“ไอ้บื้อที่เธอด่า คือ อธิการบดีมหาลัยที่เธอเรียน”

1957 Words
“วันนี้ไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดมาอ่านฆ่าเวลาดีกว่า” ลดาเดินสำรวจในมหาลัย “คณะแพทย์ไปทางไหนนะ” ลดาเดินดูบรรยากาศ “สงบดีจัง ไม่รู้เวลาเปิดเทอม จะยังสงบแบบนี้ไหมนะ” “ขอโทษนะคะ คณะแพทย์ไปทางไหนคะ” เธอแวะถามผู้ชายนั่งไขว้ห้างสวมเสื้อสเว็ตเตอร์ตัวบางที่กำลังนั่งก้มหน้ากินแฮมเบอร์เกอร์คำโตอยู่ที่เก้าอี้ไม้ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยช ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอ แล้วชี้บอกทางให้ แล้วก้มหน้ากินต่อ “ตรงไปอย่างเดียวเลยใช่ไหมคะ” เธอสอบถามให้แน่ใจ ชายหนุ่มก้มกินคำสุดท้ายจนหมด “อ่านป้ายสิ” เขายิ้ม ‘นี่เขากำลังหลอกด่าว่าเธอโง่เหรอ’ “ขอบคุณค่ะ” เธอเดินมา ‘น่าหมั่นไส้ชะมัด’ เธอมองหาป้าย ไม่เห็นจะมีป้ายบอกทางเลย เป็นเพราะมหาลัยยังไม่เปิดเทอม เลยยังไม่ค่อยมีคน ถ้ามีคนอื่นให้ถามเธอคงไม่ถามเขาหรอก เธอเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา เธอสวมเสื้อโค้ช ใส่ถุงมือ ใส่ผ้าพันคอ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี เธอกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น “นักศึกษาใหม่เหรอ” เสียงใครบางคน ลดาหันกลับไปมอง นั่นมันผู้ชายคนเมื่อกี้นี่ ตามเธอมาทำไม “ค่ะ” เธอเดินเลี่ยง “แล้วไม่ไปคณะแพทย์แล้วเหรอ” “กำลังไปค่ะ” เธอเดินเลี้ยวจะไปอีกทาง “ตึกแพทย์ก็อยู่ข้างหน้าเธอนี่ไง จะเดินไปไหน” ลดาหยุดชะงัก หันกลับมามองเขาด้วยสายตาเคืองๆ “ไหนบอกว่ามีป้าย ไม่เห็นจะมีป้ายบอกเลย” ลดาบ่น “อยู่หน้าตึก นี่มันด้านหลัง” “แล้วทำไมไม่บอกให้ชัดเจน” “ก็บอกชัดเจนแล้ว เธอบื้อเอง” “ฉันคงบื้อ ตั้งแต่เลือกจะถามทางจากคุณแล้วแหระ” “แล้วมาทำอะไรที่ตึกแพทย์” “หาห้องสมุด” “จะเข้าไปเอาอะไร” “คนไปห้องสมุด เขาก็ต้องไปหาหนังสือสิ บื้อจริง” เธอย้อนเขา ที่เคยว่าเธอ ชายหนุ่มที่ดูไม่น่าจะแกกว่าเธอเท่าไหร่ ยักไหล่แล้วเดินเข้าตึกไป ‘เขาก็เรียนคณะแพทย์เหมือนกันเหรอ แต่ทำไมหน้าคุ้นจัง เคยเจอที่ไหนนะ ทำไมนึกไม่ออก’ ลดาเดินตามเข้าตึก “บุคคลภายนอกห้ามเข้าครับ” รปภ. เอ่ยห้าม “ขอโทษค่ะ ดิฉันเป็นนักศึกษาใหม่ค่ะ” “แลกบัตรนักศึกษาด้วยครับ” “ยังไม่ได้บัตรนัศึกษาค่ะ” “ต้องขออภัยด้วยที่ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้ครับ” รปภ.ทำตามหน้าที่ ตอบอย่างสุภาพ “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่าเธอเรียนตึกนี้ เธอโค้งศีรษะให้ แล้วเดินออกมา “ขอโทษครับ” รปภ.คนเมื่อกี้ วิ่งมาเรียกเธอ “มีอะไรคะ” “คุณเข้าไปได้แล้วครับ” “อ้าว อยู่ๆ ทำไมถึงเข้าไปได้คะ” “เพิ่งเปลี่ยนกฎครับ ถ้าเป็นนักศึกษาใหม่ สามารถเข้าได้เลยไม่ต้องแลกบัตรแล้วครับ” “เปลี่ยนเมื่อกี้เลยเหรอคะ” “เอ่อ..ครับ คำสั่งเพิ่งมาเมื่อกี้เลยครับ เชิญครับ” “แล้วนักศึกษาใหม่ ยืมหนังสือไปอ่านได้ไหมคะ” เธอลองถาม “เอ่อ น่าจะได้นะครับ แต่ลองเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ห้องสมุดของคณะด้านในอีกครั้งดีกว่าครับ” ขนาดไม่มีบัตรยังให้เขาวิ่งมาตาม เรื่องยืมหนังสือก็คงจัดการให้ได้สบายแหละ “ค่ะ ขอบคุณค่ะ แล้วห้องสมุดอยู่ตรงไหนคะ” “ผมนำทางให้ครับ เชิญครับ” “ถึงแล้วครับ สอบถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้เลยนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นนักศึกษาใหม่ยังไม่มีบัตรนักศึกษา ยืมหนังสือได้ไหมคะ” เจ้าหน้าที่หันมองไปอีกทางแว๊บหนึ่ง “ได้ค่ะ ทางคณะเพิ่งเปลี่ยนกฎเมื่อกี้เลยค่ะ” “ฉันโชคดีจังนะคะ” ลดายิ้มแกนๆ เกาหัวสองสามที อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ “ยืมได้ครั้งละกี่เล่มคะ” “เอ่อ..แล้วแต่นักศึกษาเลยค่ะ อยากได้กี่เล่มก็หยิบไปเลยค่ะ” “แล้วยืมได้กี่วันคะ” “นักศึกษาพร้อมคืนตอนไหน ค่อยมาคืนเลยค่ะ ไม่ต้องรีบนะคะ” เจ้าหน้าที่ตอบเธอด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “ต่างประเทศนี้อิสระเสรีดีจังเลยนะคะ” “คงประมาณนั้นค่ะ” เจ้าหน้าที่ตอบเลี่ยงๆ เสรีมากเลย ปกติกว่าจะยืมได้ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน แถมห้ามเกินครั้งละ 2 เล่ม และต้องคืนภายใน 2 วัน คืนเกินเวลา 3 ครั้ง หมดสิทธิ์สอบ ‘แต่ทำไงได้เขาสั่งมาแล้ว เธอจะทำยังไงได้ ก็ได้แต่ทำตามคำสั่งพิเศษนี้ นักศึกษาคนนี้เป็นใครกันแน่นะ’ “ขอดิฉันเดินดูหนังสือก่อนนะคะ” “เชิญตามสบายเลยค่ะ” ลดาเดินดูหนังสือเจอที่ถูกใจ 3 เล่ม จึงยืมกลับมาอ่านที่บ้านระหว่างรอเปิดเทอม “สามเล่มนี้ใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่ดูแต่ละเล่มที่เธอจะยืมแล้ว คนต่อคิวยืมนี่คิวยาวเหยียดเลย แล้วเธอจะเอาที่ไหนไปให้คนที่ต่อคิวยืมไว้เนี๊ยะ เธอลองมองไปมุมห้องด้วยสายตาอ้อนวอน แต่ไม่เป็นผล “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “เปล่าค่ะ” “นี่ค่ะ เรียบร้อยแล้ว ขอให้นักศึกษามีความสุขในการอ่านนะคะ” “ขอบคุณมากค่ะ” เธอเดินยิ้มถือหนังสือออกมา “เรียบร้อยแล้วเหรอครับ” รปภ.ทักทาย “ค่ะ ลดาไปก่อนนะคะ” “เดินทางปลอดภัยนะครับ” รปภ.ทำความเคารพ เธอคงเป็นคนสำคัญมากแน่ๆ “เรื่องหนังสือ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เจ้าหน้าที่โล่งอก ไม่งั้นเธอต้องโดนนักศึกษาที่ต่อคิวจองไว้ด่ายับแน่เลย ‘แค่ได้หนังสือ ต้องเดินยิ้มมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ’ เขายืนกอดอกมองเธอเดินกลับไป “พรุ่งนี้ รัชทายาทมีพระราชกรณีกิจเสด็จไปเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งชาติคารีรายนะพะย่ะค่ะ” ราชเลขาแจ้งตารางงาน “เราจำได้แล้ว” รัชทายาทรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก “นี่พะย่ะค่ะ สคริปต์ที่ใช้กล่าวเปิดในวันพรุ่งนี้” ราชเลขายื่นให้ นับวันรัชทายาทยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นหุ่นยนต์เข้าไปทุกที ทุกวันจะเข้ามาป้อนข้อมูลว่าต้องทำอะไร กินอะไร ไปที่ไหน ใส่ชุดอะไร กำหนดแม้กระทั่งว่า เขาต้องพูดอะไร ขนาดเมียเขายังเลือกเองไม่ได้ คิดแล้วช่างน่าขำจริงๆ เขามีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศ ใต้แค่คนเดียว ผู้คนมากมายต่างอิจฉา และแย่งชิง อยากครอบครองตำแหน่งนี้ของเขา แต่ตัวเขาเองไม่อยากครอบครองตำแหน่งนี้เลยสักนิด แต่กลับถูกกำหนดให้ต้องอยู่ในต่ำแหน่งนี้อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ วันรุ่งขึ้น วันนี้คนเยอะผิดจากวันก่อนที่เธอเข้ามายืมหนังสือเลย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ “ลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ คณะแพทย์ทางนี้ครับ” ฟาเมส รุ่นพี่นักศึกษาป.โท คณะแพทย์ ผู้ที่ได้รับฉายาจากรุ่นพี่ว่า มือชำแหระหน้าหยก เพราะด้วยใบหน้าสไตล์ลูกครึ่งไทย-อาเชอร์ นัยตาแขกสีฟ้าได้จากพ่อ มีผมสีน้ำตาลเข้มได้จากแม่ เขาพูดได้ถึงสามภาษา ทั้งภาษาอาเชอร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ด้วยบุคลิกสดใส มีลักยิ้มทรงเสน่ห์ สาวไหนได้มองเป็นอันต้องหลงใหล “สวัสดีค่ะ นางสาวภัทลดา อมรพิพัฒน์นักศึกษาคณะแพทย์ค่ะ” “ลงทะเบียนตรงนี้ครับ” ฟาเมส “เป็นคนไทยเหรอ” รุ่นพี่ฟาเมสถามเธอด้วยภาษาไทย ทำให้ลดาแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ใช่ค่ะ” เธอตอบกลับด้วยภาษาไทย “ดีใจจัง ปีนี้มีรุ่นน้องมาจากประเทศไทยด้วย” ฟาเมสยิ้มโปรยเสน่ห์แบบที่เขาชอบทำ “คุณพูดไทยชัดมากเลยนะคะ แต่ไม่น่าใช่คนไทย” “ผมฟาเมส เป็นลูกครึ่งครับ พ่อเป็นคนอาเชอร์ ส่วนแม่เป็นคนไทย ผมเคยอยู่ประเทศไทยด้วยนะครับตอนเด็กๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” “ค่ะ ภัทลดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ” “ลงทะเบียนเสร็จแล้ว เข้าไปนั่งที่เก้าอี้ในหอประชุมด้านในเลยครับ นั่งตามหมายเลขที่ลงทะเบียนนะครับ ของภัทลดา n52 นั่งแถวที่5 เก้าอี้ที่ 2 นะ” ฟาเมสแนะนำลดา นี่ถ้าไม่ติดว่ายังมีนักศึกษารอลงทะเบียนอีก เขาคงเดินพาเธอไปส่งข้างในแล้ว “ขอบคุณค่ะ” เธอรับเอกสาร แล้วเดินเข้าหอประชุม นั่งรอพิธีเปิด “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนักศึกษาปริญญาโทใหม่ทั้ง 126 คนครับ นี่เป็นวันแรกที่ทุกคนได้มีโอกาสมาพบกัน ไม่ว่านักศึกษาจะเรียนสาขาไหนก็ตาม ที่นั่งของนักศึกษาเราจัดแบบสุ่ม เพื่อนักศึกษาได้รู้จักเพื่อนต่างสาขาด้วย และในวันนี้ เราได้รับเกียรติจากอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งชาติคารีราย กล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ในวันนี้ ศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์มาไค ลุกซ์ ครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นหอประชุม ชายหนุ่มผมทองใส่สูทดำ ใส่แว่นตาทรงเหลี่ยมรับใบหน้า เดินขึ้นไปยังบนเวที เสียงฮือฮาดังขึ้น เธอจ้องมองเขา เขายืนนิ่งอยู่บนเวที สายตาทุกคู่ในหอประชุมต่างจับจ้องไปที่เขา รวมทั้งลดาเองด้วย เธอได้นั่งแถวหน้า ทำให้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำบนเวทีเห็นเธอได้ชัดเจน เหมือนที่เธอเองก็เห็นเขาชัดเจนเหมือนกัน ‘คงแค่คนหน้าเหมือนละมั้ง’ “สวัสดีนักศึกษาใหม่ทุกคน” ชายในชุดสูทดำกวาดสายตา แล้วหยุดที่ลดา ลดาก้มหน้าลงเมื่อเห็นเขาจ้องมาที่เธอ ‘อาจแค่เสียงคล้ายกันเฉยๆ แหละ’ เธอปลอบใจตัวเอง ‘แต่หน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ มันใช่เขาจริงๆ คนที่เธอเพิ่งว่าเขาบื้อไปเมื่อวันก่อน อนาคตที่สดใสเมื่อเช้า ทำไมตอนนี้มีเมฆหมอกลอยขึ้นมาปกคลุมแบบนี้จนมองไม่เห็นอะไรเลย’ เธอยกกระดาษปิดบังหน้า หวังว่าเขาคงไม่เห็นเธอ นักศึกษานั่งกันเป็นร้อยคน เขาคงจำเธอไม่ได้หรอก เธอได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ หูเธอเริ่มอื้อจนไม่ได้ยินที่เขาพูดบนเวที รู้อีกที คือมีเสียงปรบมือดังขึ้น เธอแอบเงยหน้ามองเห็นเขาเดินลงเวที เธอค่อยโล่งใจหน่อย พอพิธีจบ เธอเดินออกมาจากห้องประชุมทันที ไปยืนรอข้ามถนนไปซื้อของในซุปเปอร์ฝั่งตรงข้าม แต่ติดขบวนเสด็จอยู่ จึงข้ามไปไม่ได้ เธอเปิดดูโน๊ตในมือถือว่าต้องซื้ออะไรบ้างระหว่างรอขบวนเสด็จผ่านไป ขบวนรถแล่นผ่านไม่เร็วมากเพราะเป็นเขตชุมชน รัชทายาทที่นั่งมาในรถมองมายังมหาวิทยาลัยที่เขาเคยศึกษา ถือว่าเป็นช่วงที่พระองค์มีอิสระมากที่สุดก็ว่าได้ รถเคลื่อนผ่านหน้าลดาไป รัชทายาทหันกลับมามอง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ‘ลดา’ หรือว่าเขาตาฝาด “หยุดรถ” รัชทายาทตะโกน “เกิดอะไรขึ้นพะย่ะค่ะ” “หยุดรถ เราจะลง” “ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ พระองค์ต้องไปเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว” ท่านราชเลขาขัดขึ้น รถยังคงแล่นไกลออกมา รัชทายาทได้แต่มองจนลับสายตา รัชทายาทกำหมัดแน่น โมโหท่านราชเลขา “ท่านราชเลขา มีอำนาจสั่งการมากกว่าเราที่เป็นองค์รัชทายาทเสียอีก” “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมมีหน้าที่ดูแลองค์รัชทายาทเท่านั้นพะย่ะค่ะ” ท่านราชเลขารีบอธิบาย ‘ใช่เธอหรือเปล่านะ ลดา’ เขาต้องสืบให้ได้ เพราะก่อนหน้า เขาเคยส่งคนไปหาลดาที่บ้านแต่ไม่พบ คนแถวนั้นบอกว่าเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือว่าเธอจะมาเรียนต่อที่นี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD