บทที่6.2 ขายข้าว2

2151 Words
สามพี่น้องกลับไปในตรอกที่ไร้ผู้คน หลังจากเติมข้าวสารจนเต็มตะกร้าแล้ว ฉีหรานก็กระซิบพี่ชายเบาๆขณะเดินไปร้านต่อไป “พี่ใหญ่ ท่านลองถามราคาทำการค้าระยะยาวลองดู เหมือนที่เหรัญญิกฉู่เสนอ ดูว่าใครให้มากกว่ากัน” “น้องสาวเจ้าต้องการทำสัญญาการค้า แทนการเปิดร้านงั้นหรือ” ฉีหรงกังวลเล็กน้อยในเรื่องนี้ ฉีหรานกลับไม่กังวลเลย “ใช่ ข้าไม่คิดจะจับกิจการร้านขายข้าวในเมืองหนานอัน” “เป็นเพราะคำพูดของเหรัญญิกฉู่หรือไม่” ฉีเล่อถามด้วยหน้าซื่อ “ไม่ใช่ ข้าคิดแต่แรกแล้ว พี่ชายพวกท่านรู้หรือไม่เหตุใดเมืองหนานอันเล็กๆจึงมีร้านค้าธัญพืชใหญ่มากมาย” “นั่นเพราะเป็นทางผ่านไปยังเมืองหลวงและเมืองหน้าด่าน” ฉีหรงตอบในทันทีขณะที่ฉีเล่อยังคงมึนงง เมื่อได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ “จริงด้วย เมืองนี้อยู่ระหว่างทางไปเมืองหน้าด่านที่เราเคยอาศัยอยู่กันจริงๆ” “ยังมีเมืองฉีอัน เมืองหนวนอัน ทำไมพวกเขาไม่ไปเปิดร้านธัญพืชแถวนั้นแทน นั่นเพราะเมืองนี้อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด กล่าวได้ว่าเมืองหนานอันแห่งนี้เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น ไม่ว่าจะลงใต้หรือขึ้นเหนือก็สามารถขนข้าวสารไปทำกำไรได้มากมาย” เมื่อได้ยินบทความของน้องสาวพี่ชายทั้งสองก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตา “อาหรานเจ้ารู้ได้อย่างไร” ฉีเล่อไม่ค่อยเข้าใจคำพูดน้องสาว แต่ยังเข้าใจความหมายโดยรวม เขาจึงอดถามนางไม่ได้ “ผู้แลกเปลี่ยนยังสอนข้ามากมาย” “ผู้แลกเปลี่ยนมีความรู้มาก มีอิทธิพลมากด้วย เจ้ากราบเขาเป็นอาจารย์หรือไม่” ฉีเล่อยังไม่หยุดถาม กระทั่งฉีหรงดุเขา “หยุดพูดเรื่องนี้ข้างนอกเถอะ” สามพี่น้องเดินวนไปรอบเมืองเพื่อขายข้าวทั้งวัน พวกเขาทำเงินจากร้านธัญพืชต่างกันไม่มากนัก แต่ยังสามารถสรุปได้ว่าร้านค้าอันดับสองยังให้ราคาสูงที่สุดหากต้องการทำสัญญาระยะยาว สามพี่น้องไม่ได้กลับบ้านทันที พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะไปดูราคาเกวียนเทียมวัวและวัวหนุ่มสาวตามคำแนะนำของฉีหราน “อาหรานที่นี่เป็นตลาดค้าสัตว์ที่เราไปคราวก่อน แต่ตอนนี้ตลาดเกือบวายแล้ว” ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ ผู้คนเริ่มกลับบ้านแล้ว บ้างเก็บร้านค้าเพื่อเตรียมออกไปนอนวัดเต๋านอกเมือง ฉีหรานเรียกใช้สแกนทันทีและให้พี่ชายเดินตามนางมา ขณะที่ระบบกำลังแนะนำด้วยความตื่นเต้น [เจ้านายตรวจพบสายพันธุ์วัวโบราณที่หายากมาก ว่ากันว่าความแข็งแกร่งมีมากแต่เนื้อน้อยจึงไม่เป็นที่นิยม แต่ยังได้รับค่าความล้ำค่ามหาศาล] ‘ถึงล้ำค่าก็เอาไปไม่ได้’ วัวตัวหนึ่งราคาไม่ถูก เอาไปไม่ได้จริงๆ แม้จะซื้อตอนนี้ก็เอาไว้ใช้งานในบ้านเท่านั้น ยังมีเงินไม่มากพอจะซื้อมาส่งให้ระบบ [เจ้านาย มีวัวเป็นคู่ผู้เมีย เมื่อเติบโตแล้วสามารถผสมคู่เพื่อให้ลูกวัวได้ ตอนนั้นใช้แลกเปลี่ยนแต้มที่มอบให้...มหาศาลแน่นอน] [เจ้านายคิดให้ดีก่อน สายพันธุ์นี้หายากกระทั่งในยุคของท่าน ข้าไม่เคยพบมันมาก่อนในชีวิตก่อนหน้า เชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป] ฉีหรานลังเลแต่ยังเดินไปตามทางที่ระบบแนะนำ เดินไปถึงช่วงกลางๆของถนนสัตว์เลี้ยง พบร้านขายวัวที่กำลังเก็บข้าวของ เตรียมต้อนวัวหนุ่มสาวสี่ห้าตัวกลับ “พ่อค้า...ท่านขายวัวอย่างไร” ฉีหรานตะโกนถาม ผู้คนกำลังเก็บกวาดคอกวัวและเก็บขี้วัวเพื่อไม่ให้ถูกทางการจับ จึงหันหน้าไปมอง ใบหน้าเขายังแสดงความเหม็นให้เห็น “ข้าจะไปถามท่านพ่อ หนูน้อยเจ้าต้องการดูวัวตัวไหน” ท่าทางของคนดูเป็นมิตรมาก ไม่รังเกียจแม้ว่าเป็นฉีหรานที่เป็นเด็กน้อยเอ่ยถาม ทำให้ทัศนคติที่มีต่อพ่อค้าดีมาก “ข้าต้องการวัวที่แข็งแรงคู่หนึ่ง วันนี้มาถามราคาก่อนเท่านั้น เมื่อเก็บเกี่ยวฤดูร้อนขายข้าวได้จะมาซื้อ ท่านว่าอย่างไร” “ข้าจะแสดงให้ดู” ใบหน้าของเด็กหนุ่มแสดงความเสียใจเล็กน้อย แต่ยังแนะนำวัวด้วยความกระตือรือร้น เมื่อเขาเริ่มพูดก็หยุดไม่ได้ แนะนำวัวที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเหมาะใช้งานก่อนสองตัว ก่อนจะแนะนำตัวเล็กกว่าด้านข้างซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบบชี้ “...ดูสองหนุ่มสาวตรงนี้ ท่านพ่อได้รับพ่อแม่พันธุ์มาจากเผ่าภูเขาแห่งหนึ่ง สามารถทำงานได้แต่เด็ก ยังมีข้อเสียที่เวลาล้มแล้วได้เนื้อน้อย ในช่วงห้าปีมานี้จึงขายยากกว่าพันธุ์อื่น แต่ผู้คนยังชอบที่มันทำงานเก่ง” “วัวดีดีที่แข็งแรงทำงานได้เท่าชายหนุ่มสองหรือสามคน แต่วัวตัวนี้ทำงานได้เท่าชายหนุ่มสามคนตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อถึงวัยที่เหมาะสมจนถึงอายุสิบปีทำงานได้เท่าชายหนุ่มสี่คน เรื่องนี้ข้ารับประกันเลย” “ท่านพูดเช่นนี้ ข้อเสียเรื่องเนื้อน้อย แล้วใครจะกล้าซื้อ” ต้องรู้ว่าวัวไม่ใช้สำหรับทำงานเท่านั้น เมื่อแก่เกินก็ถูกฆ่า ยังต้องขายลูกวัวได้อีกด้วย แต่หากลูกวัวขายไม่ได้ใครอยากจะซื้อบ้าง “เอาล่ะ ถ้าเจ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ท่านพ่อยังกล่าวว่าหากหมดรุ่นแม่ลูกกลุ่มนี้แล้วคงไม่ผสมพันธุ์นี้อีกต่อไปเช่นกัน ข้าเพียงแนะนำเท่านั้น มาดูคู่ต่อไป...” “พี่ชาย ข้าอยากรู้สองคู่นี้ราคาต่างกันยังไง” ฉีหรานไม่สนใจคู่ต่อไป นางสนใจแค่คู่เนื้อน้อยนี้เท่านั้น แต่ยังรู้อยู่บ้างว่าหากต้องการต่อรองราคา ต้องไม่แสดงออกว่าต้องการซื้อมากเกินไป “คู่นี้ขายคู่ละ10ตำลึงเงิน ตัวเมีย6 ตัวผู้สี่ คู่นี้แปดตำลึงเงิน ราคาตัวละสี่ตำลึงเงิน” ฉีหรานหันมองพี่ชายสบตาพวกเขาในทันที เงินที่ได้จากการขายข้าวรวมกันสี่ร้านในวันนี้ ขายให้ร้านค้าต่างๆด้วยข้าวขาวหกสิบจินต่อร้าน ได้รับเงินมามากกว่ายี่สิบตำลึงเงิน “พี่ชายไปเรียกบิดาท่านมาเถอะ” “นี่...เรียกทำไม ข้าก็บอกราคาเจ้าไปแล้ว คราวหน้าถ้าเจ้ามาถามซื้อค่อยมาบอกข้า ข้าจะไปเรียกท่านพ่อให้” “พี่ชาย...ข้าจะซื้อ” ชายหนุ่มเป็นใบ้ไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบตะโกน “น้องสาวช้าก่อน ข้าจะรีบไปเรียกท่านพ่อมา” เขาไม่รู้หรอกว่านางจะซื้อคู่ไหน แต่ไม่ว่าคู่ไหนก็ทำให้บ้านได้เงินแล้ว การเลี้ยงวัวฝูงหนึ่งไม่ง่าย ใช่ว่าขายแล้วจะร่ำรวยเสมอไป นานๆจึงมีคนมาซื้อที ฉีหรานอดทนรอ ยังยื่นมือออกไปหาวัวสี่ตัวนั้น พวกมันดูกระตือรือร้นมาก ไม่รู้เป็นเพราะรับรู้ว่านางกำลังจะซื้อพวกมันรึเปล่า ไม่นานชายหนุ่มก็วิ่งกลับมาพร้อมกับชายวัยกลางคนที่เดินเร็วๆตามมา “นายน้อยทั้งสอง พวกท่านมองหาข้า สนใจวัวตัวไหนหรือ” แม้มองขึ้นลงแล้วพบว่าคนตรงหน้าสวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาด แต่เขาไม่ได้ดูถูกผู้คนทันทีที่พบหน้า ในยุคนี้มีใครไม่ลำบากบ้าง “พี่ใหญ่ ข้าต้องการซื้อวัวของท่าน ได้ยินว่าคู่นี้ไม่มีเนื้อมากนัก พ่อแม่ของพวกมันล่ะ” ฉีหรานได้กระซิบบอกพี่ชายแล้ว นางไม่ได้แค่ต้องการลูกวัวทั้งสอง ต่อไปในภายภาคหน้ายังต้องการสร้างฟาร์มวัวชนิดนี้เพื่อส่งแลกเปลี่ยนอีกด้วย หลังจากได้ยินคำพูดของระบบ [เนื้อน้อย แต่อร่อยมาก ผู้คนในยุคต่อไปชอบเนื้อแบบนี้มากกว่า นอกจากนี้มีคุณค่าต่อการศึกษาสำหรับนักวิจัยทั่วไป พวกเขาไม่ใช้วัวแค่ตัวหรือสองตัวแน่นอน] ดังนั้นแผนจึงเปลี่ยนไป นอกจากซื้อลูกๆแล้วยังสามารถซื้อแม่ที่ตกลูกได้ในอนาคต “พวกนี้เหมือนกันหมด นายท่านต้องการคู่นี้หรือไม่” “พี่ใหญ่ ข้าชอบคู่นี้ ท่านดูคู่นี้ให้ข้า หากใช้งานดี ข้าอาจซื้อพ่อแม่ของพวกมันด้วย ข้าจะติดต่อท่านได้อย่างไร” “จริงหรือ” ดวงตาของชายวัยกลางคนแดงขึ้นมา เขามองทั้งสามและระงับความตื่นเต้นเอาไว้ ต้องรู้ว่าการเลี้ยงวัวยังมีค่าใช้จ่ายมาก บ้านเขาไม่ได้ทำไร่มากแต่เลี้ยงหญ้าไว้เลี้ยงวัวเท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานวัว เมื่อวัวพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยม ชายวัยกลางคนยังได้ขายขาดทุนสำหรับรุ่นแรกให้กับโรงเชือด แต่เพราะไม่อาจทำใจขายรุ่นต่อมาได้เลยเก็บไว้เพื่อเพาะลูกขายต่อไป แต่หากมีคนรับพวกมันไป เขาจะสามารถออกจากวงจรอุบาทว์นี้ได้เสียที “ข้าชื่อโจวซู่ มาจากหมู่บ้านใบหลิวทางใต้ของเมือง ห่างออกไปเพียงครึ่งชั่วโมงหากใช้เกวียนเทียมวัว พวกท่านสามารถไปพบข้าที่บ้านได้หากต้องการวัวพันธุ์นี้เพิ่มเติม” ฉีหรงจดจำไว้ในใจ ก่อนจะพูดคุยเรื่องอื่นๆกับโจวซู่ ขณะส่งน้องชายไปดึงวัวทั้งสองตัว เนื่องจากมีวัวก็ต้องมีเกวียนเทียม นายโจวยังแนะนำร้านให้พวกเขาโดยเฉพาะ ที่ดีและไม่มีราคาแพงมาก ร้านค้ายังอยู่ข้างๆถนนสัตว์เลี้ยงไม่ไกลมาก สามพี่น้องเดินทางไปที่ร้านเกวียนเทียม พวกเขารู้ดีว่าราคาเกวียนเทียมแม้จะแพงแต่ไม่น่าเกินกว่าราคาวัว ดังนั้นจึงไม่กังวลเรื่องเงิน ที่นี่เป็นเหมือนโรงงานไม้ คล้ายกับที่ฉีมู่เคยมาทำงานเมื่อปีก่อน เพียงแต่ร้านนี้ขายแต่สิ่งที่มีล้อหมุน มีกระทั่งรถม้า ฉีหรานชอบรถลากสองล้อมาก แต่บ้านกำลังจะมีเกวียนวัว จึงไม่ต้องใช้รถลากอีกแล้ว “พี่ชาย คันไถของเราล่ะ” “จริงสิ ต้องซื้อด้วย” ฉีหรงปวดหัวขึ้นมา วันนี้พวกเขาใช้เงินไปจำนวนมาก หลังจากเลือกเกวียนเทียม เจ้าของร้านก็สาธิตวิธีเทียมวัว วิธีถอดให้ และสอนพวกเขาขับเกวียนเทียมง่ายๆ ฉีเล่อหัวไวกว่าในเรื่องนี้ เขาจึงรับหน้าที่ขับเกวียนเทียมวัวกลับบ้าน เนื่องจากมีเงินไม่มาก เกวียนเทียมจึงเป็นแบบเปิดและใช้ไม้เกรดกลาง ขณะที่มีคอกเล็กๆกั้นด้านหลังคนขับ คันไถถูกวางชิดด้านใน ส่วนคนนั่งห้อยขาด้านท้าย ฉีหรงยังจับแขนเสื้อน้องสาวไว้แน่นด้วยความประหม่า การขับเกวียนเทียมของฉีเล่อค่อนข้างกุกกักกว่าเกวียนวัวรับจ้างที่เคยนั่ง ไม่แปลกที่เขาจะกลัวในใจ ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงหมู่บ้าน ทันทีที่ลูกชายตระกูฉีกลับมาพร้อมกับเกวียนเทียมวัว ชาวบ้านก็รู้ข่าวถึงทั่วกันทันที คราวนี้เซี่ยฉินกลายเป็นที่อิจฉาจริงๆแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรอยู่ๆบ้านฉีก็เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นราวกับพลิกฝ่ามือ จากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที ผู้คนไม่รู้ แต่นางเซี่ยหยวนรู้ เมื่อรวมตัวพูดคุยกันในลานหมู่บ้าน นางเซี่ยหยวนก็เล่าสิ่งที่พูดคุยกับพี่น้องฉีขณะอยู่บนเกวียนเทียมรับจ้างในตอนเช้าออกมา ทำให้ผู้คนรู้ว่าที่แท้นายท่านฉีก็มีสหายที่ดีมากมายในกองทัพ ยังมีคนยื่นมือมาให้ยามยาก ส่งข้าวของมาให้เริ่มต้นกิจการของตนเอง ผู้คนไม่รู้ว่า ‘กิจการ’นั้นเกี่ยวข้องกับอะไร ทำได้เพียงริษยาในใจเท่านั้น ใครจะกล้ายุ่งกับพวกทหาร ไม่รู้ว่าหากแตะต้องนายฉีไป หากเพื่อนหทารของเขามาตามล่ากระทั่งชาวบ้านในหมู่บ้านก็คงไม่มีใครกล้าช่วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกแพร่กระจายไปพร้อมกับความริษยาในใจเท่านั้น แต่ไม่กล้าออกเสียงแต่อย่างใด ฉีหรานรู้เรื่องนี้ดีในใจ บิดามีสหายมากในชีวิตก่อน เมื่อกลับมาอีกครั้งยังสามารถคัดกรองแต่คนดีดีมาไว้ข้างกายได้ อนาคตของบ้านฉีไร้สิ้นสุดจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD