bc

สาวน้อยจากบ้านทุ่ง

book_age16+
425
FOLLOW
1.5K
READ
HE
time-travel
second chance
heir/heiress
blue collar
kicking
lucky dog
detective
poor to rich
like
intro-logo
Blurb

ฉีหรานเคยโง่เขลา เป็นเพียงเด็กสาวที่พูดไม่เป็นเถียงไม่ออกเมื่อถูกชี้หน้าด่า

นางถูกทำร้ายโดยแม่เลี้ยงโดยที่พ่อและพี่ชายไม่เคยมองเห็นเลย โดนแม่เลี้ยงใจร้ายแย่งชิงความดีความชอบในการแลกเปลี่ยนข้าวมาเติมหม้อในบ้าน ยกความดีให้พี่สาวต่างบิดามารดา จนนางกลายเป็นน้องสาวคนโปรดของพวกพี่ชายน้องชาย

ฉีหรานไม่สามารถแม้แต่จะแก้ตัวให้คนอื่นเชื่อได้ว่าเป็นนางที่หาข้าวมาเติมหม้อ เพราะสิ่งที่นางได้รับจากระบบนั้นลึกลับเกินไปยากจะแสดงให้เห็น

จนกระทั่งหญิงสาวถูกใส่ร้ายว่าหนีตามผู้ชายไป ทั้งที่ความจริงแม่ลูกสกุลเซี่ยกักขังนางเอาไว้เพื่อใช้งาน ราวกับเป็นบ่อเงินบ่อทอง บ่อข้าวบ่อน้ำของพวกนาง

ฉีหรานเฝ้าฝันว่าพ่อและพี่ชายจะมาช่วยเหลือนางออกจากไปกระท่อมกลางป่าแห่งนี้ในสักวัน จนกระทั่งวันหนึ่งนางสามารถหนีออกมาได้ด้วยตัวเอง และพยายามกระเสือกระสนจนกลับมาถึงบ้านได้สำเร็จ

แต่กลับไม่มีใครเชื่อ!

หัวใจที่แหลกสลายทำให้ฉีหรานตัดสินใจอ้อนวอน ขอร้องให้ระบบช่วยเธอ

'ได้โปรดเถอะระบบ พาข้ากลับไป กลับไปก่อนที่จะได้พบกับพวกเขา'

ความเจ็บปวดจากความจริงที่ว่าคนในครอบครัวไม่มีใครอยู่เคียงข้างนางเลยแม้สักวินาทีเดียวนับตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ทำให้ฉีหรานรู้สึกอยากตาย

แต่ความตายนั้นง่ายดายเกินไป นางเพียงต้องการมีชีวิตต่อไป แต่ไม่ใช่ในกาลบัดเดี๋ยวนี้อีกต่อไป

น้องขอย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกอย่าง ผู้ที่สมควรได้รับความรักจากนางหลงเหลือเพียงมารดาเท่านั้น ส่วนพ่อและพี่ชายทั้งหลาย คราวนี้พวกท่านก็เป็นได้เพียงเครื่องมือของข้าเท่านั้น เป็นเส้นทางที่จะนำข้าและมารดาไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต กลายเป็นคหบดีหญิงที่ร่ำรวย สวย และใช้ชีวิตหรูหราที่สุดในแคว้น!

chap-preview
Free preview
บทนำ
“แค่กๆๆ” เสียงไอที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวบนเตียงตื่นขึ้นมา  นางกระพริบตาปริบๆก่อนจะรู้สึกแปลกๆที่มือและเท้า ร่างกายเย็นและชาตามมือเท้า ความหนาวเหน็บทำให้ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจต้านทานได้  หญิงสาวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้าง นางตกใจก่อนจะรีบนำผ้าห่มขึ้นปกคลุมร่างนั้น หันมองอีกด้านยังมีอีกร่างหนึ่งที่ใหญ่โตกว่า ความทรงจำราวกับฟื้นคืนกลับมาในที่สุด  ‘ฉีหราน’ หลี่ตาลงเล็กน้อย โน้มตัวลงนอนโดยกอดผู้ที่อยู่ด้านข้างเอาไว้แน่น  ที่แท้นางก็ย้อนเวลากลับมานั่นเอง  หญิงสาวพยายามมองผ่านความมืดเพื่อเห็นคนด้านข้างได้เพียงเลือนลาง นี่คือ ‘ท่านแม่’ คนที่เสียสละเพื่อนางทุกอย่าง สุดท้ายก็เสียชีวิตลง ฉีหรานหลับตาลงอีกครั้งในที่สุด ขอเพียงกลับมาได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม โชคดีที่นางไม่ต้องแลกอะไรเลย เว้นแต่แต้มที่สูญเสียไป [ตื่นได้แล้ว เจ้านาย มีงานที่ต้องทำ]  เสียงหนวกหูดังขึ้นด้านในหูของนาง แต่ฉีหรานกลับตื่นขึ้นมาทันทีอย่างคุ้นเคย เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างดีแต่นางยังคงลุกลงจากเตียง ร่างกายเล็กๆที่เย็นชาแทบยืนไม่ไหว แต่ยังรั้งกายให้เดินออกจากห้อง  เสียงความเคลื่อนไหวด้านหลังไม่ได้เรียกความสนใจของนาง ฉีหรานรู้ดีว่า ‘พ่อ’ ตื่นเพราะการเคลื่อนไหวของตัวเอง แต่หญิงสาวไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย หากเป็นแม่ที่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะต่างออกไป นางคงรู้สึกผิดอยู่บ้าง ฉีหรานเดินออกจากห้องไปโดยไม่เห็นสายตาสับสนที่มองแผ่นหลังเล็กๆของนางออกจากห้องไปในความมืด เขายังหันไปมองภรรยาด้านข้างก่อนจะเบิกตากว้าง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความสุข  ฉีหรานเดินเข้าห้องครัวซึ่งอยู่ด้านข้างของเรือนหลัก เริ่มก่อกองไฟอย่างคุ้นเคย มือเล็กๆที่แดงก่ำแดงยิ่งขึ้นเมื่อออกแรงเพื่อก่อไฟใต้เตา ก่อนจะเติมไฟด้วยฟืนแห้งๆที่อยู่ด้านข้าง  นางลุกขึ้นยืน ยกหม้อขนาดใหญ่ไปตั้งบนเตานั้น ก่อนจะเดินออกไปหลังบ้าน ริเริ่มที่จะตักน้ำจากบ่อขนาดเล็กที่พ่อและพี่ชายขุดเอาไว้ ก่อนจะนำไปใส่ในหม้อที่เริ่มร้อนแล้ว  เสียงฉู่ฉ่าดังขึ้นเล็กน้อย  ระหว่างรอน้ำเดือดก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า หญิงสาวเดินไปรอบๆบ้านด้วยความคุ้นเคยเพื่อจัดเตรียมเหลียงสะพายหลังขนาดใหญ่สองชิ้น ขนาดเล็กสามชิ้น วางไว้บนแคร่ในลานบ้าน ก่อนจะหันกลับเข้าครัวอีกครั้ง คราวนี้นางเริ่มตักน้ำจากหม้อใหญ่ใส่หม้อเล็ก วางหม้อเล็กบนเตาเล็กด้านข้าง หยิบข้าวออกมาสามกำมือใส่ในหม้อเล็กๆ ใช้เวลานานกว่าข้าวจะหุงจนสุก  ในเวลานี้หญิงสาวยังริเริ่มนำเหลียงอีกอันหนึ่งมาวางไว้หน้ากองไฟ อาศัยแสงจากกองไฟใต้เตาเพื่อใช้ไม้ไผ่ที่ถูกเตรียมไว้ ซ่อมแซมรูที่เกิดขึ้นบนตะกร้าอย่างระมัดระวัง  ไม่นานพระอาทิตย์ก็เริ่มทอแสงในยามเช้า เสียงความเคลื่อนไหวในบ้านดังขึ้น แต่นางไม่เคยเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่ทำอยู่เลย กระทั่งมีคนเอ่ยปากเรียก “ทำไมมานั่งตรงนี้อาหราน” เสียงเล็กๆของเด็กดังขึ้น ฉีหรานหันมองเด็กชายด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดวงตาของนางยังไร้คลื่นอารมณ์ แต่ก่อนที่นางจะได้ตอบอะไร ร่างเล็กๆของเด็กชายก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน  ฉีหรานตกตะลึงอย่างแท้จริง นางเบิกตากว้างมองพี่ชายที่เริ่มสะอื้นในอก เขายังพูดออกมาไม่เป็นคำพูด แต่เพียงแค่ได้ยินฉีหรานก็สามารถประติดประต่อเรื่องราวได้  “อาหราน พี่ห้าขอโทษเจ้า พี่ผิดไปแล้วที่ไม่เคยเชื่อใจเจ้าแต่เชื่อคนนอกครอบครัว ที่ผ่านมาเจ้าทำเพื่อพวกเรามาก ต่อไปนี้พี่ห้าจะทำเพื่อเจ้าและครอบครัวเราเท่านั้น”  ก่อนที่เสียงร้องไห้จะเงียบลง เสียงของคนอื่นๆที่เคลื่อนไหวตึงตังก็ดังขึ้น ฉีหรานตกตะลึงเมื่อร่างเล็กๆของนางและพี่ชายคนที่ห้าถูกดึงออกไปนอกห้องครัว ชายร่างโตสองคนกอดพวกนางเอาไว้ พร้อมทั้งคร่ำครวญเบาๆเช่นกัน “อาหราน พี่ใหญ่/พี่รอง ผิดต่อเจ้า พวกเราผิดต่อเจ้า” พวกเขาพูดพร้อมกัน ทำให้ฉีหรานและพี่ชายคนที่ห้าตกใจ แต่ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นคืนสติ เสียงร้องไห้ของคนอีกสองสามคนก็ดังขึ้นเสียก่อน “อาหราน พี่สามขอโทษ พี่สามไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า”  “อาหรานพี่สี่/พี่หก ผิดที่ไม่เชื่อใจเจ้า”  ความเคลื่อนไหวใหญ่โตของพี่น้องในบ้าน ทำให้ประตูห้องใหญ่เปิดกว้าง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนเดินออกมา ใบหน้าเขายังคงนิ่ง แค่เพียงกวาดตามองพี่น้องทั้งหลายก็สงบลงอย่างรวดเร็ว  แต่คำพูดต่อมาของเขา ทำให้ทุกคนตกตะลึงยิ่งกว่า “พวกเจ้า...ก็กลับมาเช่นกันหรือ” ว่าแล้ว ‘ฉีหยง’ ก็กวาดตามองเด็กๆทุกคน นี่คือบุตรชายและบุตรสาวของเขา เมื่อมองใบหน้าเย็นชาของฉีหรานเขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเด็กสาวกลับมาเหมือนกัน  ทั้งบ้านเงียบลง ข้ามองหน้าเจ้า เจ้ามองหน้าข้า สลับกันไปมา เมื่อแน่ใจว่าทุกคนพบชะตากรรมเหมือนกัน พวกเขาก็พูดไม่ออก  การเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ย่อมปกปิดแม่แก่ในบ้านไม่ได้ ฉีหยงจึงดุลูกๆทางสายตา และขยับปากเตือนพวกเขาให้เบาเสียง “อย่าทำให้แม่ของพวกเจ้าตกใจกลัว นางป่วยอยู่ในตอนนี้”  “ท่านพ่อ ท่านแม่ของพวกเรายัง...” ‘ฉีหรง’ พี่ชายคนโตเอ่ยถามด้วยท่าทางกังวล เขาไม่แน่ใจช่วงเวลาที่กลับมา ดังนั้นจึงสอบถามเพื่อความมั่นใจ  พ่อฉีไม่ตอบแต่พยักหน้า ทำให้ทุกคนแทบจะเฮลั่นออกมา แต่เมื่อจำได้ว่ามารดายังป่วยก็รีบช่วยกันปิดปากพี่น้องที่ยังเล็ก ก่อนจะหันไปมองฉีหรานอีกครั้ง ฉีหรานเมื่อกลายเป็นเป้าสายตาก็เริ่มอึดอัด หากทุกคนกลับมาเหมือนกัน นางก็รู้ว่าไม่สามารถปกปิดครอบครัวได้ จึงเลือกจะเย็นชากับพวกเขาและเดินกลับห้องครัวเงียบๆ นั่นทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง ก่อนจะฟื้นสติอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้สึกละอายใจมากกว่า ชาติก่อนพวกเขาทำเรื่องไว้มากจริงๆ ดังนั้นการที่ฉีหรานจะโกรธก็เป็นเรื่องปกติ  “อาหรงเจ้าดูแลน้องๆ หลังอาหารค่อยคุยกัน” ฉีหยงสรุปว่าสุขภาพของภรรยาสำคัญที่สุด แม้ฉีหรานจะสำคัญเช่นกัน แต่เอาไว้ทีหลังได้ ทุกคนเห็นด้วยทันที ประตูห้องใหญ่ปิดลงอีกครั้ง  ชายหนุ่มบ้านฉีจึงนั่งล้อมวงเพื่อซุบซิบกันที่ลานด้านหน้า พวกเขานั่งยองๆและมองเข้าไปในครัว ในมือแต่ละคนยังถือไม้ไผ่สำหรับสานตะกร้าและพัดที่พี่ชายคนโตมอบให้และเริ่มสานงานถนัดของตัวเอง พวกเขาล้วนแต่เป็นชายหนุ่มที่โตแล้วในชาติก่อน ย่อมมีทักษะไม่มากก็น้อย กระทั่งคนอายุน้อยที่สุดในบ้านอย่างคนที่หกฉีปั๋วยังสามารถสานลูกบอลเล็กๆได้ มือขยับปากก็เริ่มพูดไป “ทำอย่างไรดี อาหรานโกรธมาก” ฉีเล่อพี่ชายคนรองถามพี่ชายคนโตอย่างประหม่า “หากจะโกรธก็สมควร พวกเราทำผิดต่อนางมาก” ฉีเมิ่งพี่ชายคนที่สามตอกย้ำอาการอกหักของพี่ชายทั้งหก พวกเขามองเข้าไปในครัวอย่างหมดหวังมากขึ้น “แต่ตอนนี้ท่านแม่ยังอยู่” ฉีมู่พี่คนที่สี่พูดอย่างมองโลกในแง่ดี  “ใช่ แถมพวกเราได้ย้อนเวลากลับมา เราจะไม่ทำผิดซ้ำเดิมใช่มั้ย ท่านพ่อก็เช่นกัน” ฉีปิงกล่าวสนับสนุนพี่ชายคนที่สี่ของเขา “พี่ห้าพูดถูก” ฉีปั๋วน้องชายคนสุดท้องกล่าวด้วยเสียงน้ำนม เขายังมองหน้าพี่ชายสลับกันไปมาก่อนตัดสินใจว่าจะสนับสนุนฉีปิงพี่ชายคนที่ห้าของเขา  “สมแล้วที่ข้าเลี้ยงเจ้ามา ไม่เสียข้าวสุกจริงๆ” ฉีปิงลูบหัวน้องชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะโดนเจ้าตัวใช้มือปัดทิ้งด้วยท่าทางเขินอาย “พี่ห้าข้าโตแล้ว” หากจะพูดฉีปั๋วก็โตแล้วจริงๆ แต่คำพูดของเขาโดนพี่ๆค้านทันที “เมื่อยังไม่แต่งภรรยาก็ถือว่าเป็นเด็ก” ฉีหรงพี่ชายคนโตพูดยิ้มๆ ทำให้น้องชายคนที่หกหงอยลงในทันที ใครใช้ให้เขาเด็กกว่าพี่ๆมาก กระทั่งชาติก่อนก็ยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยา “พี่ใหญ่ท่านคิดอย่างไรเรื่องอาหราน” ฉีเล่อไม่มีความอดทนนั้น เขาบังคับถามพี่ชายอย่างจริงจัง  “เรื่องของอาหราน ไม่ใช่สิ่งที่เราจะแก้ไขได้ในวันสองวัน พวกเราทำผิดต่อนางเป็นเวลานับสิบปี จริงๆกระทั่งตอนนี้อาศัยความสามารถของนาง...กระทั่งบิดาก็ต้องยอมปล่อยนางไปหากเจ้าตัวต้องการ”  ทุกคนมองหน้ากันหลังจากฟังคำพูดของพี่ชายคนโตอย่างฉีหรงแล้ว พวกเขารู้สึกเกลียดชังหญิงสาวนางนั้นยิ่งขึ้น  “พี่ใหญ่ แม้พวกเราจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แม้ท่านพ่อไม่แต่งงานกับนางผู้นั้น แต่สุดท้ายก็ต้องพบเจอกันบนท้องถนนอยู่ดีหรือไม่” ฉีเมิ่งพูดอย่างลังเล  “ข้าเกลียดนาง หากไม่มีพวกนางเราคงไม่เข้าใจผิดอาหราน และทำร้ายนางจนถึงทางตายในที่สุด” ฉีเล่อกล่าวด้วยน้ำตา เขายังจดจำภาพสุดท้ายที่เห็นได้ ร่างของน้องสาวที่ไร้วิญญาณเพราะถูกบีบให้ตายยังคงติดตา “ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นพี่รอง พวกเราล้วนมีความผิดที่โง่เขลาเบาปัญญาและฟังคำพูดของแม่เลี้ยงมากเกินไป ไม่มีคำกล่าวที่บอกว่ามีแม่เลี้ยงก็เหมือนมีพ่อเลี้ยงหรอกหรือ แต่พวกเรากลับเชื่อแต่ด้านดีที่นางแสดงให้เห็นและไม่เคยเห็นด้านร้ายเลย” ฉีปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจ “ดูซิว่าคราวนี้พวกนางจะยักยอกสิ่งดีดีจากอาหรานได้อีกหรือไม่” ฉีเล่อกัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น หากไม่ใช่เพราะสองแม่ลูกแย่งชิงความดีของฉีหรานไป พวกเขาก็คงไม่เข้าใจผิดในภายหลัง  แต่ก็ไม่ได้แปรว่าพี่น้องบ้านฉีจะไม่โทษตนเอง พวกเขายังรู้สึกผิดในใจอยู่เสมอ “พี่รอง หากไม่ใช่เพราะจิตใจของเราเอนเอียงไม่มั่นคง ไม่เชื่อใจในพี่น้องสายเลือดเดียวกัน มีหรือผู้อื่นจะเข้ามาแทรกแซงได้ กิ่งไม้เมื่ออยู่รวมกันหักยาก ไม่ว่าหนอนจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ทำลายเราไม่ได้” ฉีปั๋วกล่าวด้วยเสียงน้ำนมในท่าทางสั่งสอน แต่พี่น้องกลับไม่โกรธเคือง นั่นเพราะน้องชายเป็นคนเดียวที่เข้ารับการศึกษาในเมือง เขามีมุมมองที่เปิดกว้างกว่าและทุกคนในบ้านยังฟังเขาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็อยู่ที่ความคิดของพี่ชายแล้ว “พวกนางจะกลับมาด้วยหรือไม่” ฉีเมิ่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว ทำให้ทุกคนกลับมาได้สติและมองหน้ากันอย่างสงสัยเช่นกัน  “ข้าจะไปดู” ฉีเล่อทนไม่ได้ที่สุด เขาผุดลุกเพื่อไปดูจริงๆ “พี่รองข้าไปด้วย” ฉีเมิ่งรีบลุกตาม ฉีหรงจึงมองไปที่น้องชายคนอื่นๆและเรียกฉีมู่น้องชายคนที่สี่ซึ่งใจเย็นที่สุด “อามู่เจ้าตามพี่ชายของเจ้าไปดู อย่าให้พวกเขาสร้างปัญหา”  “พี่ชายหากพวกเขากลับมาด้วยล่ะ ความลับของอาหราน...” ฉีมู่ที่มองโลกในแง่ดีที่สุดกล่าวอย่างกังวล ขนาดคนมองโลกในแง่ดีที่สุดยังคิดได้ คนอื่นก็ต้องคิดได้เช่นกัน “หากเป็นเช่นนั้น...ย่อมมีวิธีปิดปากพวกเขา” ฉีหรงเม้มปากขณะพูด การทำร้ายผู้คนผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวเขาย่อมสามารถทำได้ทุกอย่าง  ฉีมู่ได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจรีบวิ่งตามพี่ชายทั้งสองไปทันที ฉีหรงจึงมองน้องชายทั้งสองคนที่เหลือก่อนจะหันหน้าไปมองห้องครัวเงียบๆ  ฉีหรานไม่รู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัว เมื่อข้าวต้มได้ที่นางวางมือจากงานสานไม้ไผ่ ก่อนตักข้าวต้มใส่ชามอย่างระมัดระวัง ข้าวส่วนใหญ่ถูกตักออกมาใส่สองชาม ที่เหลือมีเพียงน้ำข้าวเท่านั้น โชคดีที่ข้าวในบ้านเป็นข้าวขาวอย่างหาได้ยากในบ้านชาวบ้าน น้ำข้าวจึงมีสีขาว  ถึงอย่างนั้นฉีหรานกลับเปิดอีกไหหนึ่งในครัวก่อนกำข้าวที่ผสมทั้งแกลบและรำเล็กน้อยออกมาและใส่ลงในข้าวต้มอย่างไม่ระวังแม้แต่น้อย ปล่อยให้หม้อค้างไฟเช่นนั้นต่อไป  หญิงสาวแสยะยิ้มขณะมองข้าวต้ม ก่อนจะยกสองชามในมือเข้าไปในห้องหลัก  เมื่อเห็นน้องสาวปรากฎตัว ฉีปิงก็รีบไปเปิดประตูให้นาง เขาไม่ได้เข้าไปแย่งยกถาดเพื่อเอาอกเอาใจ แต่ยังคงระมัดระวังและไม่กล้าพูดอะไรมากเมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของนาง ได้แต่งับประตูตามหลังด้วยท่าทางหงอยเหงา  ฉีหรานวางโต๊ะเล็กๆที่ท่านพ่อทำให้ท่านแม่ วางถาดอาหารลงบนนั้นก่อนจะเริ่มตักข้าวกินกับมารดาอย่างมีความสุข ฉีหนิงมองลูกสาวที่ตักกินอาหารและเหลือบมองสามี เมื่อเขาพยักหน้าให้นางจึงไม่พูดอะไร  แต่เดิมฉีหรานถูกเลี้ยงดูมาคู่กับนางและกินข้าวต้มกับนางอยู่แล้ว ฉีหนิงจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เว้นแต่ข้าวต้มที่เคยมีเพียงน้ำกลับเต็มไปด้วยข้าวในวันนี้ ทำให้นางอดพูดไม่ได้ “อาหรานลดข้าวลงหน่อยเถอะ ข้าวขาวมีราคาแพงมากในฤดูกาลนี้”  “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงว่าบ้านเราจะไม่มีข้าวกิน เมื่อเร็วๆนี้ข้าพบเพื่อนพ่อค้า เขายินดีซื้องานไม้ไผ่ของข้าในราคาสูง ต่อไปพี่ๆก็จะช่วยทำงานส่งไปขายให้เขา บ้านเราจะไม่ขาดแคลนอาหารอีกต่อไป เผื่อจะมีเงินซื้อทุ่งในปีนี้ได้”  “จริงหรือ...แค่กๆ” นางฉีหนิงตื่นเต้นจนเผลอลืมตัว ทำให้นางไอออกมา “ท่านแม่ระวังสุขภาพ ดื่มน้ำก่อน” ฉีหรานรินน้ำอุ่นให้มารดาอย่างสงบ ขณะที่ฉีหยงช่วยเช็ดมุมปากให้ภรรยา ในแววตาเขายังเต็มไปด้วยความรักใคร่  ฉีหรานเหลือบมองผู้เป็นพ่อของตนเองก่อนจะยิ้มมุมปากเยาะเย้ย หากไม่ได้เห็นว่าในอีกไม่กี่ปีเขาจะกลายเป็นเช่นไรภายใต้กระโปรงของนางเซี่ย ฉีหรานคงคิดว่าเขารักและมั่นคงต่อมารดาตลอดชีวิตแน่นอน  ส่วนการที่ทั้งครอบครัวกลับมาเช่นกัน...มันเป็นผลที่อาจเกิดขึ้นซึ่งระบบได้บอกนางไว้แล้ว แต่ฉีหรานยังยืนยันให้มันเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่ศัตรูของนางจะกลับมาด้วย ฉีหรานไม่กังวลเลย เพราะมีเพียงสายเลือดเดียวกันเท่านั้นที่จะกลับมาได้ คนพวกนั้นไม่มีสายเลือดนางแม้แต่ครึ่ง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงเลย “อาหราน ลำบากเจ้าแล้ว นับตั้งแต่อาปั๋วเกิดก็มีเจ้าเป็นเหมือนแม่นม ต่อไปเจ้าต้องดูแลพี่ชายน้องชายให้ดีเข้าใจหรือไม่ บ้านเราไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้านบน พ่อของเจ้า… หากหมดแม่ไป...”  “ท่านแม่ ท่านจะหายดี กินให้มาก เมื่อท่านมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปได้ท่านก็จะได้อยู่ต่อไปแน่นอน ท่านยังต้องดูพวกข้าเติบโตและมีครอบครัวที่สมบูรณ์” ฉีหรานแอบยิ้มเยาะในใจเมื่อพูดจบ แต่ในครอบครัวนี้มีเพียงมารดาที่นางเหลือความรักให้มากที่สุด ที่เหลือล้วนเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางไม่ต้องการเสียท่านแม่ไป “ตกลง แม่จะอยู่ให้ได้”  “ท่านแม่ ข้าจะให้พี่ชายสร้างคอกเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน เลี้ยงสัตว์มากๆ บ้านเราจะได้มีเนื้อกิน เมื่อมีเนื้อกินอุดมสมบูรณ์ ต่อไปก็จะไม่อดอยากและเจ็บป่วยอีก”  “จริงหรือ เป็นเรื่องดี” นางฉีหนิงไม่เชื่อคำพูดของบุตรสาว แต่ไม่ได้คัดค้านในทันที เพียงมองสามีเล็กน้อยเท่านั้น เห็นว่าเลยเวลาอาหารเช้ามามากแล้วจึงบอกให้บุตรสาวไปเตรียมอาหารเช้าให้ครอบครัว “อาหรานไปเตรียมมื้อเช้าให้พ่อและพี่ชายเจ้าเถิด แม่อยู่ได้”  “ตกลงท่านแม่ ข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน” ฉีหรานเก็บสำรับออกจากห้อง เมื่อเดินไปถึงในครัวนางพบว่าข้าวต้มพร้อมกินแล้วจึงหันไปเรียกคนด้านนอก “มาตักอาหารของพวกท่าน” กล่าวจบก็หันไปดึงตั่งเล็กๆมานั่งไม่ไกลจากกองไฟ ด้านข้างมีกองไม้ไผ่วางไว้ ในมือยังคงถักทอขึ้นรูปเป็นสัตว์เล็กๆหลากหลายชนิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางลงด้านข้าง  “อาหราน...ชอบของเล่นเหล่านี้มากหรือ” ฉีปิงเรียกความกล้า หลังจากนำสำรับออกไปให้พ่อและพี่ชายในลานบ้านแล้ว เขายกชามข้าวของตนเข้ามาในครัว ก่อนจะถามน้องสาวที่เขาทำผิดต่อนางมากในชาติก่อน  “ไม่” ฉีหรานเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายคนที่ห้าแวบเดียว ก่อนจะตอบออกมาด้วยคำเดียวอย่างหนักแน่น ทำให้ฉีปิงเกือบไปไม่เป็น “เช่นนั้น...เหตุใดเจ้าจึงชอบถักทอพวกมันนัก”  ฉีหรานยิ้มสมเพชเมื่อคำถามของพวกเขาทำให้นางนึกถึงเรื่องราวในอดีต การถักทอของเล่นในมือนางเป็นอีกหนึ่งเหตุผลเข้าใจผิดของตระกูลฉี  แม่เลี้ยงและลูกสาวบุญธรรมของครอบครัว ยึดเอาความดีความชอบในการหาข้าวมาเติมหม้อของครอบครัวอย่างลึกลับ กล่าวว่าเพราะลูกสาวบุญธรรมเซี่ยมีคุณธรรมพระเจ้ามองเห็นและมอบข้าวสารให้นางเป็นประจำ  แต่ไม่ใช่เลย อาหารได้มาจากการแลกเปลี่ยนแต้ม แต้มได้มาจากไหน แน่นอนว่าต้องใช้การแลกเปลี่ยนต่างหาก ฉีหรานไม่ค่อยเข้าใจนักแต่สิ่งของบางอย่างที่นางสามารถหาได้ มีความต้องการมากในที่ห่างไกลที่ระบบพูดถึง  บางครั้งก็เป็นหญ้าเล็กๆที่หายากบนภูเขา ยาที่หาได้ทั่วไป แต่สิ่งที่ขายได้ดีและสม่ำเสมอที่สุดกลับเป็นของเล่นไม้ไผ่ที่นางทำขึ้น ดังนั้นจะกล่าวได้ว่าของเล่นไม้ไผ่นี้ใช้แลกข้าวมาให้ครอบครัวก็ว่าได้  ฉีหรานไม่ต้องการพูดคุยในประเด็นนี้กับฉีปิง สุดท้ายนางจึงถือแมลงที่ยังสานไม่เสร็จและเดินไปที่ลานบ้าน ฉีปิงจึงรีบวางชามข้าวที่หมดและวิ่งตามออกไป  ฉีหรานมองพ่อและพี่ชายที่กำลังกินข้าวอิ่ม นางยืนมองพวกเขานิ่งๆ สุดท้ายชายหนุ่มจึงทำได้เพียงยกชามข้าวเพื่อดื่มให้หมด ก่อนหันไปมองนางอย่างพร้อมเพียง “อาหรานไม่ต้องกังวล นางเซี่ยและลูกสาวไม่ได้กลับมา” ฉีเล่อเกรงว่าน้องสาวจะคิดมากเรื่องนั้นรีบพูดขึ้น “ไม่ใช่ปัญหาไม่ว่าพวกนางจะกลับมาหรือไม่ แน่นอนพวกนางย่อมไม่กลับมาเมื่อไม่ใช่สายเลือดของข้า” ฉีหรานพูดคำเดียว แต่ทำให้ทั้งลานตกตะลึง “เป็น...” ฉีหรงอ้ำอึ้งพูดไม่ออก “เป็นเพราะเจ้า เราจึงได้ย้อนเวลากลับมาหรือ” ฉีเล่อกลับดีใจมาก กระโดดขึ้นมาและจับมือน้องสาวเอาไว้ แต่นางก้าวถอยหลังกลับทำให้เขาคว้ามือนางไว้ไม่ได้ สุดท้ายจึงยืนยิ้มเขินอยู่ห่างๆ เห็นท่าทางอย่างนั้นฉีหยงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกๆกลัว เว้นแต่ฉีหรานที่ยังคงกล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ “ขอบคุณ” คนเป็นพ่อกล่าวขอบคุณ แต่ทำให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขาคิดมาก่อนว่าพ่อเย็นชามากและน่ากลัวสุดๆ เนื่องจากพ่อเคยเป็นทหารในกองทัพแต่เกษียณหลังได้รับบาดเจ็บ จึงมีอำนาจมากในบ้าน ลูกชายกลัวเขามาก “...” ฉีหรานคิ้วกระตุกอดไม่ได้ที่จะมองพ่อของตนมากขึ้น แต่ไม่พบว่าเขาแปลกหรือแตกต่างตรงไหน ยังคงเย็นชาและไร้ความรู้สึก ใบหน้าเขาแทบไม่ขยับด้วยซ้ำ นางไม่เคยเห็นเขาหัวเราะหรือร้องไห้ จึงหันมาพูดธุระของตัวเองแทน “นางกล่าวว่านำสิ่งใดไปแลกข้าวมา?” คำถามทื่อๆของหญิงสาว ทำให้ทั้งบ้านอึ้ง พวกเขามองหน้ากันก่อนจะมองฉีหรานอย่างรู้สึกผิด “นางบอกว่าเป็นความดีงามของนาง” ฉีเล่อกล่าวอย่างรังเกียจ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะโง่เชื่อคำพูดเช่นนั้นได้ในตอนนั้น โง่จริงๆ นอกจากฉีเล่อที่รู้สึกว่าตนเองโง่ คนอื่นๆก็ไม่ต่างกันนัก พวกเขามองฉีหรานอย่างรู้สึกผิดมากขึ้น “เหอะๆ” ฉีหรานหัวเราะ ดวงตาสั่นระริกจนแทบหลั่งน้ำตาออกมา เห็นเช่นนั้นพี่ชายและพ่อยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เพราะนางไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาแม้แต่น้อย  “สิ่งนี้ใช้แลกข้าวได้ ยังใช้แลกได้อีกหลายอย่าง และมีหลายอย่างใช้แลกได้ แต่นอกจากสายเลือดเราแล้วไม่สามารถบอกคนอื่นได้พวกท่านเข้าใจหรือไม่ แม้จะเป็นภรรยาในอนาคตของพวกท่านก็ตามที” ฉีหรานมองพี่ชายทีละคน ก่อนจะสิ้นสุดที่บิดาของตน ก่อนจะพบว่าเขาพยักหน้า ทุกคนหันไปสนใจมองสิ่งที่อยู่ในมือนางแทน ก่อนที่ใบหน้าจะบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พวกเขาเกลียดน้องสาวคนนี้ เพราะคิดว่านางนำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้สานตะกร้าไปทำเรื่องไร้สาระมากมาย ใครจะคิดไม่ได้ทำอย่างไร้สาระ...แต่ใช้แลกข้าวให้พวกเขากินอิ่ม  “ตกลง ต่อไปอาหรานจะสอนพวกเราถักสิ่งนั้น แต่เพื่อป้องกันปัญหาน้องรอง น้องห้ายังต้องไปที่เขตทุกๆสามสี่วันเพื่อขายตะกร้าและงานไผ่อื่นๆ ยังต้องซื้อยาให้ท่านแม่” ฉีหรงสรุปและทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เว้นแต่ฉีเล่อที่หน้ามุ่ยเล็กน้อย “ข้าต้องการขึ้นเขาด้วย” ฉีหรานบอกความต้องการของตัวเองในภายหลัง  “ขึ้นไปทำไม” คราวนี้เป็นฉีหยงที่เอ่ยถาม  “บางสิ่งบนภูเขาสามารถแลกได้” ฉีหรานตอบพ่อแบบทื่อๆ  “เช่นนั้นก็ขึ้นเขาไปไม่กี่ครั้ง ต้องการอะไรก็ให้บอกพี่ชายของเจ้า รอบๆหมู่บ้านสิ่งที่ไม่ขาดมากที่สุดคือของป่า”  เมื่อพบว่าทุกคนเข้าใจกันอย่างดี ฉีหรานก็ก้มหน้าถักแมลงในมือด้วยความรวดเร็ว ทุกคนแทบมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ ก่อนใบหน้าของพวกเขาจะน่าเกลียดมากขึ้น  พวกเขาผิดต่อน้องสาวมากจริงๆ สองปีที่นางหายตัวไปจากบ้าน เด็กสาววิ่งหนีมาจากมือสองแม่ลูกเซี่ยด้วยความยากลำบาก แต่พวกเขากลับเชื่อว่านางหนีตามเด็กผู้ชายจากหมู่บ้านอื่นไปจริงๆตามคำพูดจากปากนางเซี่ย  สุดท้ายจึงไม่เชื่อคำพูดของน้องสาวและบุตรสาว ทำให้นางไร้ที่พึ่งพาจนตัดสินใจตายในที่สุด เป็นพ่อและพี่ชายที่บีบคั้นนางจนตายจริงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด  หากไม่ใช่เพราะต้องสานแมลงเป็นจำนวนมาก จะสามารถสานได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ ต้องรู้ว่าบ้านของพวกเขากลายเป็นพ่อค้าข้าวในภายหลัง ข้าวเหล่านั้นยังได้มาจากน้องสาวของพวกเขา เช่นนั้นนางต้องสานแมลงเหล่านี้มากเพียงใดเพื่อข้าวเหล่านั้น  แม่และลูกสาวเซี่ยเลวร้ายเกินไปจริงๆ ขังน้องสาวของพวกเขาไว้สองปีเพื่อใช้งานอย่างลับๆเพราะเกรงว่าหากนางแต่งงานออกไปแล้ว เรื่องโกหกของพวกนางจะถูกเปิดโปง  “มาเถอะอาหราน เจ้าสอนพวกเราสานของเล่นในมือเจ้า” ฉีมู่เป็นคนแรกที่ฟื้นสติ เขารู้ว่าน้องสาวมีมารยาทดีแค่ไหน หากท่านพ่อไม่เอ่ยปากนางก็คงไม่กล้าไปหยิบของมาทำ  “ตกลง ข้าจะไปนำไม้ไผ่มาเพิ่ม” ไผ่ต้องได้รับการแช่น้ำเพื่อให้นุ่มลงและทำงานสานได้ง่ายขึ้น ฉีปิงจึงอาสาไปหยิบไผ่ที่แช่ไว้ในสระหลังบ้านเพิ่ม “ข้ากับอาเล่อจะไปตัดไผ่มาเพิ่ม” ฉีหรงกล่าวด้วยใจจริง เขายังอยากขึ้นเขาหาเห็ดป่าและผักป่าด้วย “ข้าจะรีบกลับมา” ฉีเล่อมองน้องสาวด้วยความหวัง  ฉีหรานไม่สนใจพี่น้องมากนัก นางเดินกลับไปในห้องครัวและเริ่มนั่งสานสัตว์ตัวเล็กๆอีกครั้ง เมื่อพี่ชายกลับมาหญิงสาวจึงเริ่มสอนพวกเขา ดีกว่าสอนทีละคน  พี่น้องชำนาญงานสานอยู่แล้ว พวกเขาสานไม้ไผ่เลี้ยงชีพม์มากกว่าสิบปีทั้งนั้น ดังนั้นจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว สองสามรอบที่ทดลองก็สามารถทำสำเร็จ แต่สัตว์เล็กๆที่ฉีหรานสานมีหลายชนิดเกินไป นางจึงตั้งใจสอนพวกเขาวันละสองสามชนิดเท่านั้น หลังจากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาสานให้นาง  “ไม่ต้องการมากเกินไป เพียงวันละยี่สิบตัวต่อชนิด” ฉีหรานไม่ลืมเน้นย้ำเรื่องนี้ ระบบไม่สามารถส่งสิ่งเดิมๆได้มากเกินไปเพื่อป้องกันการขนย้ายที่ผิดกฎ ยังมีกฎยิบย่อยที่ฉีหรานไม่เข้าใจ นางรู้แค่ว่าสัตว์จะขายได้เพียงวันละ20ตัวต่อหนึ่งชนิดเท่านั้น  ระบบแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนสัตว์ตัวเล็กๆเหล่านั้นออกมาเป็นแต้ม ตัวหนึ่งมีค่าหนึ่งแต้ม ซึ่งน้อยกว่าการหาวัสดุหายากใส่เข้าไปในระบบมาก แต่เป็นรายได้ประจำ และฉีหรานไม่มองข้ามเพราะหนึ่งแต้มสามารถแลกข้าวขาวได้หนึ่งจิน  หนึ่งจินถือว่าเยอะมากสำหรับครอบครัว

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
12.7K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
37.1K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
11.5K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.0K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
3.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook