9 - อุปกรณ์ฆ่าคนแบบคาดไม่ถึง [ตอนจบ]
ที่โรงพยาบาล
“ว่าน...”
ผมตื่นขึ้นมาพบว่าผมนอนอยู่บนเตียงของห้องของหมอวงรพงศ์ ผมตกใจเมื่อเห็นว่านแต่ต้องทำเหมือนไม่มีผิดปกติมากที่สุด ผมมองหน้าว่านแล้วขอกำลังใจว่าผมเป็นอะไรถึงสลบไปแบบนี้ ผมจำได้ว่าผมนอนที่ห้องนอนมาโผล่อีกทีที่โรงพยาบาลได้ยังไง ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ผมจำอะไรไม่ค่อยได้แต่ก็พอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“นอนยังไงถึงสลบไปขนาดนี้ เกือบตายแล้วไหมล่ะ” ผมไม่รู้สึกตัวอะไรเลย นอนหลับไปขนาดนี้เลยเหรอแต่เอาเถอะ ผมรู้สึกตัวมาอีกครั้งก็ถือว่าผมยังมีแต้มบุญในตัวไว้ ผมมองไปรอบ ๆ พบว่าผมนอนอยู่บนเตียงในห้องพักรักษาของหมอวรพงศ์ ผมลุกขึ้นเพราะหมอยังไม่มาและยังไม่ได้เข้าสู่การรักษาจริง ไม่เห็นต้องจับผมนอนลงเตียงก่อนเลย
“หมอยังไม่มาให้เรานอนรอเลยเหรอ”
ผมพูดด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะผมยังไม่ทันเจอหมอเลยแล้วว่านจะให้ผมนอนรอบนเตียงทำไมก่อน ผมขอนั่งกับว่านเขาก็ไม่สะดวก คนเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันมานาน จะรังเกียจผมมันใช่เรื่องไหม
“รอนานไหมครับ”
ผมและว่านเห็นหมอวรพงศ์เข้ามาแล้ว ผมทักทายไปตามมารยาทแต่ความจริงผมหวาดกลัวมากเพราะตอนนี้ผมกลับไม่ไว้ใจใครอีกต่อไป ขนาดแฟนผมตอนนี้เขายังมีท่าทีแปลกไป นี่พวกเขาตั้งใจจะทำอะไรผมลับหลังโดยที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ผมว่านาทีนี้ถือว่าชี้เป็นชี้ตายผมมาก ผมต้องหาโอกาสหนีให้ได้
“เดี๋ยวก่อนสิพิชชา คุณจะไปไหนหมอมาแล้วนะ”
“เรา... หิวจะไปซื้อของกินน่ะ”
“เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน”
“เราลืมของไว้ที่บ้านยังไงเดี๋ยวเรากลับมา...” ไม่ว่าผมจะขัดขืนหรือพยายามเบี่ยงเบนเพื่อทำทีออกไปข้างนอกไปตามสถานการณ์ปกติ ทั้งที่ผมตั้งใจจะหนีแต่ว่านกลับดักคอไม่ให้ผมไปไหนเลย ผมจะก้าวหนีหรือเดินไปข้างหน้า เขาก็ระแวงจะตามผมไป เขาเริ่มไม่ใช่คนเดิมเข้าไปทุกทีแล้ว
“ช่างเถอะ”
“คุณพิชชาหิวเหรอครับ ผมพอจะมีอะไรให้ก่อนนะครับ” หมอวรพงศ์ถือถาดใส่ขนมปังและนมสดมาให้ผม เขาทำตามความต้องการผมดีมากแต่ผมไม่ต้องการแล้วดีกว่า ผมไม่หิวแล้วแต่หมอพยายามยัดเยียดให้ผมกินให้ได้ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย ผมจำใจดื่มระหว่างยกแก้ว สายตาของหมอวรพงศ์และว่านมองมาทางเดียวกัน ผมชักระแวงแล้วว่าเขาต้องการอะไร ผมค่อย ๆ ดื่มช้า ๆ หลอกตาพวกมันไปแล้วกัน
“งั้นเดี๋ยวคุณว่านออกไปรอก่อนนะครับ”
หมอวรพงศ์บอกให้ว่านออกไปรอข้างนอกก่อน ผมจะได้เริ่มรักษาพิชชาทันที การรักษาของผมก็ไม่ต่างอะไรจากรอบก่อนมาก แต่รอบนี้ผมขอใช้ยาแรงเพื่อทำให้หายจากโลกแล้วกัน ผมสังเกตว่าพิชชาหลับไปแล้ว ผมหยิบไม้ขีดไฟออกมาก่อนจะจุดมันให้เกิดแสงไฟสีส้มจากปลายไม้ขีด ผมเห็นท่าทางสะดวกแล้วถึงเวลาจัดการอย่างไม่ลังเล
“ม... หมอ... นี่มันไม่ใช่วิธีรักษาผมแล้วนะ”
ผมตกใจลุกขึ้นมาหลังจากยาสลบไม่ออกฤทธิ์ แต่ความจริงผมคายมันทิ้งตั้งแต่หมอและทุกคนใส่อะไรลงไปให้ผมดื่มก่อนเข้ารักษาตัว ผมไม่รู้ว่าการรักษาอาการนอนไม่หลับและฝันร้ายต้องมัดตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วยขนาดนี้หรือไง มัดด้วยเชือกหลายเส้นจนเลือดผมไม่เดินจะตายผิวขาวซีดแล้ว
“ตื่นมาแล้วก็รู้ความจริงสักทีนะ”
“มึงยังไม่ตายห่าอีกเหรอ กูเลิกกับมึงไปนานก็น่าจะปล่อยกูไปมีชีวิตที่ดีได้แล้ว ไม่ใช่ให้กูมาจมกับอดีตระยำของมึง” ผมไม่อ้อมค้อมแล้ว ขอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้ไปเลยแล้วกัน มันทำให้ชีวิตผมมีปัญหาไม่พอ ตอนนี้ยังจะทำให้ผมตายทั้งเป็นอีก ต้องทำแบบนี้ถึงจะสาแก่ใจด้วยการให้ผมตายใช่ไหม
“คิดว่ากูจะปล่อยมึงไปเหรอไอ้พิชชา ไอ้ชิษณุ”
“นั่นมันชื่อพ่อกู ไม่มีมารยาท”
มันไม่พอใจถึงขั้นตบหน้าผมเต็มแรง ผมเจ็บแทบน้ำตาเล็ดเพราะคนอย่างพงศ์ มันตัวใหญ่ แขนขาแน่นและทรงผมเซอร์กะลาครอบและต่างหูวงกลมนี่แหละทำให้ผมหวาดกลัวไม่หายเพราะเขาคือผู้ชายในฝันที่ตามหลอกหลอนผมไม่หยุด และตอนนี้เขากำลังจะปลิดชีวิตเพื่อจบความแค้นทั้งหมด ผมพยายามลุกหนีแต่ทำไมขาผมไม่มีเรี่ยวแรงราวกับฉีดยาชาเพิ่มปริมาณเกินขนาด ผมแทบจะเดินไม่ได้กลายเป็นคนพิการแล้ว
“ไม่น่าเลยนะพิชชา น่าจะมีชีวิตใหม่กับผู้ชายดี ๆ แล้วแต่น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกู”
“ไอ้เลวว มึงกับว่าน...”
“อ้าวที่รัก หายแล้วเหรอ”
“อ๊ากกก ไอ้พวกเลว”
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งสามคนจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกผมทุกกรณีและตอนนี้มันกำลังจะปลิดชีวิตผมทันที มันเตรียมการมาอย่างดีพร้อมจัดการผมให้ได้ ผมเห็นบรรยากาศห้องรักษาที่นี่มันไม่ใช่ห้องของหมอวรพงศ์ จะเรียกว่าหมอก็ไม่ได้เพราะมันไม่ได้เป็นตั้งแต่แรก ต้องเลวขนาดไหนเอาวิชาชีพอันสูงส่งมาหลอกลวงไร้จรรยาบรรณเช่นนี้ ผมอยากจะหนีมากแต่ร่างกายอ่อนแรง ถ้าคลานด้วยความช้า แต่แรงพวกมันปกติ ยังไงผมก็หนีไม่รอดอยู่ดี
“กลัวแล้วเหรอ ตอนได้กับเพื่อนกู มึงไม่รู้สึกเอะใจเหรอ” ผมพยายามคิดในตัวว่าน จะว่าไปตั้งแต่ผมคบกันมาผมไม่เคยเห็นว่านไปกับเพื่อนคนไหน ผมไม่รู้ว่าเขามีสังคมเพื่อนในชีวิตนี้หรือไม่ เวลาผมส่องเฟซบุ๊คของเขาผ่านเครื่องผม เขาปิดรายชื่อเพื่อนและปิดข้อมูลบางอย่างไม่ให้ผมเห็น ผมแอบไปดูโทรศัพท์เขาแล้ว ทุกอย่างผมค้นหาไม่เจอเลย ทำไมต้องซ่อนความลับละเอียดขนาดนั้นด้วย
“เชี่ย...”
“และรู้ไหมว่าวันครบรอบของกูเหมือนใครล่ะ กูก็ใช้วันเดียวกับวันที่พงศ์มันควรได้รับ แต่มันไม่เคยได้อีกครั้ง” ผมบอกกับพิชชาว่าวันครอบรอบของผมปีนี้มันควรจะเป็นของพงศ์ แต่น่าเสียดายที่พิชชาไม่ต้องการมันก่อน ผมเลยใช้วันนั้นเป็นการสวมรอยต่อจากพงศ์ ในเมื่อการถูกปฏิเสธความรักมันแย่และไม่สมควรเป็น ผมเห็นว่ามันไม่ถูกต้องก็ต้องทำให้มันถูกแลกมาด้วยการจบชีวิตคือสิ่งที่สำเร็จ
“พวกมึงไม่ตายดีแน่”
“คิดว่าเวลานี้มึงจะไปแจ้งตำรวจงั้นเหรอ” ผมไม่ยอมให้พิชชาหนีออกไปจากที่นี่ได้หรอก เมื่อพิชชาชนผมและผลักผมออกไป ผมสั่งให้พงศ์และดิวเลอร์วิ่งตามไปดักให้ได้ ผมไม่อยากให้มันหลุดไปและไปขอความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น
ผมวิ่งหนีออกมาด้วยความหวาดกลัวที่สุด ผมหนีลงบันไดก้าวลงด้วยความรวดเร็วแต่ยังมีสติอยู่ ก้าวพลาดตกคอหักมาตายแบบอนาถกว่าโดนฆาตกรตามล่าก็ไม่ใช่เรื่อง ผมเห็นว่าทางสะดวกแล้ว ผมวิ่งหนีถอดรองเท้าออกเพราะกลัวว่ามันจะได้ยินเสียงดังกว่าเท้าเปล่า ผมต้องระวังตัวให้มากที่สุด
“เชี่ย...”
ผมหนีไปไหนทำไมพวกมันรู้ตัวหมดเลย ผมหันหลังก็เจอพวกมันอีกสองคนดักไว้ ให้ตายสิพวกมันรู้ได้ยังไงว่าผมหนีไปไหน ผมยืนนิ่งกวาดกลัวมากและเหมือนผมจนมุมแล้ว
“คิดว่ามึงจะหนีไปไหนได้เหรอพิชชา”
วรพงศ์หยิบเครื่องติดตามออกมาและพิกัดผ่านจอ ผมช็อกจนพูดไม่ออกไม่คิดว่ามันจะฝังเครื่องติดตามไว้ในร่างกาย ตั้งแต่มันให้กรอกรหัสความฝันและแบบประเมินบ้า ๆ อีก แสดงว่ามันแอบติดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ผมก้าวขาถอยหลังแต่พวกมันวิ่งตามทัน ผมกรีดร้องโวยวายเมื่อผมรู้ทุกความจริงว่าที่ผ่านมาคือผมถูกหลอกให้รักและยังไม่ใยดีจะฆ่าผม ผมดิ้นทุรนทุรายเพื่อหนีให้ได้ แต่มันสายไปแล้ว มันจับผมนอนกับพื้นพร้อมหยิบไม้ขีดไฟออกมาในขณะที่ผมดิ้นพล่าน
“ลาก่อนนะพิชชา ไว้เจอกันในนรกแล้วพวกกูอาจจะตามไปก็ได้” วรพงศ์เห็นว่าญาติของผมเสียไปก่อนแล้ว คนในรูปที่มันเห็นนั่นคือพ่อผม และผมก็จะทำทุกอย่างให้พ่อเห็นว่าผมสามารถจัดการคนที่ทำร้ายผมได้ คนที่หลอกรักผมและทิ้งไม่ใยดี ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะสบายและยังมีลมหายใจอยู่ ผมต้องอดทนแค่ไหนรอเวลาจัดการได้ และผมพร้อมแล้วที่จะปลิดชีวิตมัน คงไม่ต้องขืนใจมันหรอกเพราะหลายปีก่อนก็เสียตัวให้ผมแล้ว คงไม่ต้องมารำลึกความหลังเผาทันที
“อ๊ากกกก”
ผมไม่คิดเลยว่าอุปกรณ์ฆาตกรรมของมันคือครีมเทียม ยาทุกชนิดที่มันให้ผมกินมีส่วนผสมของครีมเทียมทุกเม็ด แล้วของพวกนี้ถูกคิดค้นมาเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วมันจะแตกตัวเป็นผงเกาะตามร่างกาย เมื่อมันจุดไฟโยนใส่ปาก ผมกรีดร้องทุรนทุรายแทบจะตายทันที ความร้อนจากไฟทำผมทรมานแทบจะทนต่อไม่ได้ ผมกรีดร้องชักและโอดโอยอย่างทรมานที่สุด ไฟลุกครอกปากปิดกั้นลมหายใจ เท่ากับว่าปอดจะพังให้ได้ ผมกำลังจะตายแต่พวกมันสามคนมองผมด้วยสายตาแห่งความสะใจ
“อ๊า...ก...”
ผมทรมานจนหมดลมหายใจตายไปในที่สุด เมื่อผมไม่สามารถทนไฟที่ลุกในปากลามไปในร่างกายร้อนระอุจนจะไหม้ไปทั้งตัว มันต้องเลวระยำและเลือดเย็นเกินกว่ามนุษย์ขนาดไหน เอาครีมเทียมสะสมไว้ในร่ายกายผมรอวันที่จุดไฟให้มันไหม้ไปทุกส่วนภายในร่างกาย แผนการของมันร้ายและเลวที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาในชีวิต ผมจากไปอย่างทรมานและหมดลมหายใจในที่สุดแบบไม่หวนกลับมา
หลังจากนั้น
พงศ์คืนร่างแล้วทำลายชุดกราวน์และอะไรที่เป็นวิชาชีพทั้งหมดออกไป มันหมดเวลาเล่นละครของผมแล้ว ผมอยู่ในอาคารแห่งนี้ที่ชั้นสามใจกลางอาคาร ผมตั้งเตาขนาดใหญ่รอให้ความสุกของมันได้ที่ ผมจะได้เอาวัตถุดิบดี ๆ ที่ภายนอกสดใหม่แต่ภายในไฟลุกจนเนื้อในน่าจะไม่เหลือชิ้นดีของพิชชาแล้ว เนื้อมนุษย์นี้มันน่าลองมากเลยล่ะ
“เตาได้ที่แล้วพงศ์”
ดิวเลอร์เห็นว่าเตาได้ที่แล้ว ผมบอกให้ทั้งสองค่อย ๆ วางร่างของพิชชาไว้บนตะแกรงยาว พวกเราสามคนถือได้ว่าวิปริตขั้นสุดและนี่มันก็ถึงเวลาเชือดแบบไม่มีใครกล้าทำ ผมบอกเลยว่าถ้าตัดอวัยวะขายไปก็คงขายไม่ได้เพราะเนื้อคนเลว ราคาขายถูกกดไม่เหลือชิ้นดีและเอาไปขายก็คงเสียเวลาอยู่ดี ในเมื่อคนที่ทำร้ายพงศ์มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ ผมก็จะช่วยจัดการให้ถึงนาทีสุดท้ายเอง ผมค่อย ๆ ตกแต่งผักและเครื่องเคียงอื่น ๆ บนเตาให้ความร้อนได้ที่ พอเสร็จก็ลงจานทันที
“พวกมึง ได้เวลาของโปรดพวกเราแล้ว”
“มันต้องแบบนี้สิ ดิวเลอร์ถือซะว่ากูหายคาใจและได้แก้แค้นแล้ว” ผมถือว่าทำแผนการสำเร็จแล้ว ได้ปลิดชีวิตพิชชาเพราะมันทำให้ชีวิตผมมีปัญหา ผมต้องทรมานรักษาตัวเพราะประสาทหลอนตั้งแต่วันที่มันบอกเลิกผมไป ผมขอโอกาสมันก็ไม่ให้ และครั้งนี้ผมก็ไม่ให้เช่นกัน ปล่อยตายอย่างทรมานและจัดการไม่ให้ตำรวจหรือใครมาสืบเจออีกต่อไป แค่นี้ก็ไม่มีใครมาจัดการพวกเราเขาห้องกรงอีกแล้ว การแก้แค้นของผมและทุกคนจบลงแล้ว หวังว่าจะไม่มีใครมาหลอกรักผมอีกล่ะ ไม่งั้นสภาพศพอาจได้เป็นสเต็กเนื้อมนุษย์แบบนี้ก็ได้
The End