“ฝันตกงานไม่ได้ แม่กำลังป่วยหนัก ฝันขอร้องนะคะคุณพิชญะ คุณครองภพ อย่ารายงานเรื่องนี้”
เธออ้อนวอนขอร้องทั้งพิชญะและครองภพพร้อมกับเช็ดน้ำตาป้อยๆ ดูน่าสงสารไม่น้อย
ชายหนุ่มคิดว่าโอกาสนี้แหละเหมาะสมที่สุด
“ถ้าคุณไม่อยากตกงานก็พูดความจริงมา เมื่อวานคุณเข้าไปในเต็นท์ของผมด้วยจุดประสงค์อะไร ผมไม่เชื่อหรอกนะที่คุณบอกว่าเป็นแฟนคลับ”
“พูดความจริงมาค่ะชะนีน้อย”
“ฝัน เอ่อ ฝัน”
“ผมสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องทุบกระจกรถครับพี่พิชชี่” เขาเห็นเธอลังเลจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ก่อนจะส่งสายตาให้พิชญะช่วยเล่นละครอีกแรงเพื่อบีบบังคับให้หญิงสาวยอมคายความจริงทั้งหมด
“ตายจริง หน้าตาออกจะซื่อบื้อไม่น่าเป็นคนร้ายเลย”
ผู้จัดการสาวในร่างชายแต่ใจหญิงตีบทแตกทำให้ผู้ร้ายสมัครเล่นกลัวจนลนลาน
“ไม่จริงนะคะ ฝันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น” สาวแว่นโบกไม้โบกมือปฏิเสธ หน้าซีดปากสั่นไปหมด กลัวตนเองจะกลายเป็นแพะรับบาป
“คุณกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย คุณก็เห็นข่าวนี่เกิดอะไรขึ้นกับผม ไม่แน่นั่นอาจจะเป็นฝีมือของคุณเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผม หรือไม่คุณก็คือคนที่ต้องการทำร้ายผม”
“พี่พิชชี่เห็นด้วยค่ะ แจ้งตำรวจงานนี้ต้องแจ้งตำรวจ”
“โทรเลยครับพี่พิชชี่”
“เดี๋ยวค่ะอย่าแจ้งตำรวจนะคะ ฝันบอกแล้ว แต่ขอร้องได้ไหมอย่าแจ้งตำรวจ”
“ถ้าคุณไม่โกหก ไม่ตุกติก ผมจะทำตามที่คุณบอก พูดความจริงมาให้หมด”
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ...”
เบญญาพรหน้าซีดตัวสั่นนั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่าตั้งแต่เหตุการณ์ที่รู้ว่ามารดาโดนรถชน ตอนนั้นเธอกำลังจะกลับบ้านอยู่ๆ ก็มีคนติดต่อมาบอกว่าให้ไปที่โรงพยาบาลด่วนเพราะแม่ของเธอถูกรถชน
หลังจากเข้าโรงพยาบาลได้สองวัน เธอก็เครียดเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหนจ่ายค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าห้อง ค่ารักษาต่ออีก เวลานั้นมันมืดแปดด้านไปหมดจริงๆ
แต่แล้วก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าจะช่วยเธอเรื่องค่าใช้จ่าย แลกกับการทำงานบางอย่าง งานไม่ยากแค่วางยาครองภพ คนผู้นั้นบอกว่ามันเป็นแค่ยาถ่ายเธอถึงยอมรับงานนี้
“แล้วคุณก็เชื่อมัน คุณคิดน้อยไปไหม”
ชายหนุ่มตำหนิหญิงสาว ก่อนจะมองเลยไปยังขวดยา ที่เธอเอาออกมาวางตรงหน้า
“...” สาวแว่นพยักหน้ายอมรับ นาทีนั้นเธอคิดน้อยจริง ในหัวมีแค่เรื่องเดียวคือรักษาแม่
“แล้วถ้ายาขวดนั้นมันคือยาพิษ คุณจะกลายเป็นฆาตกรทันที”
“มันจะร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ผมไม่เข้าใจคุณเลย รับทำงานนี้ได้ยังไง”
“ก็คุณครองภพไม่ได้เป็นฝัน ไม่มีทางเข้าใจหรอก ช่วยแม่สำคัญที่สุด ใครให้ทำอะไรก็ต้องทำ”
“แล้วคุณเอาอะไรมามั่นใจว่ามันจะไม่หักหลังคุณ”
“ไม่มีค่ะ”
“คุณนี่นะ ทำไมถึงได้ เฮ้อ…”
“แต่ถ้าฝันไม่ทำอะไรเลย ฝันก็ไม่มีโอกาสจะรักษาแม่”
“คุณก็เลยเลือกที่จะเสี่ยงงั้นเหรอ”
“ค่ะ เพราะมันจำเป็น”
“อย่าเพิ่งเชื่อค่ะน้องไม้ ยัยชะนีใส่แว่นคนนี้อาจจะกำลังกุเรื่องหลอกเรา” พิชญะโพล่งออกมากลางปล้องหลังจากฟังมาได้สักพัก วิธีเรียกคะแนนสงสารแบบนี้เขาเห็นมาบ่อย
คนที่ดูซื่อบื้อนี่แหละโคตรน่ากลัว ดีไม่ดีเรื่องราวทั้งหมดอาจจะเป็นแค่กลลวงเพื่อให้ครองภพตายใจ จากนั้นก็ค่อยตลบหลังอย่างเลือดเย็น
“เรื่องจริงค่ะ ฝันไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่มันจำเป็น คุณครองภพกับคุณพิชญะลองถามโรงพยาบาลก็ได้ แม่ของฝันกำลังรักษาตัวจริงไหม” หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยความจริงใจ
“ไม่ต้องมาบอก เราสองคนสืบข้อมูลแน่นอน” พิชญะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร บอกตามตรงตอนนี้เขาไม่ไว้ใจเธอ
“เกิดมาอายุเท่านี้ผมยังไม่เคยเจอใครซื่อจนบื้อเท่าคุณเลย”
ครองภพส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เบญญาพรรับทำงานนี้เพราะแม่ป่วยหนักโดยไม่มีอะไรมาค้ำประกัน คิดน้อยไปไหม
“คุณครองภพกับคุณพิชญะอย่าแจ้งความเลยนะคะ อย่าบอกคุณกิ่งด้วย ฝันไม่อยากตกงาน ฝันขอร้อง”
“ไม่”
“ได้”
“น้องไม้คะ ทำไม...”
“ผมมีแผนครับ ส่วนคุณก็ต้องร่วมมือกับผม ถ้าไม่อยากติดคุกและไม่อยากตกงาน”
“ร่วมมือยังไงคะ แล้วแม่ของฝัน” เธอถามด้วยน้ำเสียงกังวลกลัวมารดาจะไม่ได้รับการรักษา
“เรื่องแม่ของคุณผมจัดการเอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แผนต่างๆ วิ่งวนอยู่ในหัว รวมถึงเรื่องการรักษามารดาของหญิงสาว
“น้องไม้มีแผนยังไง อย่าบอกนะคะว่าน้องไม้จะใช้แม่คนนี้เป็นเครื่องมือหาตัวคนร้าย”
“ครับ ผมอยากรู้คนร้ายเป็นใคร ทำไมต้องทำร้ายผมครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนฝันนี่แหละเหมาะสมกับงานนี้มากที่สุด”
“ฝันยอมทำทุกอย่างขอแค่แม่ปลอดภัย ได้รับการรักษาต่อ คุณครองภพจะให้ฝันบุกน้ำลุยไฟ ฝันทำได้หมด ฝันไม่ได้อยากทำร้ายคุณจริงๆ”
“ครั้งนี้ผมจะเชื่อคุณ”
“น้องไม้คะ แม่นี่หน้าตาซื่อบื้อก็จริงแต่จะไว้ใจได้เหรอ”
“ผมไว้ใจคุณได้ไหมคุณเหมือนฝัน”
“ได้ค่ะ ฝันยอมให้ความร่วมมือทุกอย่างแลกกับเรื่องแม่”
“ดี ผมจะจัดการเรื่องแม่ของคุณเอง ส่วนคุณมีหน้าที่ทำตามแผนของผมก็พอ ผมสั่งอะไรคุณก็ต้องทำตามนั้น ตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ”
“ดี พี่พิชชี่ครับไม่ต้องห่วง ผมดูแลตัวเองได้”
“ก็ได้ค่ะ ส่วนหล่อนถ้าทำให้น้องไม้เดือดร้อนละก็โดนฉันจัดการแน่”
“ขอบคุณค่ะ ฝันสัญญาจะไม่ทำให้คุณครองภพเดือดร้อนแน่นอน” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตายกมือขึ้นมาไหว้ ขอบคุณทั้งสองคนจากใจ อย่างน้อยการได้ร่วมมือกับครองภพ ก็ดีกว่าคนผู้นั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ครองภพไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงได้เชื่อในสิ่งที่เบญญาพรพูด รู้เพียงแต่ว่าสายตาของเธอไม่ได้โกหก เธอกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาเท่านั้นที่ช่วยเธอได้
พิชญะถึงแม้จะไม่เชื่อเบญญาพรร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เชื่อในสายตาของพระเอกหนุ่มจึงยอมถอยหนึ่งก้าว
“งั้นก็แยกย้ายค่ะ หลังจากถ่ายละครเสร็จเราค่อยมาวางแผนกัน”
“ครับพี่พิชชี่คนสวย”
“ค่ะคุณพิชญะ”
“พิชชี่ก็พอ ไม่ต้องพิชญะ”
“ค่ะคุณพิชชี่”
“ผมเตือนคุณอีกครั้ง อย่าหักหลังผม ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้”
ชายหนุ่มขู่เสียงเข้มแววตาดุดันทำให้หญิงสาวขนลุกเกรียว รีบผงกศีรษะรับปากน้ำเสียงหนักแน่น
เธอจะไม่หักหลังเขาและไม่มีวันทำให้เขาเดือดร้อนแน่นอน ขอแค่เขาช่วยแม่ของเธอก็พอ เท่านั้นจริงๆ ที่ต้องการ
“ไหนๆ ก็เข้าใจกันแล้ว ฝันขอบอกตามตรง ฝันไม่ได้เป็นแฟนคลับคุณครองภพจริงๆ ไม่เป็นเลยสักนิด อนาคตก็ไม่มีทางเป็น คือฝันไม่ชอบผู้ชายหน้าตาแบบคุณครองภพค่ะ”
เบญญาพรมีนิสัยชอบพูดตรง คิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น เธอไม่ชอบเขาก็บอกว่าไม่ชอบ มันผิดตรงไหน และคิดว่าบอกก็ดีครองภพจะได้สบายใจที่ไม่ได้มีเธอเป็นแฟนคลับ
“...” พระเอกหนุ่มถึงกับอึ้ง รู้สึกเสียความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติมีแต่สาวกรี๊ดกร๊าด ยัยป้าแว่นเป็นคนแรกเลยที่ทำท่าทางเหมือนรังเกียจ เขาเป็นพระเอกแถวหน้าของช่องเลยนะ หล่อ รวย นิสัยดี ครบสูตร มีอะไรให้ไม่ชอบ
“ส่วนเรื่องเมื่อกี้ที่เราจูบกันมันเป็นอุบัติเหตุ คุณครองภพอย่าคิดมากนะคะ ฝันไม่ถือสา”
“แบบนั้นเขาไม่เรียกจูบ รู้ไว้ด้วยคุณป้าแว่น”
“แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าจูบ”
คำถามของเบญญาพรทำให้ครองภพกลายเป็นคนใบ้สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหลังจากพินิจพิจารณารูปร่างหน้าตาของสาวตรงหน้า รู้แล้วทำไมหญิงสาวถึงแยกแยะเรื่องจูบไม่ออก
“คุณไม่เคยมีแฟน?”
“ไม่เคยค่ะ”
“อืม ก็สมควร”
เขาคิดว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์จูบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะดูจากลักษณะท่าทางแล้วไม่น่าจะมีใครมาจีบ ผู้หญิงซื่อบื้อดูฉลาดน้อยแบบนี้ผู้ชายคนไหนจะมาชอบ
ดูเสื้อผ้าที่ใส่อยู่สิไม่ต่างจากรุ่นคุณป้า แว่นตาบนหน้าก็หนาเตอะเหมือนเด็กเนิร์ด ไหนจะริมฝีปากซีดเซียวเหมือนศพนั่นอีก ดูจืดไปทุกสัดส่วนไม่เห็นน่ามองตรงไหน
เขาคนหนึ่งไม่มีทางพิศวาสเธอแน่นอน