7 - วิธีรักษาพิสดารจนเกือบตาย
“นี่มันห้องนอนเหมือนในฝันเราเลย”
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่คุ้นตาเพราะผมเคยนอนในฝัน ผ้าปูเตียง กลิ่นดอกไม้ในห้องเป็นน้ำหอมปรับอากาศ ชั้นหนังสือและโต๊ะตรงหน้า ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างมันคือสิ่งที่ตาผมเห็นด้วยความคุ้นเคย ผมค้นหาของในลิ้นชักเผื่อว่าในห้องนี้จะพบหลักฐานอะไรอีก
“เอกสารการรักษาโรคประสาท”
เอกสารที่เห็นในมือคือประวัติการรักษาโรคประสาทของใครบางคน ผมถือวิสาสะแกะเปิดดูเอกสารความลับ ตอนนี้ความสงสัยของผมทำให้ผมเริ่มทำเกินเลยเปิดดูทุกอย่างให้รู้ไปเลยว่าที่นี่ซ่อนความลับอะไรไว้บ้าง และผมก็เริ่มค้นหามันเจอบางส่วนแล้ว
“เชี่ย อ๊ากกก”
ผมเปิดดูเอกสารสิ่งที่อยู่ในซองมีทั้งประวัติการรักษาและรูปร่างกายของใครบางคนถูกตัดออกมาเป็นชิ้น ๆ สิ่งนี้มันคืออวัยวะมนุษย์ที่ถูกหักออกเป็นชิ้นราวกับแยกขายอย่างผิดกฎหมาย
“นาย...”
ชื่อของผู้รักษาผมคุ้นมากกว่าเดิมเมื่อชื่อและรูปที่ติดมุมขวาเป็นภาพผู้ป่วย ผมหน้าซีดปากสั่นเพราะความจริงตรงหน้าทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าไอ้คนที่มันอยู่กับผมทั้งชีวิตก่อนมาเจอว่านมันเป็นใคร ทุกบรรทัดที่ผมอ่านต่อให้ผมไม่เข้าใจภาษาแพทย์ แต่ผมเข้าใจตัวตนผู้ป่วยเพราะมันนี่แหละเป็นฆาตกรที่เข้ามาหลอกหลอนผม กว่ามันจะหายดี มันรอเวลาจัดการงั้นเหรอ
ผมหยิบโทรศัพท์มาแล้วถ่ายให้ว่านดูทุกซอกทุกมุมในบ้านหลังนี้ ผมต้องโทรหาเขาให้เขามารับผมให้ได้ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าผมกำลังมาเสี่ยงอันตรายกับเรื่องที่ไม่สมควรเกิดกับตัวผม
ไม่มีการตอบรับ
ไม่ว่าผมจะโทรหาว่านมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมรับสายผม ไม่รู้ว่าทำไมเวลานี้เขาต้องปิดเครื่องด้วย เรื่องสำคัญคอขาดบาดตาย ผมต้องหนีออกไปจากตอนนี้ให้ได้
แกร๊กก...
ผมได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาพบว่าดิวเลอร์เดินเข้ามาแล้วล็อกประตูทันที ผมตกใจเมื่อได้ยินกดลูกบิดประตูเป็นการล็อก มันไม่มีความจำเป็นเลยที่เขาจะต้องล็อกเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา เขาจัดระเบียบกางเกงวอร์มพร้อมเสื้อกันหนาวมีฮูทหนา ๆ จะว่าไปก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ใส่ชุดนี้สักหน่อย ทำไมถึงเปลี่ยนชุดเพื่อเข้ามาหาผมก่อนพากลับไปล่ะ
“เป็นไงบ้างล่ะ หาอะไรเจอไหม”
เขาถามผมปกติก็จริงแต่ว่าทำไมเขาใส่กางเกงวอร์มขายาวสีเทาแล้วมือต้องลูบเป้าตลอดเวลา ราวกับปลุกอารมณ์ทางเพศของเขาให้ตื่นตัว มันแปลกในสายตาผมมาก คนปกติเวลาคุยกันเขาไม่เอาเรื่องในที่ลับมาพูดหรือแสดงท่าทางให้อายปากหรอก ผมเริ่มหวาดกลัวแล้ว คนตรงหน้าอาจไม่ใช่คนดีอย่างที่คิดแล้วก็ได้
“ไม่อะ เราว่าเรากลับ...”
“จะกลับทำไม ตอนนี้เราก็อยู่กับสองคนแล้ว ไม่เห็นต้องกลัวเลย ผู้ชายด้วยกัน”
“นี่มันหมายความว่ายังไง...”
ผมว่าดิวเลอร์เริ่มทำตัวแปลก ๆ เมื่อเขาเดินเข้าบ้าน นิสัยและท่าทางเปลี่ยนไปจนผมเห็นได้ชัด เขามองหน้าผมด้วยสายตาพร้อมเฉือด แววตาพร้อมแผดเผาร่างกายผมให้ตายคาที่ เวลาเขาตาแดงขึ้นมาทีไร ความสะพรึงกลัวเริ่มส่งออกมาให้ผมเห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายแสนดีอีกต่อไป ผมเห็นเขาถือคัตเตอร์ในมือไว้ ค่อย ๆ เลื่อนใบมีดออกมาช้า ๆ นาทีนั้นผมตกใจกลัวเริ่มมีเสียงกรีดร้องเบา ๆ ออกมาด้วยความสะเทือนใจที่สุด
“ดิวเลอร์ นายเป็นอะไร”
“อยากรู้เหรอครับ เป็นแฟนผมก่อนสิ”
“เรามีแฟนแล้วนะ นี่นายเป็นอะไรอะ”
“คนแบบนาย ชอบผู้ชายแบดบอยก็ถือว่าเอาชีวิตมาทิ้งแล้ว เป็นของเราอีกคนได้ไหม” ผมเห็นว่าเขามีเจ้าของหัวใจแล้ว แต่ว่านี่มันคนที่เท่าไหร่กันล่ะ นับผมเป็นคนที่สามต่อจากว่านได้หรือยัง ผมพามาเฉลยความจริงแล้ว ต่อไปถึงเวลาของความตายแล้วล่ะ ผมโยนคัตเตอร์ลง รีบบุกไปหาพิชชาขณะเขากอดเข่าหวาดกลัวพร้อมคลานหนี
“จะหนีไปไหนครับที่รัก”
“อ๊ากกก”
ผมรีบจับกอดแล้วปิดปากพิชชาไม่ให้เขาหนีหรือขัดขืนผมเด็ดขาด นี่มันถึงเวลาที่ผมจะจัดการและทำทุกอย่างเป็นตัวแทนของใครบางคน ผมไม่ใช่ต้นเหตุที่แท้จริง เป็นเพียงตัวแทนร่วมมือกับตัวจริงเท่านั้น ผมจับกอดผลักนอนราบบนพื้น ผมยกแขนทำท่าวิดพื้นเป็นการพยุงตัวเองให้ผมยืดตัวคุยกับคนตรงหน้าให้ได้
“ขอเถอะ กูไม่ไหวแล้ว”
ผมไม่อยากเชื่อว่าดิวเลอร์จะหลอกผมมาขืนใจ เขาจับผมกางแขนแล้วทำการดูดคอผม เลียและกัดเต็มแรง ดูทรงแล้วคนแบบนี้เป็นผู้ชายซาดิสม์ที่ใครก็ต้องหนีออกไปให้ไกลที่สุด ผมกลัวจนร้องออกมา ผมรีบขัดขืนแต่ไม่เป็นผลเมื่อเขาตะโกนใส่ผม เสียงดังทำหวาดกลัวขนลุก ผมร้องไห้ออกมาเป็นการระบายความตื่นตระหนกที่ในชีวิตผมจะเจอในโลกความจริงแทนที่จะจบในฝันร้ายของทุก ๆ คืน
“จำไว้นะว่ากูอยากได้อะไร มึงต้องเป็นของกู”
“นายเป็นใครกันแน่”
ทำไมประโยค คำพูดและท่าทางของดิวเลอร์มันน่ากลัวและเหมือนคนที่ผมเห็นในประวัติการรักษา นี่มันคือการถอดแบบถอดจิตวิญญาณให้เข้ามาจัดการอีกคนเหรอ ผมรีบกลิ้งตัวขัดขืนแต่มันไม่ยอมจะจับผมทรมานให้ได้ ผมลุกขึ้นหนีแต่ไม่ทันการ มันดึงผมลงพื้นแล้วตบหน้าผมเต็มแรง มันเริ่มหมดความอดทนกับผมแล้วถึงได้ลงไม้ลงมือกับผู้ชายบอบบางแบบผม
“ชอบซาดิสม์นักนี่ งั้นมึงก็อ้าปากรอรับกรรมเลย”
“ไอ้ดิวเลอร์ ไอ้โรคจิต”
ผมเห็นมันถอดกางเกงวอร์มลงกองข้อเท้า เผยให้เห็นกางเกงในสีเลือดหมู เขานั่งยองก่อนจะเอามือทำท่าล้างตูดแหย่นิ้วเข้ากางเกงในครางออกมา ทำท่าโรคจิตแต่อาการของเขามันเหมือนผู้ชายคนนั้นไม่มีผิด ผมเดินทางมาถึงความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว ผมปิดตาแต่มันเอามือออกแล้วบอกให้ผมอ้าปากรอ มันถอดกางเกงในออก หยิบมาอูดจมูกให้ผมสูดดมกลิ่นกางเกงในอับ ๆ ที่เขาใส่มา
ผมดมกลิ่นกางเกงในมันจนเคลิ้มตามอารมณ์ได้ยังไง มันอาศัยจุดอ่อนความหื่นของผมเล่นงานงั้นเหรอ ผมขัดขืนแต่สุดท้ายมันจับหน้าผมเต็มแรงให้ปากผมครอบเอ็นอุ่นมัน ผมดูดและรูดแทนมือมันร้องครางออกมา ยืนอ้าขาตามระเบียบพัก เขาเอานิ้วแหย่รูก้นแทนที่จะใช้เซ็กซ์ทอย เหมือนนิ้วเป็นตัวปลุกอารมณ์ ร้องครางไม่หยุด ขย่มเอวให้มันคับปากผม บอกเลยว่าผมหายใจไม่ออก คาวและกลิ่นหืนมาก
“แรง ๆ สิครับที่รัก”
ผมต้องทำไปอย่างไม่เต็มใจ เขากำลังมีอารมณ์ทางเพศสุดขีด มันบอกให้ผมอมและรูดจนกว่ามันจะแตก ผมต้องฝืนทำอีกนานแค่ไหนตั้งแต่มีแฟนมาผมไม่เคยทำขนาดนี้มาก่อน ทำรสชาติและกิจกรรมเข้าจังหวะแรงแบบนี้ใครจะไปตั้งตัวถูก มันไม่ใช่วิธีการรักษาโรคที่ผมเป็น แต่เป็นการกระตุ้นให้อาการผมแย่กว่าเดิม
“อ๊าสส์ ซื้ดดด เชี่ย... แตกแล้ว”
ผมเอามือล้างรูตัวเองเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ ขย่มเสร็จผมปล่อยกระสุนนมข้นเข้าปากพิชชา ผมไม่ได้เอาน้ำออกมาหลายวัน ผมมาเพื่อการนี้โดยเฉาพะเลยก็ว่าได้ เวลาน้ำแตกมันทำให้ผมโล่งตัวมาก แข็งหลายวันปวดไปหมด ผมสั่งให้กลืนน้ำผมเข้าไป รสชาติคาว ๆ ของน้ำรักผู้ชายจะได้จำขึ้นใจและไม่หนีไปให้ผู้ชายอื่นรีดให้กิน
“เป็นเมียผมนะครับจะดูแลให้ดีที่สุดเลย”
“อ๊ากกกก”
ว่านไม่คิดเลยว่ามันจะตลบหลังผมด้วยการเอาแฟนผมหลอกไปหาความจริงแล้วขืนใจจนเสียน้ำให้กันแล้ว ผมทนไม่ไหวเอาที่ช็อตไฟฟ้าช็อตรูก้นให้มันดิ้นพล่านเป็นกุ้งเต้น เวลามันกรีดร้องจะได้จำว่าอย่ามาเล่นกับคนแบบผม เอาวิชาชีพมาทำอนาจารผู้ป่วยมันเสียจรรยาบรรณที่สุด
“ไอ้เลวว!”
“ว่าน ช่วยเราด้วย ฮือออ...”
ผมไม่คิดเลยว่าดิวเลอร์คิดจะเคลมแฟนผมด้วยการหลอกไปตามหาความจริงเสร็จ ทำการขืนใจแฟนผมอย่างไม่ใยดี ถ้ามันคิดจะทำแบบนี้ผมจัดการมันไปตั้งแต่แรกดีกว่าเพราะคนแบบนี้คิดไม่ซื่อ แต่ผมไม่อยากทำให้ตราบาปเพิ่มไปมากกว่านี้ ผมขอปล่อยมันไปก่อน อยากจัดการเรื่องของพิชชาให้จบก่อน เพราะน้ำหนักความเจ็บปวดน่าจะเป็นผมมากกว่าพิชชา ไม่งั้นผมไม่คิดช่วยออกมาหรอก
“ฮึกก ฮืออ...”
ผมหวาดกลัวมากเพราะไม่คิดว่าดิวเลอร์จะเข้าหาผมด้วยเจตนาไม่ดี เขาหวังดีพาผมไปย้อนอดีตแล้วทำไมถึงพาผมไปทำอะไรอย่างว่า ผมมีเจ้าของหัวใจแล้ว แล้วทำไมเขายังห้ามใจตัวเองไม่ได้ถึงมาขืนใจไม่ใยดี ผมกรีดร้องโวยวายแต่เหมือนว่าจะปลุกความต้องการของมันมากกว่าเดิม เป็นญาติเจ้าของโรงพยาบาลซึมซับเพศศึกษาฉ่ำจนค้นหาคำว่าศีลธรรมในใจไม่ได้เลยหรือไง
“ไม่ต้องกลัวนะพิชชา เราจะช่วยให้หลุดพ้นเอง”
เรื่องราวเริ่มแย่ลงมากกว่าเดิม ตอนนี้พิชชากำลังหวาดกลัวเพราะคำว่าผู้ชายคำเดียว นอกจากจะโดนหลอกหลอนในฝันแล้ว ในชีวิตจริงยังมีผู้ชายเข้ามาสร้างฝันร้ายมากกว่าเดิม นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ผมว่าผมต้องจัดการอะไรสักอย่างเพื่อให้พิชชาหายจากฝันร้ายที่ก่อขึ้นหนีไม่พ้นสักที
“มันเป็นใครกันแน่วะ...”
ผมคิดเองเออเองคงไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ ผมลองเข้ารหัสผ่านความฝันเพื่อตามหาความจริงบางอย่าง ผมกรอกรหัสหกตัวพร้อมหยิบแบบประเมินความฝันออกมา ผมนั่งดูอย่างตั้งใจอย่างถี่ถ้วน มองทุกรูปหารายละเอียดเล็กน้อยที่ซ่อนแนบเนียนจนผมอาจมองข้ามไป ผมจดทุกอย่างและหาความจริงต่อไป ผมได้อะไรมาหลายอย่างเลย มันอาจจะเชื่อมโยงถึงชายตัวจริง ผู้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พิชชาเป็นแบบนี้ เขาเป็นใครทำไมถึงอาฆาตพร้อมฆ่าให้ตายอย่างอนาถ พอผมสืบได้ทุกอย่างถึงคำตอบแท้จริงแล้ว
“หึ... กูรู้ตั้งนานแล้วล่ะ...”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าเรื่องราวจะเป็นแบบไหน และผมรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากอะไร สาเหตุและต้นเหตุ จะให้ขุดตัวแปรต้น ตัวแปรตามมาเลยก็ได้ ผมอยู่ในแผนการของทุกคนอยู่แล้ว หลังจากนี้ไปชีวิตของพิชชาจะตายแบบทรมานและจบอย่างไปสบาย ชอบนักเหรอการทำร้ายผู้ชายด้วยกัน มันไม่น่ารักเอาเสียเลย
“อีกไม่นานมึงได้ไปสบายไม่ต้องรอยมบาลมารออ่านกรรมมึงหรอก ตายแบบใหม่แบบสับ เอาฉ่ำ ๆ ยิ่งกว่าหมูสับก็สมควรแล้ว ฮ่า ๆ ๆ”