ทางด้านแม่เซี่ย นางเดินพยุงบุตรสาวเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกผิดในใจ เมื่อเห็นลูกเขยนั่งเล่นอยู่ในบ้านก็อดไม่ได้บ่นด่าเขาทันที
“อาเซ่อ ไม่ใช่เจ้าต้องไปทำงานในทุ่งกับพ่อเจ้าหรอกหรือ ทำไมจึงยังอยู่ที่นี่”
“ท่านแม่ ข้ารออาฉู่กับท่านกลับมา จึงจะออกไปหาเงินกับสหายที่นอกหมู่บ้าน ทำงานในทุ่งกว่าจะได้เงินก็ช่วงฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวงานยุ่งข้าค่อยกลับมาช่วยก็ย่อมได้”
“ทำงานกับสหาย แต่ข้าไม่เคยเห็นเงินจากเจ้าแม้แต่อีแปะเดียว อาเซ่อเจ้าเป็นเขยบ้านข้าก็จริง แต่ใช่จะเป็นตลอดไปเช่นกัน หากเจ้าไม่ช่วยงานในบ้านแล้วข้าจะแต่งเจ้ามาทำไมกัน”
“ท่านแม่…พูดแรงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยฉู่ที่มีใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดกล่าวเสียงเบา
“ข้าจะพูด หากไม่พูดวันนี้เจ้าจะตั้งครรภ์ได้เมื่อใด เจ้าถูกท่านหมอห้ามทำงานหนักหากต้องการตั้งครรภ์ หากอาเซ่อไม่ทำงานช่วยบิดาเจ้า แล้วใครจะทำ?”
“ท่านแม่ ท่านหมายความว่ายังไง” อาเซ่อ หรือชื่อจริง เซี่ยจี้ชงเอ่ยถามเมื่อได้ยินแม่ยายกล่าวคำพูดแปลกๆ เวลาที่นางบ่นด่าเขาก็แค่รับฟัง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหาได้สนใจไม่ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องตั้งครรภ์ของภรรยาก็คล้ายโดนกดปุ่มบางอย่าง
ที่แท้อาเซ่อต้องทนรับความอัปยศ สหายของเขาล้วนหยอกล้อว่าเขาไม่มีน้ำยาทำให้ภรรยาตั้งครรภ์ไม่ได้ เพื่อลบล้างความอัปยศนั้น เขาจึงเอาเงินที่หาได้ไปเที่ยวผู้หญิงนอกบ้าน ใครจะคิดว่าข่าวลือจะมาถึงบ้าน ทำให้ต้องหยุดไปพักหนึ่ง
“อาเซ่อ ต่อไปนี้อาฉู่ไม่สามารถทำงานหนักได้ หากต้องการให้นางตั้งครรภ์ ท่านหมอยังกล่าวว่าเพราะนางทำงานหนักจึงได้แท้ง…”
“ท่านแม่!” เซี่ยฉู่กล่าวขัดมารดา
“ทำไม! เจ้าลูกเนรคุณ เจ้าจะปกป้องมันทำไมนักหนา คราวก่อนเจ้าก็เห็นมันเข้าบ้านหญิงหม้ายไปกับตายังจะทำหูตามืดบอดอีกงั้นหรือ วันนี้ข้าจะบอกเจ้าอาเซ่อ เมียเจ้าเคยท้องมาแล้ว แต่เพราะเจ้าไม่ได้เรื่องทำให้นางต้องทำงานหนักเพียงลำพัง สุดท้ายก็แท้งบุตรชายของเจ้า หลานชายคนแรกของข้าไปแล้ว!”
อาเซ่อยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง มองภรรยาที่มีผิวดำคล้ำของตนอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่ได้แตะต้องนางมานับปี แต่หากเป็นเช่นที่แม่ยายบอกจริงๆ เช่นนั้น…บุตรเขาก็ตายไปแล้วคนหนึ่งงั้นหรือ
“ข้า…”
“หากเจ้ายังไม่ปรับปรุงตัว อย่าหาว่าข้าไม่เตือนอาเซ่อ บ้านเซี่ยของเราไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ ข้าจะให้อาฉู่หย่ากับเจ้า”
“ทะเลาะอะไรกันเสียงดัง” เสียงดุดันของพ่อสามีดังขึ้น ขณะที่อาเซ่อเข่าอ่อนจนนั่งกองอยู่บนพื้น ดูแล้วเหมือนแม่ลูกเซี่ยกำลังรังแกคนอ่อนแออยู่
พ่อเซี่ยที่เพิ่งกลับมา ไม่ทันได้ยินเรื่องอื่น นอกจากเสียงประกาศว่าจะหย่าบุตรเขยของนางเซี่ย แต่พอเห็นลูกสาวที่ถูกภรรยากอดไว้ร้องไห้สะอื้นปานจะขาดใจ เขาก็รู้สึกแปลกๆในใจ
“แม่เซี่ยเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านพี่ วันนี้ข้าพาบุตรสาวไปหาหมอเฒ่า ข้ารู้แล้วว่าตนเองเข้าใจผิดมาตลอด อาฉู่ของเราเพราะทำงานหนักเกินไป ทำให้เราสูญเสียหลานคนโตไปแล้ว ข้าผิดต่อบรรพบุรุษสกุลเซี่ย ข้าสมควรตาย” กล่าวแล้วแม่เซี่ยก็กอดบุตรสาวร้องไห้ตามไปด้วย
พ่อเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง นานทีเดียวกว่าเขาจะทำใจได้ เดินเข้าไปกอดปลอบภรรยาและบุตรสาวคนโต พวกนางคงเสียใจมากทีเดียว
“แม่เซี่ย เป็นข้าที่ผิดเอง ไม่ใส่ใจบุตรสาวให้นางทำงานหนักตั้งแต่เด็กจนโต กระทั่งช่วงหลังแต่งงานยังให้นางไปช่วยงานในทุ่ง เป็นข้าที่ผิดต่อบรรพบุรุษสกุลเซี่ย” เสียงร่ำไห้ของพ่อแม่ลูกสกุลเซี่ยดังไปสามบ้านแปดบ้าน นานทีเดียวกว่าจะสงบลง
อาเซ่อที่นั่งมึนงงอยู่บนพื้น ในที่สุดก็ลุกขึ้นคุกเข่าก่อนจะโขกหัวให้พ่อตาแม่ยาย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เป็นข้าที่ผิดเอง ข้าไร้ประโยชน์ทำให้อาฉู่ต้องทำงานหนักเพียงลำพัง ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะทำงานในทุ่งช่วยท่านพ่อ ไม่ให้อาฉู่ทำงานหนักอีกต่อไป”
“เจ้าสำนึกได้ก็ดีแล้ว ลุกขึ้นเถอะอย่าทำร้ายตนเอง” พ่อเซี่ยเหลือบมองบุตรเขยเล็กน้อย เพราะเขาชอบเด็กผู้ชายมากกว่าจึงชอบบุตรเขยมากกว่าลูกสาวแท้ๆ มองว่าเซี่ยจี้ชงเป็นเหมือนบุตรแท้ๆของตน
อีกทั้งหากหย่าจริงๆ บุตรสาวก็คงหาแต่งสามีเข้าบ้านได้ยากขึ้น มีทางเดียวคือต้องใช้อำนาจของสกุลฉีเพื่อช่วยเหลือเท่านั้น แต่จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี หากอาเซ่อคิดได้จะดีมาก
“อาฉู่ข้าขอโทษ”
เซี่ยฉู่ที่โดนมารดาเปิดเผยเรื่องที่ตนปกปิดเอาไว้คนเดียวก็อับอายและไม่อยากเห็นหน้าสามีขึ้นมา นางถึงขนาดคิดเรื่องหย่ากัน จึงเมินเขาไป
“ท่านพ่อ ช่วงนี้ข้าจะไปนอนกับพวกท่าน”
อาเซ่อได้ยินอย่างนั้นก็ใจหาย ตอนนี้ภรรยาไม่ให้เขาเข้าใกล้แล้ว เขายังได้ยินว่านางรู้เห็นเรื่องที่ตนแอบกระทำลับหลัง ไม่ใช่เพียงได้ยินข่าวลืออย่างที่คิด
ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจ หากจะพูดมันคงเป็นเพียงความคึกคะนองของวัยหนุ่ม แต่เขายังมีสติและรู้ดีว่าอะไรคือความถูกต้อง สุดท้ายก็มีเพียงภรรยาที่จะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า หญิงสาวซื้อกินเหล่านั้นจะมีความจริงใจหวังพึ่งพิงได้ที่ใดกัน
อาเซ่อเคยเป็นคนไม่ดี แต่เขาไม่ใช่คนไม่ดีโดยนิสัยดั้งเดิม ความคิดกลับใจจึงเกิดขึ้นเร็วมาก แต่จะทำได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องใจภายภาคหน้าแล้ว
“อืม ทำอะไรก็ทำเถอะ ตอนนี้ต้องดูแลสุขภาพให้ดี”
“ข้าจะไปขอซื้อไก่สาวจากบ้านลูกเขยมาสักสองสามตัว นำมาเลี้ยงให้ออกไข่ไว้บำรุงอาฉู่ ในบ้านยังมีเงินอยู่บ้าง พ่อเซี่ยเจ้าไปสร้างคอกไก่เล็กๆไว้หลังบ้านให้ข้าได้หรือไม่”
“เลี้ยงไก่งั้นหรือ จะเอาอะไรให้มันกินเล่า”
“ข้าได้ยินว่าบ้านฉีเลี้ยงหนอนในดินไว้ให้ไก่กินได้ด้วย เพียงต้องนำใบไม้แห้งมาไว้เป็นอาหารพวกมันเท่านั้น ท่านพ่อข้าจะรับผิดชอบดูแลเลี้ยงหนอนดินเอง ข้าได้ยินน้องสาวกล่าวว่าเลี้ยงหนอนดินไปสองเดือนก็สามารถนำขี้หนอนไปขายให้บ้านฉีได้”
“จริงหรือ ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน” นางเซี่ยหันไปถามบุตรสาวอย่างไม่แน่ใจ
“จริงเจ้าค่ะท่านแม่ น้องสาวบอกว่าบ้านฉีปลูกอะไรสักอย่างที่ต้องใช้ขี้หนอนดินในการขุนดิน พวกเขาจึงพูดเรื่องนี้กับข้า” เซี่ยฉู่แม้ไม่ค่อยได้ไปที่อื่นนอกจากบ้านและทุ่ง แต่ยามที่เดินไปทุ่งก็มีบางครั้งเดินสวนทางกับน้องสาว เซี่ยฉินยังมีพูดเรื่องนี้หลายครั้ง
“เช่นนั้นข้าจะไปถามแม่ฉีดู หากเป็นเรื่องจริงเจ้าจะได้มีงานทำไม่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ” แม่เซี่ยรีบกำเงินออกไปบ้านฉีทันที แน่นอนว่านางกลับมาพร้อมไก่สาวสี่ตัวและถังไม้ใหญ่สำหรับเลี้ยงไส้เดือน ยังสอนวิธีเลี้ยงให้ลูกสาวอีกด้วย
.
ทางด้านฉีเล่อ เมื่อเห็นพี่ชายคนโตมาถึงตีนเขาตะวันตกก็โบกมือกระโดดเหยงๆ
“พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง เจ้าเซ่อเซี่ยนั่นถูกหย่าออกไปรึยัง”
“อาเล่อ เจ้าหมายถึงอะไร?” ฉีหรงที่เพิ่งมาถึงถามอย่างสงสัย ขณะที่เริ่มมองหางานทำไปด้วย
“พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้อะไรซะแล้ว ข้าได้แก้แค้นให้ท่านแล้วนะ หึ! ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปเอาเลือดหัวมัน ข้าก็ต้องทำให้มันต้องอับอาย” ฉีเล่อหัวเราะคิกคักท่าทางอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
“ข้าให้คนไปปล่อยข่าวเรื่องที่มันแอบซื้อหญิงหม้ายกิน แถมยังให้พี่น้องของข้าในหมู่บ้านข้างเคียงชักจูงให้เซี่ยคนโตไปเจอ เจ้าเซ่อเซี่ยนอกใจนางด้วย แต่น่าเสียดายนางมีความอดทนมาก ยอมเก็บเรื่องไว้คนเดียวเงียบๆ แต่วันนี้ยังไงก็ต้องระเบิดใช่มั้ย พี่ใหญ่ระเบิดลงมั้ย?”
“ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่หากเซี่ยฉู่หย่า แล้วเจ้าจะแต่งงานกับนางแทนหรือ เจ้าทำเกินไปแล้วอาเล่อ ถ้ามีการหย่าเกิดขึ้นอย่างไรฝ่ายหญิงก็เสียเปรียบ”
“พี่น้องข้าตั้งเยอะแยะ ใช้ได้กว่าเจ้าเซ่อเซี่ยก็มีมาก ข้าแนะนำให้นางก็ได้ เซี่ยคนโตงดงามจะตายไป จุจุ พี่ใหญ่ท่านไม่รู้เสียแล้ว เมื่อชาติก่อนมีคนมาชอบคนบ้านเซี่ยตั้งมาก พี่ใหญ่ท่านก็ระวังพี่สะใภ้ไว้ให้ดี”
“ฉีเล่อ!” ฉีหรงคำรามในลำคอกระชับไม้ท่อนใหญ่ในมือแน่นหันมองน้องชายอย่างข่มขู่
“ข้าไม่แกล้งท่านแล้ว ท่านพ่อข้าช่วยท่านทำงานเอง!” ฉีเล่อรีบวิ่งหนีไปก่อนพี่ชายจะตีตัวเองจริงๆ โชคดีที่เขาฝีเท้าดี วิ่งหนีเสียเร็ว ไม่เช่นนั้นฉีหรงคงได้ตีคนจริงๆ
ฉีหรงนึกถึงสิ่งที่น้องชายทำก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ดูเหมือนการทำเช่นนี้จะแก้แค้นได้ดีกว่าไปตีคนคืนเสียอีก ไม่รู้ว่าระเบิดจะลงบ้านเซี่ยจริงๆหรือไม่
.
น่าเสียดายที่ฉีเล่อต้องผิดหวังแล้ว เพราะต่อมาอาเซ่อก็กลับใจจริงๆ หันมาทำงานในทุ่งช่วยพ่อแม่ภรรยา
ทางบ้านเซี่ยเมื่อเลี้ยงไส้เดือนไปได้สองเดือนก็สามารถนำขี้มันไปขายได้จริงๆ แต่ต้องเป็นขี้ที่ละเอียดแล้วเท่านั้น ไม่นานเซี่ยฉู่ก็มีรายได้จากการเลี้ยงไส้เดือนขายขี้เป็นครั้งแรกยิ่งติดใจ
นางขอซื้อถังไม้สำหรับเลี้ยงไส้เดือนเพิ่มทันที โดยมีแม่เซี่ยสนับสนุน ให้นำเงินที่ขายขี้ไส้เดือนได้ไปซื้อถังไม้ ได้มาทั้งหมดสองถัง และเริ่มเลี้ยงไส้เดือนขายขี้อีกรอบ
ยังมีอีกเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปในบ้านเซี่ย อาเซ่อหันไปทำงานในทุ่งแต่ผ่านมาสี่ห้าเดือนแล้วท้องของเซี่ยฉู่ก็ยังไม่ขยับ
ขณะที่เซี่ยฉู่อวบอิ่มและงดงามขึ้นเรื่อยๆอาเซ่อกลับหลงไหลภรรยาทุกวัน เขาจึงประคองนางไว้กลางใจแล้ว และไม่คิดให้นางทำงานหนัก เมื่อเห็นลูกเขยกลับตัวก็พอใจ แม่เซี่ยกลับยังกังวลว่าไม่ใช่ปัญหาของลูกสาว
สุดท้ายจึงพาเซี่ยฉินและลูกเขยไปในเมืองหลังหิมะหยุดตก หมอเฒ่าขมวดคิ้วมุ่นทำให้พวกเขากังวลก่อนจะบอกว่า ร่างกายของอาเซ่อหยางขาดเล็กน้อยน้ำเชื้อจึงอ่อนแอ ทำงานให้มากขึ้นออกกำลังให้มากก็ไม่มีปัญหา ยังต้องกินยาอีกเทียบไปสองสามเดือนกว่าจะหาย
แม่เซี่ยแทบเป็นลมในทันทีเพราะรู้ว่าตนเองเลี้ยงดูผิดมาตลอด ที่แท้ชายหนุ่มสบายเกินไปไม่ถูกต้อง พวกเขาต้องแข็งแรงต่างหากจึงจะมีลูกได้
เมื่อกลับมาบ้านนางก็สั่งสอนลูกสาวและลูกเขยด้วยความเสียใจ อย่าได้ทำไม่ดีต่อลูกสะใภ้หรือลูกสาว ขณะที่อย่าประคบประหงมลูกชายเกินไป ชายหนุ่มต้องแข็งแรงจึงจะมีลูกได้
เรื่องที่บ้านเซี่ยพบไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป แต่การกระทำของแม่เซี่ยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออยู่ในสายตาทุกคน
เดือนถัดมาเซี่ยฉู่ตั้งครรภ์ในที่สุด ทั้งหมู่บ้านจึงพูดกันว่าต้องบำรุงผู้หญิงและทำให้ผู้ชายแข็งแรงโดยอัตโนมัติเพราะรู้เห็นคู่ของอาเซ่อและเซี่ยฉู่อยู่แล้วที่ผ่านมา สามปีไม่ตั้งครรภ์ เปลี่ยนวิธีเพียงครึ่งปีก็ตั้งครรภ์ไม่เห็นหรือ
ส่วนบ้านเซี่ย เนื่องจากได้เลี้ยงหนอนดินขายขี้ให้บ้านฉี ทั้งยังขยับขยายซื้อที่ดินข้างบ้านสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ ความเป็นอยู่จึงดีขึ้นตามๆกัน อาเซ่อที่กลับใจได้กลายเป็นเสาหลักของสกุลเซี่ยอย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเซี่ยฉินที่ชวนนางเซี่ยพาเซี่ยฉู่ไปตรวจสุขภาพ ต้องขอบคุณบ้านฉีที่แผยแพร่วิธีเลี้ยงอาหารไว้ไห้ไก่แบบง่ายๆ
และต้องขอบคุณรายได้ทั้งจากการขายไข่ไก่ และขี้ไส้เดือน ทำให้บ้านเซี่ยมีความเป็นอยู่ที่ดี กลายเป็นหนึ่งในบ้านที่ร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ