“เสด็จพ่อ ลูกมีเรื่องขอทูลปรึกษาพะย่ะค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“ท่านราชเลขาอายุมากแล้ว ลูกเป็นห่วงสุขภาพท่านราชเลขา หากต้องคอยดูแลจัดการงานให้ลูก กว่าจะได้นอนดึกๆดื่นๆ ทุกวัน เกรงว่าสุขภาพท่านราชเลขาจะทนไม่ไหว”
“จะพูดอะไร พูดมาตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม” คิงส์ลูตินรู้ทัน
“ลูกอย่างให้ท่านราชเลขาเปเฟียวนาได้พักผ่อน และอยากแต่งตั้งแดเนียลเป็นราชเลขาของลูกแทนพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
“ท่านราชเลขาไปขัดใจอะไรแกใช่ไหม”
“ใช่ พะย่ะค่ะ”
“แล้วถ้าพ่อไม่ยอมหละ”
“ราชเลขาอายุปูนนี้แล้ว ถ้าเสด็จพ่อไม่ยอม ลูกจะใช้งานราชเลขาแบบไม่พักเลย ดูสิจะทำงานไหวได้อีกแค่ไหนกัน” รัชทายาทตอบหน้าตาเฉย รัชทายาททรงเปลี่ยนไปมากจริงๆ คงเป็นผลมาจากที่ทุกคนคอยสั่งให้เขาทำ จนตอนนี้เขานิสัยเย็นชาเหมือนหุ่นยนต์ไปแล้ว
“นี่รัชทายาท!!” คิงส์ลูตินทรงโกรธ
“ลูกไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนราชเลขาเอง แต่ลูกมีสิทธิ์เต็มที่ให้ราชเลขาทำงาน” เขาทนมามากแล้ว ถึงขีดจำกัดเขา แค่ให้หยุดรถพระที่นั่งเขายังทำไม่ได้
“รัชทายาท อีกไม่นานตำแหน่งคิงส์ ก็จะเป็นของเจ้า ท่านราชเลขาเป็นคนที่มีความรู้ จะช่วยรัชทายาทในอนาคตได้อีกมาก” คิงส์ลูตินอยากให้รัชทายาทมีคนที่ช่วยเหลือและตักเตือนเวลาทำไม่ถูกต้อง
“เสด็จพ่อคิดว่า ราชเลขาเปย์เฟียลาจะอยู่ช่วยลูกได้อีกนานแค่ไหน การที่ลูกจะเปลี่ยนเป็นแดเนียล ลูกย่อมมีเหตุผล”
“ไหนรัชทายาทลองบอกเหตุผลพ่อมาซิ”
“ การที่ลูกให้แดเนียลขึ้นเป็นราชเลขา ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้แดเนียลได้ฝึกประสบการณ์และสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อในอนาคตแดนเนียลจะได้ช่วยลูก หากลูกจะต้องขึ้นไปเป็นคิงส์จริงๆ”
“พ่อไม่ได้ขัดถ้าแดนเนียลจะขึ้นมาเป็นราชเลขาให้ลูก เพราะพ่อรู้ดีว่าแดเนียลเป็นคนอย่างไร แดเนียลมีความภักดีและซื่อสัตย์ต่อลูกมาก ทำงานได้ดี แต่ข้อเสียของแดเนียลอย่างเดียวคือตามใจรัชทายาทเกินไป” คิงส์แสดงความคิดเห็น ซึ่งข้อเสียของแดเนียลนี่แหละคือสิ่งที่รัชทายาทต้องการ
ทุกวันนี้รัชทายาทแทบหายใจไม่ออก รู้สึกอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง คงมีแต่แดเนียลนี่แหละที่เขายังพอพูดคุยเล่นได้โดยไม่ต้องวางตัวเป็นรัชทายาท
“แล้วถ้าไม่ให้แดเนียลฝึกตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าท่านราชเลขาเกิดอะไรกระทันหันขึ้นมา ไม่ยิ่งแย่หรือพะย่ะค่ะ” รัชทายาทพยายามโน้มน้าวคิงส์ลูติน
“ก็จริงของรัชทายาท”
“แล้วเสด็จพ่อ จะทรงตัดสินพระทัยเช่นไร”
“แล้วรัชทายาทจะทำอย่างไรกับท่านราชเลขา”
“ปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นเป็น*ลอยจ์ แล้วส่งกลับไปอยู่กับลูกหลานที่บ้าน รับคนในตระกูลเข้ามาทำงานในวัง 1 คน ตำแหน่งตามความสามารถ เสด็จพ่อคิดว่าเป็นเช่นนี้ดีไหมพะย่ะค่ะ”
“คิดมาหมดแล้วสินะ ตามใจรัชทายาทแล้วกัน แต่เรื่องแดเนียล พ่อคงต้องกำชับหนักๆ หน่อย เรื่องการตามใจรัชทายาท ก็คงได้”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
รัชทายาทเสด็จกลับวังที่ประทับ รอฟังประกาศ
“แดเนียล เรามีเรื่องต้องบอกเจ้า”
“เชิญพูดมาได้เลยพะย่ะค่ะ”
“เราทูลขอเสด็จพ่อให้นายมาเป็นราชเลขาส่วนตัวเรา นายไปเก็บของเตรียมมาพักในวังเราเถิด”
“ รัชทายาททรงล้อหม่อมฉันเล่นหรือพะย่ะค่ะ”
“ หน้าเราเหมือนคนกำลังล้อเล่นเหรอ”
“แล้วท่านเลขาเปย์เฟียลาหละพะย่ะค่ะ”
“กลับบ้าน ไปพักผ่อน”
“นายไม่ต้องถามเยอะแล้ว เตรียมไปเก็บของพรุ่งนี้เข้าวังได้เลย”
“ พะย่ะค่ะ” เดินออกมางงๆ อยู่ดีๆ ทำไมรัชทายาทถึงเปลี่ยนตัวราชเลขา ทั้งที่ราชเลขาเปย์เฟียลาทำงานไม่เคยบกพร่องมาก่อน
“กระหม่อมมาทูลลาพะยะค่ะ” ราชเลขาเปย์เฟียลาถวายบังคมลารัชทายาทตามธรรมเนียมโดยไม่ถามเหตุผลใดๆ จากรัชทายาท เพราะราชเลขาพอจะเดาได้อยู่แล้ว
“ขอบคุณที่ท่านดูแลเรามาอย่างดี ขอให้ท่านมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต” รัชทายาททรงอวยพร
“ ขอพระทัยพะย่ะค่ะ”
“ ส่วนราชกิจของเราท่านก็ส่งต่อให้แดเนียลได้เลย แดเนียลจะมาทำหน้าที่ต่อจากท่าน”
“ กระหม่อมทราบแล้วพะย่ะค่ะ”
“ ออกไปได้”
“ พะย่ะค่ะ” ราชเลขาไม่เคยคิดเลยว่า แค่ไม่ยอมให้รัชทายาทหยุดรถในวันนั้น เรื่องจะบานปลายมาถึงขั้นนี้ วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมรัชทายาทถึงอยากหยุดรถ และทรงโมโหเขาได้มากมายเพียงนี้
“ แดเนียลนายมาพอดี เราอยากให้นายไปสืบเรื่องให้เรื่องหนึ่ง”
“ เรื่องอะไรพะย่ะค่ะ”
“ นายจำวันที่เราไปเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ แถวมหาวิทยาลัยคารีราย เราเจอผู้หญิงคนนึง หน้าตาคล้ายลดามาก เราอยากให้นายไปช่วยสืบให้ที ว่าคนที่เราเจอคือลดาหรือแค่หน้าตาคล้าย”
“ พระองค์ยังไม่ทรงลืมหญิงไทยผู้นั้นอีกหรือพะย่ะค่ะ”
“ เธอช่วยชีวิตเราไว้นะ เรายังไม่ได้ตอบแทนเธอเลย”
“ ตอนนั้นพระองค์ก็ส่งคนให้นำเงินไปมอบให้ที่เมืองไทยแล้วไม่ใช่เหรอพะย่ะค่ะ”
“ ใช่แต่คนของเรา ไม่พบลดา เราจึงยังไม่ได้ให้อะไรตอบแทนแก่เธอ”
“ ที่พระองค์อยากรู้เรื่องหญิงไทยผู้นั้น เป็นเพียงเพราะรู้สึกติดหนี้บุญคุณอยากตอบแทน หรือมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าพะย่ะคะ”
คำถามนี้ของแดเนียล เป็นคำถามที่รัชทายาทเองก็ทรงถามตัวเองมาหลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเขาเองเหมือนกัน ว่าเพราะอะไรทำไมตัวเขาถึงยังรู้สึกยึดติดกับลดา
“ตั้งแต่เล็กจนโตเราไม่เคยเห็นนายเป็นคนอื่น เราไม่ปิดบังนาย ตอนนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องขอให้เราได้ตอบแทนเธอก่อน หลังจากนั้นเราคงจะตอบนายว่า เรามีอย่างอื่นนอกจาก อยากตอบแทนบุญคุณหรือไม่” รัชทายาทจ้องหน้าแดเนียล เพื่ออยากให้เขาเข้าใจว่าที่ตัวเองพูดมาจากใจจริง
“กระหม่อมทราบแล้วพะย่ะค่ะ จะรีบส่งคนไปตามสืบ”
“ คงมีแต่นาย ที่รับฟังและเข้าใจเรา ขอบใจนายมาก”
หลังจากวันปฐมนิเทศ ผ่านมาสองวัน แล้วลดาถึง ได้เข้ามาเรียนคาบแรก และเธอตั้งใจนำหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดไปมาคืนด้วย
ลดาเดินเข้าไปในห้องเรียน นักศึกษาในห้องส่วนมากเป็นผู้ชาย มีผู้หญิงอยู่ไม่กี่คน เธอเลือกไปนั่งใกล้กับผู้หญิงคนหนึ่ง
“ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ”
“ ไม่มีค่ะนั่งได้เลย”
“ ขอบคุณค่ะ”
ระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอนทั้งสองคนก็ได้แนะนำตัวกัน ทำความรู้จักเพราะต่างมาเรียนที่นี่คนเดียวไม่มีเพื่อนและโชคดีที่ทั้งสองอาศัยอยู่บ้านพักละแวกเดียวกัน ทำให้ลดารู้สึกอุ่นใจขึ้นที่ได้มีเพื่อน เธอเป็นคนจีน มีชื่อจีนว่า หลินอี้หยวน แต่เธอยังมีชื่อภาษาอังกฤษเพื่อให้เรียบง่ายขึ้น เธอใช้ชื่อว่า เจนนี่หลิน หรือเรียกว่า เจนนี่ ก็ได้ ทั้งสองแลกเปลี่ยนไอดี LINE กัน เพื่อจะได้ติดต่อ และช่วยเหลือกัน ด้วยนิสัยทั้งคู่ยิ้มง่าย คุยเก่ง ทำให้สื่อกันไวมาก
“ไม่รู้ว่าอาจารย์ที่มาสอนคาบนี้จะดุไหมนะ” เจนนี่ถามลดา
“ นั่นสินะ”
“ถ้าหล่อ แต่ดุฉันก็ยอมนะ” เจนนี่หัวเราะ
นักศึกษาหลายคนรีบวิ่งเข้าห้อง นั่งกันอย่างเรียบร้อย คาดว่าคงเห็นอาจารย์กำลังเดินมาแล้ว
“ อาจารย์มาแล้วแน่เลย” ลดากระซิบ
“ นั่นสิ หน้าตาอาจารย์จะเป็นยังไงน้า จะหล่อหรือเปล่า” เจนนี่ยิ้ม
ชายหนุ่มสวมแว่นใส่เสื้อเชิ้ตขาว ไม่ติดกระดุมคอเม็ดบนสุดเดินเข้ามาแบบสบายๆ
“นั่นอธิการบดีนี่ จะมาสอนพวกเราเองเลยหรอ ” เจนนี่ตกใจ แต่ลดาตกตะลึงมากกว่า ‘ซวยแล้ว ลดาเอ้ย’
“เฮ้ย ลดา เธอตกใจขนาดนี้เลยเหรอ” เจนนี่ทัก
“ สงสัยฉันอาจจะเรียนไม่จบแล้วแหละ”
“ ทำไม ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยนะ”
ก๊อกๆๆ อาจารย์ที่เดินเข้ามาเคาะโต๊ะให้นักศึกษาเงียบ
“นักศึกษาสองคนนั้นคุยอะไรกัน” เค้าจ้องมาที่ลดาและเจนนี่
“ เปล่าค่ะ” เจนนี่รีบตอบ ส่วนลดาได้แต่เอามือบังหน้าตัวเองไว้
“ ทุกคนน่าจะรู้จักผมแล้ว แต่ผมยังไม่รู้จักพวกคุณเลย คาบแรกพวกคุณช่วยแนะนำตัวทีละคนให้ผมรู้จักหน่อยสิ”
“ ไม่รู้ว่าอธิการมีเมียหรือยังนะ” เจนนี่กระซิบถามลดา
“อยากรู้เรื่องอะไรเนี่ย” ลดาบ่น
“ ดูสิ ยังหนุ่มอยู่เลยได้เป็นอธิการบดีแล้ว แถมหล่อมากอีกต่างหาก คุณสมบัติดีขนาดนี้ คงไม่น่ารอดสาวๆ มาได้” เจนนี่วิเคราะห์
ทุกคนแนะนำตัว จนมาถึงเจนนี่
“ สวัสดีค่ะ ชื่อหลินอี้หยวน มาจากประเทศจีน หรือจะเรียกว่า เจนนี่ก็ได้ค่ะ”
“ ต่อไปคนสุดท้ายแล้ว แนะนำตัวหน่อยสิ”
ลดาที่พยายามเอามือปิดหน้าอยู่ตลอด ยืนขึ้น เพื่อแนะนำตัว
“ สวัสดีค่ะ ชื่อภัทลดา อมรพิพัฒน์ มาจากประเทศไทย หรือจะเรียกว่าลดาก็ได้ค่ะ” เธอรายงานตัวจบรีบนั่งลงทันที ‘ ขออย่าให้จำเธอได้เลย’
“ แนะนำตัวกันครบหมดแล้วก่อนจะเข้าบทเรียนกัน ผมอยากให้คุณลองวิเคราะห์ว่าคุณเห็นผมครั้งแรกคุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง” เสียงร้องกลียวกราวดังขึ้น ไม่คิดว่าอธิการบดี จะตั้งคำถามแบบนี้
“ งั้นเริ่มจากคนสุดท้ายที่แนะนำตัวก่อนแล้วกัน”
ลดาสะดุ้ง ยืนขึ้น
“ อาจารย์เป็นคนดี ชอบให้อภัย ไม่อาฆาต กับผู้ที่อายุน้อยกว่าค่ะ” ลดาตอบออกไป เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันหัวเราะเพราะเธอตอบคำถามได้แปลกมากจริงๆ แต่คนที่โดนพูดถึงกลับยิ้มมุมปาก ‘ฉลาดเอาตัวรอดไม่เบา’
“ ทำไมมีแต่คำชมหมดเลยล่ะ ผมไม่มีข้อเสียเลยหรอ”
“ ไม่ ไม่มีเลยค่ะ”
“ นึกว่าจะบอกว่าผมดูบื้อเสียอีก” มาไคพูดสวนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ลดาเม้มปากก้มหน้าลง ‘เขาจำเธอได้จริงๆ’
"อาจารย์ค่ะ หนูมีเรื่องอยากถามอาจารย์ค่ะ" คาโยสาวสเปนผมดำหน้าคม ตะโกนถามขึ้น
"ว่ามาสิ"
ลดารู้สึกขอบใจสาวผมดำคนนี้มาก ที่เรียกความสนใจจากอาจารย์ไป
"อาจารย์แต่งงานยังคะ" ว้าว วู้ว ....เสียงฮือฮาดังขึ้นในความใจกล้าของเธอ ที่กล้าล้อเล่นกับอธิการบดีที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหด และความเฉียบขาด ไม่งั้นคงไม่สามารถขึ้นอธิการบดีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
อาจารย์มาไค ลุ๊คซ์ เอาปากกาเคาะโต๊ะ เพื่อให้ทุกคนเงียบ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ผมหวังว่าเธอจะสนใจเรียนแบบที่สนใจเรื่องของอาจารย์นะ ไม่งั้นอาจารย์กลัวว่าเธอจะเรียนไม่จบ" ทุกคนในห้องปิดปากเงียบทันที
สายตาอาจารย์มาไค ที่แสนเย็นชา มองไปทั่วห้อง... นักศึกษาต่างหลบสายตา
*ลอยจ์ คือ ตำแหน่งท่านชาย ตำแหน่งสูงสุดของสามัญชนชาย ต้องได้รับการแต่งตั้งจากคิงส์เท่านั้น
**เลาจ์ คือ ตำแหน่งท่านหญิง ตำแหน่งสูงสุดของสมัญชนหญิง ต้องได้รับการแต่งตั้งจากคิงส์เท่านั้น