#วันต่อมา
@บ้านซิลฟี่
“สวัสดีค่ะคุณน้า” ฉันยกมือไหว้คุณน้าและส่งยิ้มให้ท่าน
“สวัสดีจ่ะหนูเซล ไม่เจอกันสองปีหลานน้าโตเป็นสาวมากแล้วนะลูก” คุณน้าชอบเรียกฉันว่าเซลเพราะมันเรียกง่ายกว่าเซลีนที่มีสองพยางค์เหตุผลมีแค่นั้นเลย ก่อนที่คุณน้าจับตัวฉันพลิกหันไปมา
“แม่ก็พูดไป ก็มันอายุเท่ากับหนูไหม ก็ต้องโตเป็นสาวแล้วสิ ขนาดหนูยังโตเป็นสาวแล้วเลย ใช่ไหมพี่ธาม” ธามทำได้แค่ส่งยิ้มไปให้แฟนสาวเท่านั้น เขาไม่อยากพูดอะไรเยอะต่อหน้าแม่ของเธอเพราะผู้ใหญ่จะมองไม่ดีเอา
“ไม่ใช่โตเป็นสาวอย่างเดียวนะ แต่มีผัวแล้วด้วยมึงอะ”
“เด็กพวกนี้พูดอะไรกัน”
“ก็ซิลฟี่มันบอกหนูเองว่ามันมีผัวแล้ว” ฉันยักคิ้วส่งไปให้แบบกวนๆ
“ก็จริง แต่มึงก็ใช้ย่อยนะ ที่ถูกส่งกลับมาเนี่ยเพราะคุณลุงคุณป้าคุมพฤติกรรมไม่อยู่แล้วดิ แร_เกิน” เพราะความที่เป็นญาติกันและรุ่นเดียวกันนิสัยเหมือนกันอีก ทำให้เธอทั้งสองมักจะพูดคุยกันแบบนี้เป็นปกติ
“แรงนะอีห่า” แต่ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอกชินแล้ว
“พอกับมึงนั่นแหละไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันได้หรือไง”
“พอได้แล้วซิลฟี่ อย่าพึ่งชวนเซลทะเลาะเลย”
“เปล่าทะเลาะสักหน่อย” ซิลฟี่ยังคงเถียงแม่ของเธอไม่หยุดตามประสาเด็กดื้อ
“แล้วนี่ธามอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหมลูก”
“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมต้องเข้าบริษัทครับ”
หลังจากที่พี่ธามกลับไปแล้วฉันก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับซิลฟี่และคุณน้า ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย เพราะฉันตกลงกับซิลฟี่แล้วว่าฉันจะพักอาศัยอยู่คอนโดของมันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ ซึ่งมันก็โอเคและเต็มใจให้ฉันอยู่ที่ห้องมันมากเพราะหนึ่ง ดีกว่าปล่อยให้ห้องว่างแล้ว สอง มันจะได้หาข้ออ้างกับแม่มันไปอยู่ที่ห้องของพี่ธามได้แบบสามร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
#บนโต๊ะอาหาร
“แล้วเซลคิดดีแล้วเหรอลูกที่จะอยู่คอนโด”
“ค่ะ”
“ให้มันอยู่ห้องหนูอะดีแล้วแม่ ตอนไปเรียนจะได้ไปด้วยกัน เห็นไหมประหยัดน้ำมันไปอีก ช่วงนี้น้ำมันยิ่งแพงออยู่” อีซิลรีบพูดช่วยฉันทันที สงสัยมันกลัวจะไม่ได้ไปอยู่ห้องผัวมันแน่เลย
“แล้วเซลไปสมัครเรียนหรือยังลูก?”
“ยังเลยค่ะ วันนี้หนูว่าจะเข้าไปติดต่อทางมหาลัยค่ะ” เพราะช่วงนี้ยังติดช่วงปิดเทอมคนน่าจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ฉันเลยไม่ค่อยรีบ ก็เลยว่าจะเข้าไปติดต่อช่วงบ่าย
“ซิลรีบพาเซลไปเลยลูก อีกไม่กี่วันมหาลัยก็จะเปิดแล้ว เพื่อเอกสารติดขัดจะได้หาทัน”
“หนูก็ต้องพามันไปอยู่แล้วไหมแม่”
“ไอ้ลูกคนนี้มันจะย้อนทุกคำพูดของแม่เลยไหม” เพราะมหาลัยที่ฉันเลือกเรียนนั้น เป็นมหาลัยเดียวกับที่มันเรียนอยู่ ที่เลือกเรียนที่นี่เพราะเป็นมหาลัยอินเตอร์ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการโอนย้ายหน่วยกิต แต่จะย้ายได้หมดไหมฉันไม่รู้วันนี้ต้องไปติดต่อสอบถามก่อน
@มหาลัย
หลังจากที่ฉันยื่นเอกสารกับทางฝ่ายวิชาการเรียบร้อย ทางฝ่ายวิชาการก็ทำการตรวจสอบเอกสารที่ฉันเตรียมมายื่นเพื่อนเข้าศึกษาในวันนี้
“หลักสูตรกับเกรดเฉลี่ยที่ยื่นมาก็พอจะโอนย้ายหน่วยกิตได้บางตัวนะ แต่นักศึกษาก็ต้องหาเวลาลงเรียนเก็บหน่วยกิตที่ย้ายไม่ได้เพิ่มเติม”
“ค่ะ”
“แต่ขั้นตอนการโอนย้ายหน่วยเพื่อเข้าศึกษาในชั้นปีที่สองก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการจะดำเนินการส่งใบคำขอโอนย้ายหน่วยกิตเพื่อขออนุมัติก่อน เมื่อแบบฟอร์มคำขอโอนหน่วยกิตเสร็จสมบูรณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการจะส่งแบบฟอร์มใบคำขอให้กับนายทะเบียนและรองคณบดีฝ่ายวิชาการเพื่อขออนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งรวมๆแล้ว ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนโดยเฉลี่ยค่ะ”
“หนึ่งเดือนเลยเหรอคะ!” ฉันที่ตั้งใจฟังถึงกับตกใจ ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้แล้วมันจะไปทันอะไรเพราะไม่กี่วันมหาลัยก็จะเปิดแล้วด้วย
“ใช่ แต่ถ้านักศึกษาไม่อยากโอนย้ายหน่วยกิต นักศึกษาสามารถสมัครเรียนปีหนึ่งใหม่ได้เลยค่ะ”
“เอาไงดีวะมึง?” ซิลฟี่ถามขึ้น เมื่อเห็นร่างเล็กนั่งคิดไม่ตก
“แล้วถ้าหนูสมัครเข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ หนูจะสามารถเลือกสาขาเรียนใหม่ได้เลยไหมคะ”
“ได้เลยค่ะ” เมื่อได้คำตอบฉันจึงหันไปเอ่ยถามซิลฟี่ทันที
“พี่เทอร์เรียนคณะอะไร?”
“มึงถามทำไมวะ?”
“มึงรีบตอบมาเถอะน่า”
“วิศวกรรมศาสตร์” ถึงสีหน้าของมันจะงุนงงในคำถามของฉันอยู่ไม่น้อยแต่มันก็ยอมตอบ
“งั้นหนูขอสมัครเรียนใหม่ค่ะ”
“ได้ค่ะ”
@คอนโด
“กูไม่เข้าทำไมมึงถึงเลือกลงเรียนวิศวะด้วยวะ” ซิลฟี่ถามขึ้นเมื่อเรากลับมาถึงคอนโดแล้ว
“ก็อย่างน้อยกูจะได้มีคนเก่งๆอย่างพี่เทอร์และเด็กแว่นอย่างพี่เคนช่วยติวให้กูไง” เพราะดูแล้วพี่เคนน่าจะเรียนเก่งไม่ใช่เล่น ดูจากแว่นหนาๆที่เขาสวมใส่แล้ว
“เออ ทำไมกูไม่คิดได้แบบมึงวะ”
“เพราะมึงไม่ฉลาดเท่ากูไง ฮ่าๆๆ”
“อีห่า” ซิลฟี่เหลือบมองเซลีนเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างเล็กกำลังนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอจึงเอ่ยถามออกไปในสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่
“มึงไม่ได้ชอบพี่เคนใช่ไหม?”
“กูดูชอบพี่เขาเหรอวะ?”
“ไม่รู้ดิ แต่ถ้าชอบ มึงหยุดความรู้สึกนั้นเลย ถ้าไม่อยากโดน เย แล้วทิ้ง” แต่ที่ฉันเคยสัมผัสมา เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ซิลฟี่พูดเลย ขนาดฉันอ่อยเขาขนาดนั้นแล้ว เขายังนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนอยู่เลย
“แล้วมึงคิดว่าผู้หญิงอย่างกู เย แล้วทิ้งไม่เป็นเหรอวะ”
“อีห่า แรงไป”
“ฮ่าๆๆ คิดมากกูก็แค่พูดเล่นเฉยๆ ไหมวะ กูไม่ชอบตาลุงนั้นหรอก”
“ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะ” มันพูดพร้อมกับชี้หน้าฉัน ซึ่งฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้มันแบบกวนๆ ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อคิดถึงชีวิตที่ต้องดำเนินต่อในแต่ละวันที่นี่
“เออ กูไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้นหรอก ตอนนี้กูเคลียดเรื่องเงินอยู่”
“ทำไมวะ?”
“ก็พ่อกูดิบอกว่า จะไม่ตามใจกูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้ากูอยากมีเงินใช้เยอะๆ กูต้องทำงานหาเงินเอง” ฉันพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายกับชีวิต ไม่คิดเลยว่าชีวิตตัวเองจะมาถึงขนาดนี้ เพราะความดื้อรั้นแท้ๆ
“คิดว่าเรื่องอะไร มึงจะกลัวทำไมมีเพื่อนรวยอย่างกูซะอย่าง”
“มันก็จริง แต่อย่าลืมกูไม่ได้อยู่ที่นี่ แค่วันสองวันที่มึงจะช่วยกูได้ตลอด แต่นี่กูจะต้องอยู่ที่นี่นานอีกแค่ไหนไม่รู้ พ่อกูถึงจะใจอ่อนให้กูกลับไปอยู่ที่นู่นอีก เฮ่อ” ถามว่าซิลฟี่ช่วยเธอได้ไหม เธอช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้มากพอขนาดนั้นเพราะตัวเธอเองก็ยังเรียนหาเงินเองยังไม่ได้เลย
“มันก็จริง แต่กูเชื่อว่าคุณลุงไม่ใจร้ายกับมึงขนาดนั้นหรอก”
“แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไว้รอเรื่องเรียนเสร็จก่อน กูค่อยลองหาทำงานดู” เพราะฉันจะมาขี้เกียจในตอนนี้ไม่ได้เพราะถ้าเกิดพ่อฉันไม่ใช้เงินขึ้นมาจริงๆ ฉันจะลำบากเอาได้
“ให้กูลองถามพี่ธามดูไหมว่าที่บริษัทพี่เขาพอมีตำแหน่งงานว่างให้มึงไหม”
“ขอบใจวะ แต่กูไม่ชอบงานบริษัท แล้วอีกอย่างกูจะเอาเวลาไหนไปทำวะ มหาลัยก็จะเปิดแล้ว” แต่ฉันก็ซึ่งใจไม่น้อยที่มันพยายามหาทางช่วยเหลือฉัน
“แล้วมึงอยากทำงานอะไรวะ?” นั้นสิ ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอยากทำงานอะไรเพราะเกิดมาเคยแต่ 'เที่ยว'
“ลองบอกมาดิสิ่งที่มึงชอบคืออะไรกูจะได้ลองหาช่วย” สิ่งที่ฉันชอบเหรอ มันก็มีอยู่สิ่งเดียวนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตของฉันขาดไม่ได้เลยคือ.....
“เที่ยว”
“เที่ยวงั้นเหรอ” ซิลฟี่ถามย้ำก่อนจะกดเข้าไปในโทรศัพท์เพื่อเสิร์ชหาข้อมูล
“มันก็มีนะ พวกเอนเตอร์เทน เด็กเสิร์ฟ แม่บ้านตามคลับแบบนี้ถ้าเป็นงานกลางคืน”
“เอนเตอร์เทนงั้นเหรอ?”
“ใช่ งานเอนเตอร์เทน พวกบริการลูกค้าชงเหล้าไรงี้ แต่กูว่ามึงน่าจะทำได้นะเพราะดูมันเหมาะกับมึงดี” แต่ใจจริงซิลฟี่ก็ไม่อยากให้เซลีนทำหรอก แต่ถ้าเธออยากทำเขาก็ห้ามไม่ได้
“ก็ดูน่าสนใจดีนะ”
“ถ้าอยากทำให้กูถามพี่เคนให้เอาไหม? เพราะที่คลับเขาก็มีตำแหน่งนี้ อย่างน้อยก็ยังมีคนรู้จักอยู่ที่นั่นด้วยมึงจะได้ปลอดภัย”
ฉันอะปลอดภัยแต่ฉันกลัวพี่เคนจะไม่ปลอดภัยจากฉันมากกว่า......^_^
“ก็ดีนะ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน เอาทีละเรื่องก่อนเถอะตอนนี้” พูดจบร่างเล็กก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที