EP8 - มิจฉาชีพในคราบคนไว้ใจ

2496 Words
8 - มิจฉาชีพในคราบคนไว้ใจ ในคืนนั้น ว่านเข้าไปในห้องนอนของพิชชา ผมเข้าไปเสิร์ฟขนมบราวนี่และนมสดอุ่น ๆ ให้เขาดื่มก่อนนอนเสมอ การได้กินอะไรอร่อย ๆ ก่อนนอนถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้เขาหลับสบาย ผมยังไม่ลืมให้เขากินยาตามที่หมอสั่งเพราะถ้าไม่ทำตามคอร์สตามที่หมอสั่ง ผมว่าอาการก็ไม่หายดีแน่นอน ผมถึงอยากทำให้พิชชาหายจากโรคนี้จะได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข “ขอบคุณนะว่าน เรากลัวมากเลย” “เราไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพิชชาหรอก ถึงหน้าตาเราจะโหดแต่เราใจดีกับคนที่รักนะครับ” ถึงคนแบบผมจะโหดแค่ไหนแต่ผมไม่ซ้อมเมียตัวเองแบบไม่มีเหตุผลหรอกเพราะการทำร้ายคนรักคือเรื่องเสียศักดิ์ศรีที่สุด ผมจัดขนมและยาให้เขาเสร็จสรรพ หวังว่าเขาจะรู้สึกดีพร้อมหลับไปอย่างปลอดภัย “นอนหลับให้สบายนะครับ” ผมส่งพิชชาเข้านอนแล้ว ผมอยากให้เขาหลับสนิทมากกว่านี้ ความจริงผมแอบใส่อะไรบางอย่างลงไปในนมแล้วถ้าทานยาอีกหลายชนิดเข้าไป ผมว่าหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นแล้วล่ะ นี่คือสิ่งที่ผมต้องการอย่างแท้จริงเพราะเขาทำให้คนของผมเกือบตาย กว่าจะรักษาหายได้ใช้เวลานานกว่าจะทำให้พิชชาตายใจได้ “พิชชา...” ผมลองขยับตัวและลองสะกิดเขา ปกติคนเราไม่ได้หลับทันทีถ้าใช้เวลาปกติก็มากกว่าสิบนาที กว่าจะข่มตานอนเข้าสู่ห้วงนิทรา ถ้าหลับเร็วกว่านั้นแสดงว่าโดนฤทธิ์ยาสลบหรือถูกทำร้ายฟาดเข้าท้ายทอย ผมเห็นว่าเขาหลับไปอย่างรวดเร็ว เขย่าตัวไม่รู้สึกอะไรแสดงว่าหลับลึกแล้ว ถือว่าทางสะดวกที่ผมจะได้จัดการอะไรที่คาราคาซังเป็นการรับจบสักที ผมเดินออกไปจากห้องนอนพร้อมโทรศัพท์คู่ใจ ผมกดเบอร์โทรไปหาคนที่ผมสนิทใจและเข้าใจกันมากที่สุด ผมอยากให้สายนี้เป็นการโทรกลุ่ม ผมตั้งกลุ่มคุยกันอยู่สามคนอยู่แล้ว กดครั้งเดียวเชื่อมต่อไปครบคนและตอนนี้ทุกคนอยู่ในสายผมหมดแล้ว “ขอบคุณมากเลยนะที่ทำให้ทุกอย่างกำลังจะจบลง” “จะจบแล้วเหรอว่าน มันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ” วรพงศ์ถอดชุดกราวออกพร้อมกับดิวเลอร์ ความจริงผมกับเขาไม่ได้ทำอาชีพนั้นหรอก แค่แอบยืมใช้สถานที่และศึกษาข้อมูลให้น่าเชื่อถือมากที่สุดกเท่านั้น ตอนนี้ผมและดิวเลอร์สลัดคราบคุณหมอออกมาเป็นคนปกติ ใส่เสื้อยืดและกางเกงวินเทจสีน้ำตาลกาแฟเหมือนกันกับดิวเลอร์ หมุนกล้องให้ว่านดูว่าผมแต่งตัวเท่แค่ไหน “เท่ไหม” “เออ เท่ดิ แต่ว่ามึงจะแหวกซิปให้กูดูกางเกงในมึงทำไม” ผมว่าดิวเลอร์อยู่กับวรพงศ์มากเกินไปทำให้มันเสพติดความหื่นกามมากกว่าเดิม คนอะไรชอบไปรูดซิปกางเกงลงแล้วแหวกให้เห็นกางเกงใน ทำตัวเป็นโรคจิตยุคบุกเบิกเปิดชุดคลุมตัวต่อหน้าสาธารณะ “มึงคิดได้ไงวะไอ้พงศ์ ให้กูใส่รหัสผ่านความฝันไหนจะให้ทำแบบประเมินความฝันอีก” “สิ่งนี้กูคิดเองแล้วไอ้ดิวเลอร์เข้ามาช่วยอีกแรง” วรพงศ์มีแผนการที่ตนเองตั้งใจทำมาตลอดเพื่อให้ทุกอย่างสมจริงมากกว่าที่คิด ผมบอกเลยว่าผมเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ เมื่อก่อนผมเป็นคนชอบเล่นเกมและชอบตั้งรหัสเพื่อความปลอดภัยกับของทุกชิ้นที่ผมใช้ ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่ และของส่วนตัวที่ผมรักก็คือพิชชา แต่น่าเสียดายที่มันไม่เห็นผมเป็นของรักแล้ว “กูจะเล่าอะไรให้ฟังนะ...” ย้อนกลับไปช่วงที่ผมและทุกคนยังเรียนอยู่ช่วงมัธยมปลาย ผมเป็นผู้ชายที่ดูรุนแรงแต่เวลาเอาจริงเอาจังผมก็ทำได้ ผมไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาชอบผมมาก่อน เห็นว่าเป็นเด็กใหม่เข้าช่วงมัธยมสี่ การทำความรู้จักอาจจะยังไม่มากแต่ว่าในตอนนั้นมีคนเข้ามาหาผมโดยที่ผมไม่เคยเรียกร้อง “น่ารักจัง ขอเฟซหน่อยสิ” “ผมเหรอ” ผมแปลกใจว่าคนตรงหน้าเป็นนักเรียนเหมือนกัน แต่ว่าตัวสูงใกล้ผมแต่อยู่คนละระดับชั้น ผมอยู่สูงกว่าเขาแต่เอาเถอะเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น คนตรงหน้าเข้ามาทำความรู้จักกับผมงั้นเหรอ มาขอรู้จักด้วยการเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ค แถมยังบิดแก้มผมด้วย เขากำลังอยากจีบผมงั้นเหรอ ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรก็แลกกันและเพิ่มเพื่อนกันตามมารยาทการทำความรู้จัก “ดิวเลอร์... คนนี้เหรอ” ผมมารู้ทีหลังว่าพิชชาเป็นคนที่ชอบเข้าหาผู้ชายเพราะกำลังสับสนและอยากรู้หัวใจตัวเองมาก เขาเป็นคนชอบเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊คส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แสดงว่าเขาอยากมีเสน่ห์แต่คนอื่นไม่เล่นด้วยแบบนั้นเหรอ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้เพิ่มเพื่อน ผมสงสัยถึงมาปรึกษาดิวเลอร์ พบคำตอบที่เรียกได้ว่าเข้าทางผม “เขาอาจจะสนใจมึงก็ได้นะ” “เหรอวะ” ผมคิดว่าเขาอยากจีบผมและทำความรู้จักให้มากกว่านี้ ถ้าผมคิดจริงจังแล้วเขาสนใจผมเหมือนกัน มันก็อาจจะเป็นความรักที่ดีก็ได้ ผมเห็นดังนั้นแล้วค่อย ๆ ส่งข้อความและคุยกับเขาไปตั้งแต่เริ่ม ทุกอย่างก็เหมือนจะดี แต่มันน่าเสียดายที่ผมกับเขาเวลาใจร้อนยิ่งกว่าสาดไฟใส่กัน คนใจร้อนมาเจอคนใจร้อนทุกอย่างบรรลัยแน่นอน “อะไรกันวะ” ดิวเลอร์เห็นความวุ่นวายตรงทางเดินในอาคารเรียน ผมวิ่งไปดูพบว่าพงศ์มันหัวร้อนมาซ่อมพิชชา ถามสาเหตุแล้วพบว่าพิชชาไปมีใจให้ผู้ชายอื่น เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของคนสองคน เพื่อนผมจะมีความรักก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ว่ามาซ้อมโหดใช้กำลังแบบนี้ดูไม่น่ารักเลย ผมเข้าไปห้ามพงศ์และหยุดความวุ่นวายให้รู้เรื่อง “ฮึกก...” “ทำไมวะไอ้พิชชา มึงมีคนอื่นคิดว่ากูยอมเหรอ” “มึงใช้แต่ความรุนแรง หัวร้อนไม่ฟังห่าอะไรเลย แล้วกูจะยังอยากอยู่กับมึงเหรอ อ๊ากก” ผมพูดแทงใจดำมันจนมันซ้อมผมต่อ มันต้องหัวร้อนขนาดไหนถึงหึงหวงไม่ฟังอะไรเลย ผมทนไม่ไหวเพราะนิสัยเขาเป็นแบบนี้ไง ผมรับไม่ได้และอีกไม่นานผมจะขอเลิกกับมันในที่สุด กว่าผมจะหลุดพ้นไปจากมันได้ ใช้เวลาระแวงช่วงปิดเทอมพะวงว่าจะเจอมันอีก สุดท้ายผมก็รอดตายเพราะมันย้ายออกหลังหมดสองภาคเรียนพอดี ผมโล่งใจกว่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้งแทบแย่เลย หลังจากวันนั้น “ว่าน...” ในปีต่อมาหลังจากผ่านเรื่องราวแย่ ๆ ไป ผมได้เจอกับว่าน ผู้ชายที่หน้าตาแบดบอยแต่นิสัยดีกว่าที่ผมคิด เขาให้ความรักและความอบอุ่นใจเสมอ ผมอยากทำอะไรเขาก็ไม่ขัดใจ แต่ผมไม่ขอมากหรอกเกรงใจว่านเขา ถึงแม้ว่าเขาจะทำทุกอย่างที่ดีต่อใจผม วันนี้เขาขอผมเป็นแฟนพร้อมกล่องของขวัญเล็กน้อยอย่างนาฬิกาข้อมือสีเขียวเรืองแสง ผมอยากได้มานานแล้ว มันดีต่อใจมากที่ผมได้มันมา “ขอบคุณนะ” “ต่อไปก็ลดความใจร้อนลงบ้างได้ไหม ผู้ชายบางคนเขาก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะ” ผมเตือนพิชชาเสมอว่าอย่าให้ความใจร้อนอยู่เหนือเหตุผล เขาต้องเข้าใจว่าเพศชายในความคิดของใครหลายคนคือดุดัน ไม่อ่อนแอและถ้าใครมาหาเรื่องก็พร้อมบวก ตรรกะเหล่านี้มันไม่ได้บอกว่าผู้ชายทุกคนต้องเป็นแบบนี้ แต่ถึงยังไงก็ตาม ผมอยากให้พิชชาทำตามที่ผมต้องการแล้วชีวิตจะสงบขึ้นยิ่งกว่านั่งสมาธิ “เดี๋ยวเราใส่ให้” “ขอบคุณมากนะว่าน” เรื่องราวของผมถือว่าเป็นเรื่องดีที่ผมเริ่มต้นกับผู้ชายคนใหม่ที่นิสัยผิดจากคนก่อน ถึงผมจะบอกเลิกและมันก็ไปจากชีวิตผมแล้ว ดีหน่อยผมกับเขาคนอดีตจะไม่ขอพบเจอกันทุกชาติไป เกิดมาอีกชาติถ้าเจอกันผมก็จะเอาคืนมันอย่างสาสมที่สุด เวลาหลังจากนี้ผมขอให้ความสุขอยู่กับผมไปให้นาน จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต สองปีต่อมา วรพงศ์ลาออกจากโรงเรียนตั้งนานจนทุกคนจบการศึกษามัธยมปลายกันแล้ว ผมยังคิดถึงพิชชาอยู่แม้มันจะไม่ต้องการ แต่ผมยังรักเขาอยู่ ทำไมต้องรับไม่ได้ในตัวตนผมด้วย อีกอย่างมันก็มีผมแล้วจะไปยุ่งกับคนอื่นทำไม ต่อให้ไม่จริงจังเหมือนผมใช่ว่าผมจะปล่อยเบลอล่ะ ผมส่องอินสตาแกรมโดยใช้อีกแอคเคาว์เข้าไปสืบ เขาเริ่มใหม่กับว่าน ใจจริงการเริ่มต้นใหม่ก็เจ็บปวดสำหรับผม แต่มันก็เป็นเรื่องดีเพราะเส้นเรื่องใหม่ก็ไม่ต่างจากเดิม ตั้งแต่วันที่ผมเห็นเขาอีกครั้งผ่านหน้าจอ ผมโทรหาดิวเลอร์เพื่อนที่ผมสนิทกันมากที่สุด ผมไม่ได้ติดต่อไปนานอย่าคิดว่าผมจะโทรไปยืมเงิน ผมต้องการวางแผนบางอย่างด้วยความฉลาดอีกขั้น ผมต้องการให้ดิวเลอร์ช่วยผม และว่านจะเข้ามาทีหลัง ผมอยากให้พิชชานอนไม่หลับและมีผมเข้าไปอยู่ในฝันร้ายทุกคืน ญาติดิวเลอร์เป็นหมอเพราะฉะนั้นทุกอย่างจะเรียบง่ายขึ้น ผมจะใส่ภาพเหตุการณ์และกระแสจิตไปอยู่ในฝันพิชชาให้หมด หากมีอาการรุนแรงเมื่อไหร่ให้ไปรักษาที่อื่นก่อน พอได้ที่ค่อยมาเรียกใช้ผม เพราะความทรงจำเลือนหายไปนานและจำผมไม่ได้ในช่วงนั้นแล้ว “ได้สิพงศ์ กูกับว่านจะเข้าไปหาพร้อมกัน” “ขอบคุณมากที่ร่วมมือกับกู รอวันที่พิชชาตายได้เลย” กลับมาปัจจุบัน “ไม่คิดเลยว่ามึงจะให้กูทำแบบนี้” ว่านเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ผมคือคนที่รับช่วงต่อเป็นเซฟโซนที่ดีแต่แอบความอันตรายเมื่ออยู่ใกล้ แค่นี้พิชชาก็ตายทั้งเป็นแล้ว ทุกแผนการดีขึ้นจนแนบเนียนไปหมด ต่อไปก็ถึงเวลาเชือดแล้ว “งั้นแผนการสุดท้ายพวกเราสามคนรับจบนะ” “แน่นอน แต่ว่ามึงดูนี่ก่อน...” “เห้ยย กูรู้แล้วว่ามึงชอบสีนี้” ผมไม่เข้าใจว่าวรพงศ์มันจะเปิดซิปแหวกให้ดูกางเกงในสีเลือดหมูทำไม มันใส่สีนี้ทุกวันจนมาถึงวันนี้ มันชอบสีนี้เพราะใส่ทีไรมีอารมณ์ทุกที มันถึงบอกให้ดิวเลอร์ใส่แบบเดียวกันไม่งั้นมันไม่ให้เข้ามาร่วมแผนการ เมื่อทุกอย่างถูกวางไว้ในแผนการหมดแล้ว แค่นี้ก็ไม่ติดขัดอะไรอีกต่อไป ‘รอก่อนนะพิชชา จบไม่สวยและไม่ตายดีแน่นอน มึงทำเพื่อนกูไว้จนมันเป็นโรคประสาท ในเมื่อมึงทำเพื่อนกูทรมาน กูก็จะทำให้มึงทรมานเหมือนกัน’ เช้าวันต่อมา ว่านตื่นเช้ามาเพื่อจะมาปลุกพิชชาตามเดิม ผมเคาะประตูห้องพักหนึ่งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ปกติพิชชาไม่ได้หลับลึกขนาดนี้สักหน่อย ไม่น่าจะหลับใหลจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้างแล้ว ผมเห็นว่ามันผิดปกติ เคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเริ่มใจคอไม่ดีหรือเขาโดนฤทธิ์ยามากไป ผมจำเป็นอยากให้เขาหลับจะได้ไม่ต้องฝันร้าย ผมวิ่งไปหยิบกุญแจสำรองมาเปิดประตูห้อง เมื่อเข้าไป ผมกลับไม่เห็นพิชชาอีกแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาตื่นก่อน แต่มันไม่ใช่เลยเพราะมันหนีออกไปแล้ว กระเป๋าเดินทางและชุดตัวโปรดถูกขนออกจากตู้เสื้อผ้า “ไอ้พิชชา!!” ทางด้านพิชชา ตอนนี้ผมต้องหนีออกมาจากบ้านของว่านเพราะทุกอย่างกำลังอยู่ในอันตรายและผมอาจจะตายถ้ายังอยู่ต่อไป ผมจะไม่ยอมเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งไว้ที่บ้านหลังนั้นหรอก ผมไม่คิดเลยว่านี่มันคือเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวผม ทุกอย่างมันยิ่งกว่าการเป็นมิจฉาชีพเสียอีก แต่ตอนนี้สิ่งนั้นกำลังจะกลายเป็นฆาตกรรมไม่รู้ตัว ผมลากกระเป๋ายกหนีและต้องเดินทางไปไหนสักทีให้พ้นจากพวกเขามากที่สุด ก่อนออกมาผมพยายามตรวจเช็กทุกอย่างให้แน่ใจว่าในร่างกายหรือสิ่งของใดจะไม่มีเครื่องติดตามผมหาทุกอย่างอย่างมั่นใจแล้ว ผมพร้อมหนีให้ไกลที่สุด ผมหนีแบบไม่คิดชีวิต เรียกรถแท็กซี่ไปส่งตามที่ที่ผมอยากไป ลงจอดในสถานที่ไม่คุ้นตาแต่มีคนพลุกพล่านเยอะ อย่างน้อยการหลบหนีจะได้ปลอดภัย หากเกิดอะไรขึ้นจะได้หาคนช่วยเหลือทันเวลา ผมวิ่งไปในตลาดฝ่าผู้คนไปมากว่าจะออกมาได้แทบไม่รอดแต่ก็ยังมีคนผ่านไปมาอยู่ ผมหนีไปจะออกไปเรียกรถต่อ ทันใดนั้นเองมีอะไรเหวี่ยงมาโดนตัวผมเต็มแรง พร้อมยาสลบในมือเป็นการปิดปาก ผมตกใจรีบขัดขืนดิ้นให้หลุดแต่สุดท้ายผมสู้แรงมันไม่ได้ ก่อนจะสลบไปในที่สุด “เชี่ยยย อ๊า... ก...” “...” “คิดว่ามึงจะหนีกูได้เหรอ” วรพงศ์เข้ามาในจังหวะที่พิชชาไม่รู้ตัว ผมปิดปากด้วยยาสลบแล้วอุ้มตัวไป ส่วนสัมภาระของมัน ผมก็ให้ดิวเลอร์ขนมันไป มันดูรอบคอบเหมือนกันคิดว่าผมติดเครื่องติดตามในเสื้อผ้าหรือกระเป๋าเดินทางหรือไง ความจริงผมฝังเครื่องติดตามไว้ในร่างกายตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาจัดการบนเตียงโรงพยาบาลแล้ว ฆ่าได้ฆ่าไปตั้งนานแต่ผมรอเวลาให้มันตายใจก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD