต่ว่า” ป้าหวังคัดค้าน “ไปเถอะค่ะ” ฉันลุกขึ้นไปยืนจับมือป้าหวัง บีบเบาๆ ให้ป้าหวังรับรู้ว่าฉันอยากให้ป้าหวังได้พักผ่อน “ขอบคุณคุณซูมากนะคะ” ป้าหวังบอกด้วยน้ำตาซึม ซึ่งน้ำใจของนายหญิงน้อยมาก ที่นายหญิงเอาใจใส่เธอตลอดเวลา “งั้นก็ตามนี้นะคะ” ฉันยิ้มให้ป้าหวัง แล้วเดินออกจากห้องรับแขกตรงไปที่บันได เพื่อขึ้นห้อง เพราะฉันนึกขึ้นได้ว่าต้องเก็บของบางส่วนในบ้านเข้ามิติในวันพรุ่งนี้… ในห้องนอน… ฉันนั่งบ้างนอนบ้างอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ และคิดค่าเงินจนน่าพอใจแล้ว ฉันก็คิดคำนวนเงินในยุคนั้นว่าเท่าไรของเงินในยุคนี้ “10 เฟิน = 1 เหมา 10 เหมา = 1 หยวน 1 จิน = 500 กรัม 1 ชั่ง = 600 กรัม” ฉันจดรายการต่างๆ และนึกขึ้นได้ว่าเอากาแฟใส่มิติไว้ ฉันจึงรีบเอาแก้วกาแฟออกมาดู ผลปรากฏว่าแก้วกาแฟยังเย็นเหมือนเดิม และน้ำแข็งไม่ละลาย “อัศจรรย์จริงๆ” ฉันอึ้งมากจึงเขียนไว้ในสมุดรายการ และเขียนรายการต่างๆ ยาวเหยียด ซึ่งเป็นของที่จำเป็นในยุคนั้นตามความคิดและตามที่ตัวเองอ่านเจอในนิยาย ฉันลูบรอยสักกลางฝ่ามือ ภาพห้องโล่งๆ ก็ปรากฏขึ้น ฉันจึงเพ่งมองห้องโล่งนั้น คำนวนดูขนาดประมาณ 50 ตารางเมตร กว้างพอสมควร และฉันสามารถซื้อของได้เยอะตามต้องการ และไม่ลืมว่านี่เป็นมิติที่จะอยู่กับตัวเองจนกว่าจะตายแล้วเกิดใหม่ ฉันไม่รู้ว่าในปีที่จะย้อนกลับไปนั้นคือเมืองไหนกันแน่ของประเทศจีน แต่ที่ฉันจำได้คือ ตัวเองตายตอนอายุ 27 ปี และนั่นเป็นปี 1956 แสดงว่าฉันต้องกลับไปในปีที่ยากจนและยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ฉะนั้นของที่ซื้อไปต้องสามารถทำให้ฉันและลูกๆ อยู่ได้จนกว่าจะถึงปีเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญสามีของฉันต้องไม่ตาย และฉันก็ไม่อยากให้เขาบาดเจ็บด้วย…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD