@สนามบิน
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถขอร้องอ้อนวอนคนเป็นพ่อและแม่ได้ ใบหน้าสวยบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงจำใจต้องกลับไปอยู่ที่ไทยเพื่อคุมพฤติกรรมตามที่ท่านทั้งสองบอกก่อน..
“ถึงแล้วก็โทรมาบอกแม่ด้วยนะ” พลอยไพลินเอ่ยบอกลูกสาวคนเดียวของเธอ
“แม่อยากรู้ด้วยเหรอ?” ร่างเล็กตอบประชดประชันออกไปเมื่อเห็นว่าคนเป็นแม่ไม่ได้ช่วยเธอพูดกับพ่อให้เลย
“อย่าพูดแบบนั้นสิเซลีน แม่ที่ไหนจะไม่เป็นห่วงลูกในไส้ตัวเองละ”
“ก็พ่อกับแม่ไง” เธอตอบพร้อมกับมองหน้าของท่านสองคนสลับกันไปมา
“เอาเถอะถึงเวลาที่เครื่องจะออกแล้ว”
“เฮ่อ” คงหมดหนทางจริงๆ สินะ ฉันได้แต่คิดในใจ ก่อนจะหันไปสวัสดีท่านสองคนตามมารยาทที่ถูกสั่งสอนอบรมมาตั้งแต่เด็ก
“งั้น หนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
.
.
“เดี๋ยว!” แต่ขณะที่เธอหันหลังและเตรียมจะเดินออกไปนั้น คนเป็นพ่อก็เรียกเธอเอาไว้ก่อน เจ้าของใบหน้าสวยยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดขึ้นในใจ
.....คิดว่าจะแน่ สุดท้ายก็ไม่กล้าปล่อยให้ฉันไปหรอก หึ
เพราะเธอรู้ดีว่าพ่อกับแม่ของเธอนั้นรักเธอมากแค่ไหน ไม่มีทางปล่อยให้เธอไปอยู่ไกลหูไกลตาหรอก
“เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมคะ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ไม่ใช่ พ่อแค่จะบอกว่า อยู่ที่ไทยลูกต้องใช้เงินให้ประหยัด เพราะพ่อจะไม่ตามใจหนูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ถ้าอยากมีเงินใช้เยอะๆ ลูกก็ต้องไปทำงานหาเงินเอง” พ่อพูดจบก็หมุนตัวออกไปทันที โดยที่ฉันยังยืนปากพะงาบๆอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ ฉันไม่คิดเลยว่าพ่อของฉันจะโหดร้ายกับฉันขนาดนี้
“ถึงแล้วอย่าลืมโทรมาบอกแม่ด้วยนะเซลีน” แม่พูดย้ำอีกครั้งก่อนจะรีบเดินตามพ่อออกไปทันที ฉันที่ได้แต่มองตามหลังท่านสองคนเดินออกไปไกลจนสุดสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ ฉันมองดูตั๋วเครื่องบินในมือ ขณะนั้น โทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น
ครืดดดด
เมื่อเห็นเป็นเบอร์ไอ้ไวฟายโทรเข้ามาฉันก็รีบกดรับทันที
(มึงอยู่ไหน)
“สนามบิน” ฉันสนิทกับไวฟายมากเพราะเราคุยกันเข้าใจสุดเพราะมันเป็นลูกครึ่งไทย ก็เหมือนคนบ้านเดียวคุยกันประมาณนี้
(ไปทำอะไร?)
“กลับไทย” ฉันทั้งเดินคุยโทรศัพท์และลากกระเป๋าเพื่อไปยังจุดเช็คอิน
(อ่าว ทำไมได้กลับวะ)
“เพราะพวกมึงแหละ ทำให้กูได้กลับไทย” เอาจริงๆ จะโทษพวกมันหมดก็ไม่ได้ เพราะฉันก็มีส่วนผิดด้วย ถ้าไม่ห้าวชวนพวกมันมาปาร์ตี้ที่บ้านเรื่องนี้มันคงไม่เกิดขึ้นหรอก ทำไงได้ก็ชีวิตของฉันมันอยู่ได้ด้วยเพราะสิ่งพวกนี้
(ยังไงวะ แล้วจะกลับมาวันไหน) ไวฟายเริ่มน้ำเสียงไม่ค่อยดีเมื่อรู้ว่าเซลีนจะกลับไทย
“ไม่มีกำหนด อยู่ถาวรเลย เฮ่อ”
(ได้ไงวะ มึงรอกูอยู่ที่นั่นก่อน เดี๋ยวกูรีบไปหา)
“มึงมาหากูแล้วไงต่อ” ฉันขมวดคิ้วถามถึงสิ่งที่มันกำลังคิดจะทำ
(ก็ไปคุยกับพ่อมึงให้ยอมอยู่ที่นี่ต่อไง)
“หึ เลิกความคิดนั้นเถอะ กูไม่มีเวลาแล้วถ้ากูถึงแล้วเดี๋ยวกูโทรหา แค่นี้ก่อนนะ” ฉันรีบกดวางสายก่อนจะเดินเข้าไปเช็คอินทันที
@อีกด้าน
ผมนั่งดื่มเหล้ากับไอ้ ธาม และซิลฟี่ ส่วนไอ้เทอร์โบรายนั้นไม่ต้องไปถามหามัน ช่วงนี้มันติดสัดเฝ้าเมียมันไม่ห่าง ไม่มาให้เห็นหัวง่ายๆ หรอก
“ยังไงวะงานวันเกิดกูพรุ่งนี้แล้ว” ปากหนาถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าเพื่อนและแฟนของเพื่อนสลับกันไปมา
“ถามรอบที่ล้านแล้ว” ธามตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“อ่าว กูก็ต้องเอาความแน่ใจสิวะ เพราะตอนนี้เหลือแค่มึงกับกูถ้าพวกมึงไม่มากูก็ไม่จัดแม้ง”
“ก็ต้องมาอยู่แล้วไหมสายตี้อย่างซิล พลาดได้ไงละ”
“มันต้องอย่างนี้สิไอ้แสบของพี่” มือหนาเอื้อมไปจับลงที่ศีรษะของเมียเพื่อนด้วยท่าทีมันเขี้ยว ทำให้เพื่อนของเขาจ้องมองด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“แหม ก็แค่จับไหมวะ”
“กูว่าอะไรยัง?”
“หึ ปากไม่ว่า แต่สายตามึงเนี่ยถ้าฆ่ากูได้คงฆ่าไปแล้ว”
“งั้นทีหลังก็อย่าจับหัวเมียกูเล่นอีก”
“คร๊าบบบ” ร่างสูงพูดพร้อมกับส่ายหัวเอือมระอาใจกับเพื่อนที่ไม่รู้ว่ามันจะหวงเมียมันอะไรหนักหนา ร่างสูงล้วงบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบก่อนจะพ่นควันออกไปทางด้านข้าง
จากนั้นพวกเขาก็นั่งดื่มกันจนดึกดื่น เพื่อเลี้ยงเอาฤกษ์เอาชัยก่อนถึงงานวันเกิดของเขาในวันพรุ่งนี้
“ว่าแต่คลับพี่เคนก็คนเยอะทุกวันเลยเนอะ” ซิลฟี่พูดขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆ คลับหรูของเพื่อนพี่ชาย
“แต่ส่วนใหญ่ ก็มีแต่ผู้หญิงเนอะว่าไหม” มือหนาขยับแว่นตาเล็กน้อย ดวงตาคมไล่มองตามที่เธอบอกซึ่งมันก็เป็นความจริงอย่างที่เธอพูด
“หึ ก็เจ้าของคลับนี้มันหล่อขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่จะมีแต่สาวๆ มาเที่ยวไหมวะ”
“แหวะ หลงตัวเอง”
“แล้วหล่อจริงไหมล่ะ?”
“หล่อจริงไม่เถียง เลวมากด้วยอันนี้ก็ไม่เถียง” มือเล็กยกแก้วแอลกอฮอล์เพื่อยกขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่โดยแฟนหนุ่มของเธอที่นั่งอยู่ด้านข้างจับเอาไว้ก่อน
หวานอีกแล้วคู่นี้...
“แล้วสรุปพี่มีอะไรดีบ้าง?”
“ปากไง” ธามที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทีเรียบนิ่ง คนที่ได้ยินถึงกับเหยียดยิ้มขึ้นและพูดตอบกลับเพื่อนของเขาไปด้วยท่าทีกวนๆ
“ปากดี เอวดุด้วยนะ ใช่ไหมซิล?” คำพูดของเคนทำเอาธามถึงกับชะงักและรีบหันมองหน้าของแฟนสาวทันที
“อะไรพี่ธาม อย่าบอกนะว่าเชื่อคำพูดไอ้พี่เคน” ซึ่งซิลฟี่รู้ทันว่าเคนแค่กวนคนรักของเธอเท่านั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าธามนั้นหึงหวงซิลฟี่อย่างกับอะไรดี
“ฮ่าๆๆ โดยกูเล่นแล้วมึง”
“เฉยๆ กูไม่เชื่อคำพูดมึงอยู่แล้ว” ธามพยายามตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่งแต่ยอมรับว่าเขาก็มีชะงักบ้าง แต่เมื่อคิดดีแล้วสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่ชอบกวนกันเฉยๆเป็นเรื่องปกติของคนสนิทกัน
“ไม่เชื่อกูแต่ถึงกับชะงักหายใจไม่ทั่วท้องเลยดิ” เจ้าของใบหน้าหล่อภายใต้แว่นหนามองหน้าเพื่อนพร้อมกับเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ากวนๆ
“จิ๊ น่ารำคาญ”
“ฮ่าๆ เออ กูไม่กวนละ มึงสบายใจได้กูไม่เอาหรอกพวกน้องเพื่อนอะไรเนี่ย กูชอบกินคนไกลตัว” ปากหนาพูดประชดเพื่อนเขาออกไปด้วยท่าทีหยิ่งๆ มั่นๆ
“อย่ามั่นใจในคำพูดตัวเองเกินไปไอ้พี่เคน”
“อยู่ดีๆ ก็โดนรุมซะงั้นกู ทำไมเราจะอ่อยพี่เหมือนอ่อยไอ้ธามหรือไง”
“หนูไม่อ่อยพี่หรอก เพราะหนูไม่ชอบ คนหล่อ เลว ระยำ”
“แรง”
“แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่นะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันในสิ่งที่ซิลฟี่กำลังจะพูดบอก
“ก็ลูกพี่ลูกน้องของซิลที่กำลังจะกลับมาแซ่บมากเลยนะจะบอกให้” ซิลฟี่เอามือปล้องปากพูด ก่อนจะเบะปากให้เคนและยักคิ้วส่งไปให้แบบกวนๆ
“ใครวะ?”
“ไม่บอกหรอกคนนี้ห้ามยุ่ง ถึงพี่อยากได้ซิลก็ไม่ให้ซิลหวง”
“แล้วใครบอกว่าจะเอา? แล้วยิ่งนิสัยแซ่บๆ เด็ดๆ ดื้อๆ เหมือนเราพี่ขอบายเลย” เพราะเห็นเพื่อนตัวเองที่ต้องคอยกำราบเมียของมันแล้ว ร่างสูงก็รู้สึกปวดหัวแทน
“เดี๋ยวนะบอกไม่เอา แต่ยังไม่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามก็ถึงกับตั้งลำเลยเหรอ” ดวงตาคู่สวยจ้องมองเป้ากางเกงของเคน เมื่อธามได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นปิดตาของซิลฟี่ทันที
“มันไม่ได้แข็ง แต่ไซต์ห้าเก้าเป้ามันก็ต้องตุงอยู่แล้วไหมวะ” ซิลฟี่รีบดึงมือธามออกจากการปิดตาของเธอก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“ห้าเก้าแต่ซอยช้าก็ไม่ไหวนะ”
“ซิลฟี่!” ธามที่ทนไม่ไหว เขาจึงเผลอเรียกชื่อแฟนสาวเสียงดังลั่นทันที
“เออไอ้ธาม มึงพาเมียมึงกลับคอนโดไปเลยไป ปวดหัวฉิบหาย” เพราะความแสบของซิลฟี่ทำให้เคนรู้สึกอายแทน ที่เธอกล้าพูดแบบนั้นออกมา หลังจากที่ธามกับซิลฟี่เถียงกันอยู่สักพัก ไม่นานทั้งสองก็ตกลงกันได้ที่จะกลับคอนโด
“เฮ่อ” เพราะความดื้อแสบรู้ทันของซิลฟี่ จึงทำให้เขานั้นไม่กล้าที่จะมีแฟนก็เพราะเธอ ถ้ามีจะขอไม่เอาผู้หญิงแบบนี้มาทำเมียเด็ดขาดแต่ถ้าเลือกได้ก็จะไม่มีดีกว่าเพราะการได้กินไปเรื่อยๆแบบนี้มันดีจะตายไป