วันนี้เสนาบดีจางลู่ฉีมีราชโองการให้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ตั้งแต่เช้า กว่าจะเสร็จภารกิจก็ใช้เวลาไปมากโข เขาอยากกลับบ้านมาพักผ่อนใจจะขาด แต่เมื่อกลับมาก็ได้ยินเสียงเอะอะทะเลาะกันภายในบ้านเสนาบดีจางจึงนิ่วหน้าด้วยความอารมณ์เสียไม่น้อย พร้อมกันนั้นก็มีบ่าวชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมารายงาน
“ท่านเสนาบดีขอรับ ตอนนี้ฮูหยินกับคุณหนูใหญ่กำลังมีเรื่องกันในโรงครัว ท่านช่วยไปดูหน่อยเถอะขอรับ” เมื่อได้รับรายงานจางลู่ฉีก็จำใจต้องเดินไปดูอย่างช่วยไม่ได้ เขาเบื่อหน่ายกับนิสัยร้ายกาจของฮุ่ยหมิงเต็มทน ด้วยลูกสาวคนโตอย่างจางฮุ่ยหมิง เกิดจากอดีตฮูหยินเอกที่ไม่ได้รัก เขาจึงไม่ค่อยใส่ใจในตัวนางเท่าไหร่ เมื่อโตขึ้นนางก็ยิ่งมีนิสัยร้ายกาจมากขึ้น ทั้งด่าทอ ตบตีบ่าวไพร่ น้องสาวน้องชายต่างมารดาก็ไม่เว้น ผู้คนในจวนเมื่อเห็นนางเป็นต้องเบือนหน้าหนีกันทุกคน มากไปกว่านั้นนางชอบหาเรื่องทะเลาะทำร้ายร่างกายฮูหยินและลูกสาวคนรองของเขาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาไม่พอใจในตัวนางเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินมาถึงก็เจอเข้ากับภาพฮูหยินหน้ามืดเป็นลม ข้างกายมีบ่าวรับใช้คอยประคอง ถัดไปเป็นจางลี่เซียนลูกสาวคนรองที่เขารักและทะนุถนอมยืนน้ำตาคลออยู่ข้างมารดา เสนาบดีจางเห็นดังนั้นก็รีบปราดเข้าไปยืนข้างพวกนางทันที พร้อมกับถามฮุ่ยหมิงด้วยเสียงโมโหเดือดดาล
“นี่เจ้าโดนโบยไปยังไม่เข็ดหลาบหรือไร พอฟื้นขึ้นมาถึงได้หาเรื่องผู้อื่นอีกแล้ว ฮูหยินกับน้องสาวของเจ้าไปทำอะไรให้ เจ้าถึงได้โกรธเกลียดพวกนางนักหนา”
“ท่านพ่อ ท่านเข้ามาต่อว่าข้า ว่าข้าเป็นคนผิดโดยที่ยังไม่ถามอะไรสักคำเลยหรือเจ้าคะ” หัวใจของฮุ่ยหมิงกระตุกวูบโหวงไปครู่นึ่ง คิดว่าคงเป็นปฏิกิริยาของร่างเดิมที่กำลังเสียใจ
“ข้าก็เห็นอยู่ตำตา เจ้าดูสภาพของพวกนาง ถ้าเจ้าไม่ได้รังแกพวกนางจะมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร” เสนาบดีจางลู่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลอีกครั้ง ตอนนี้เขาโมโหจนแทบจะพ่นไฟได้
“พวกนางตอแหลเสแสร้งอ่อนแอไงเจ้าคะ ถึงได้มีสภาพเช่นนี้ ข้าแค่ต่อว่าไม่กี่คำ อีกคนจะเป็นลม อีกคนก็ตาแดงน้ำหูน้ำตาไหล หึ” ฮุ่ยหมิงเบ้ปากพร้อมกับส่งเสียงในลำคอไปหนึ่งที นางยังไม่ทำอะไรด้วยซ้ำคนพวกนี้อ่อนแอเองต่างหาก จะมาโทษว่าเป็นความผิดของนางได้อย่างไร คนสมัยนี้ช่างอ่อนแอกันเสียจริง โดนด่ากลับแค่นี้ก็จะเป็นลมแล้ว เฮ้อ
“แล้วมีเหตุอันใดที่เจ้าต้องต่อว่าพวกนาง” เสนาบดีจางพยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงเพื่อคุยกับฮุ่ยหมิง
“ก็ฮูหยินของท่านสั่งให้ข้ากินได้แค่ข้าวต้ม ข้าเบื่อเลยจะมาหาอะไรกินในครัว แต่สาวใช้ของนางกลับมาขัดขวางข้า ไม่ยอมให้ข้าใช้วัตถุดิบแถมยังด่าเจ้านายอย่างข้าว่าไม่มีผู้ใดสั่งสอน แต่ข้ายังมีท่านพ่ออยู่นะเจ้าคะ หากนางกล้าด่าข้าว่าไม่มีผู้ใดสั่งสอน เช่นนั้นคงหมายถึงท่านเป็นแน่ที่ไม่สั่งสอนข้า” ฮุ่ยหมิงจีบปากจีบคอพูดพร้อมกับมองสาวใช้นางนั้นด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ข้าเพียงต้องการเตือนสติคุณหนูเท่านั้นเจ้าคะ เพราะคุณหนูไม่ยอมทำตามกฎของบ้านที่ต้องไปเบิกวัตถุดิบกับฮูหยินก่อน” เจียอี รีบคุกเข่าก้มหน้าพูดด้วยความร้อนรน นางเกิดอาการสั่นกลัวขึ้นมา
“ใช่เจ้าค่ะ คนของข้าแค่ตักเตือนเท่านั้น แต่นางกลับทำรุนแรง ทำร้ายร่างกายคนของข้า ท่านดูหน้านางสิทั้งบวมทั้งช้ำขนาดนี้ ข้าเห็นว่าฮุ่ยหมิงทำเกินไปจึงจะมาคุยกับนางเจ้าค่ะ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของฮุ่ยหมิงจะยิ่งแย่ลง ข้าเพียงเป็นห่วงนางเท่านั้น แต่นางกลับต่อว่าข้า” จางฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร ประหนึ่งนางหวังดีกับฮุ่ยหมิงมากมายแต่กลับถูกฮุ่ยหมิงรังแกอย่างไม่ยุติธรรม
“ข้ามาถึงก็เห็นนางต่อว่าท่านแม่รุนแรงและท่านแม่กำลังจะเป็นลมเจ้าค่ะ” จางลี่เซียนรีบพูดเสริมด้วยน้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะไหลลงมา พี่สาวของนางชอบรังแกท่านแม่ ถึงนางจะทำอะไรได้ไม่มากอย่างน้อยได้ช่วยท่านแม่พูดก็ยังดี นางเชื่อว่าคำพูดของนางมีน้ำหนักในใจท่านพ่อไม่น้อย
“เจ้ากล้าทำแบบนี้ได้เยี่ยงไร เจ้ากล้าต่อว่านางที่ถือเป็นท่านแม่ของเจ้าอีกคน นางหวังดีต่อเจ้า เจ้าทำได้เยี่ยงไร”
“แหม แม่ที่สั่งให้ข้ากินแต่ข้าวต้ม หากข้าไม่ลุกขึ้นมาโต้เถียง ก็คงต้องไม่มีเรี่ยวแรงตายไปในสักวัน แม่ที่เอาแต่หาเรื่องว่าข้าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ข้าไม่อยากมีหรอกเจ้าค่ะ อ้อท่านพ่อที่เอาแต่หลงเมียน้อยอย่างท่านข้าก็ไม่อยากมีเช่นกัน”
“นี่เจ้า ทำไมถึงได้เป็นสตรีเยี่ยงนี้ เจ้ากล้ากล่าววาจาว่าร้ายข้ากับนางเช่นนี้ได้อย่างไร” ตอนนี้จางลู่ฉีโกรธจนหน้าแดงหน้าดำ ทำไมเขาถึงมีลูกสาวร้ายกาจอย่างนางกัน
“มากกว่านี้ข้าก็พูดได้เจ้าคะ นางยังสั่งสอนให้บ่าวรับใช้เหิมเกริมกับข้า ด่าข้าว่าไม่มีพ่อแม่สั่งสอน นางคงไม่เห็นหัวท่านแล้วกระมัง” ฮุ่ยหมิงเบะปากพูด คนพวกนี้อะไรกัน เอะอะก็หาว่าข้าร้าย ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แหม ข้าแค่มาหาข้าวกินเฉยๆ
“นางเป็นสาวรับใช้ของข้า ข้าย่อมสอนนางในสิ่งที่ถูกที่ควร ไม่เคยทำดังเจ้าว่า” จางฮูหยินรีบพูดขึ้น นางกลัวสามีจะต่อว่านาง ว่าไม่สั่งสอนบ่าวไพร่ให้ดี จึงทำให้มีกิริยาไม่ควรออกไป
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็สั่งสอนบ่าวไพร่ของท่านให้ดี หากนางยังมีนิสัยเสียแบบนี้อีก ฮูหยินบ้านอื่นรู้เข้าคงหัวเราะเยาะกันสนุก เพราะแค่สั่งสอนสาวใช้ให้ดีท่านยังทำไม่ได้ จวนเสนาบดีคงได้อับอายขายหน้าไปทั่วเมืองเป็นแน่ หรือหากท่านดูแลไม่ได้ก็ส่งมาให้ข้าได้นะเจ้าคะ หากนางไหนไม่ดีข้าจะจับขายหอนางโลม ไม่ก็ส่งไปโรงน้ำชาเสียให้หมด ไม่เก็บไว้ให้เหยียบหัวเจ้านายเล่นแน่นอน”
“นี่เจ้า” จางลู่ฉีและฮูหยินได้แต่ยืนชี้หน้าฮุ่ยหมิงอย่างไม่สามารถพูดคำใดได้ ส่วนบ่าวไพร่ในจวนก็หัวหดกับคำขู่ของคุณหนูใหญ่ หากพวกนางถูกขายไปหอนางโลมหรือโรงน้ำชาชีวิตนี้ขอตายเสียดีกว่า
หลังจากปะทะคารมเสร็จฮุ่ยหมิงรีบนำกับข้าวที่นางทำไว้กลับไปกินที่เรือนทันที ปล่อยให้คนทั้งหมดยืนมองนางอยู่อย่างนั้น คนบ้านนี้เป็นแบบไหนกันช่างไม่มีความยุติธรรมกับนางเอาเสียเลย แม้อยากหาเรื่องสนุกเล่นต่ออีกสักหน่อย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความหิวโหย เนื่องจากตั้งแต่เช้ายังไม่มีข้าวตกถึงท้องนางเลย ฮุ่ยหมิงจึงยอมตัดใจเดินออกมาอย่างช่วยไม่ได้ กินข้าวเพิ่มพลังดีกว่าหากนางจะอยู่จวนหลังนี้ต่อไปคงต้องใช้พลังงานมากน่าดู
“เฮ้อ ข้าจะกินข้าวดีๆ สักมื้อทำไมถึงยากเย็นเพียงนี้” ฮุ่ยหมิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายพูดกับเฟยเฟิ่งที่นางบังคับให้กินข้าวเป็นเพื่อน กินคนเดียวแล้วรู้สึกแปลกๆ จึงหาเพื่อนกินเผื่อกับข้าวมื้อนี้จะอร่อยขึ้น
“คุณหนูอย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะ ท่านก็เจอแบบนี้ออกจะบ่อย” เฟยเฟิ่งตอบฮุ่ยหมิงอย่างเฉยเมย นางเห็นคุณหนูใหญ่ทะเลาะกับจางฮูหยินและคุณหนูรองจางลี่เซียนจนเคยชิน ตอนแรกนางคิดว่าคุณหนูของนางเปลี่ยนไป แต่วันนี้คุณหนูใหญ่ของนางก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิมหรือน่าจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะวันนี้คุณหนูเถียงจางฮูหยินจนเป็นลม ท่านเสนาบดีจางก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนสาวใช้คนนั้นคุณหนูใหญ่ตบสั่งสอนไปหลายที สาแก่ใจนางนัก คนพวกนั้นชอบทำเหมือนโดนคุณหนูใหญ่ของนางรังแกมาตลอด โดนรังแกคืนซะบ้างก็ดี
“เจ้าดูจะชินชามากนะเฟยเฟิ่ง” ฮุ่ยหมิงอดแซวไม่ได้ สาวรับใช้ของนางพูดถึงเรื่องนี้ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน
“เฮ้อ คุณหนู ก็ท่านมีเรื่องตบตีด่าทอกับคนพวกนั้นแทบทุกวันนี่เจ้าคะ คนพวกนั้นชอบทำตัวอ่อนแอ แต่กลับทำให้ท่านโมโห ข้ารู้เหตุผลที่คุณหนูเกลียดชังพวกนาง ไม่ว่าอันใดในชีวิตของท่านล้วนถูกพวกนางแย่งชิงไป ทั้งนายท่านจาง สิ่งของหลายๆ อย่าง รวมทั้งองค์รัชทายาทหวงเฟยเทียนที่ท่านรัก ข้ารู้ว่าท่านน้อยใจและคิดอยู่ตลอดว่าทำไมทุกสิ่งที่ท่านรักต้องตกเป็นของพวกนาง คนที่ท่านรักต่างก็ชมชอบพวกนาง หากพวกนางเหลือสิ่งใดให้ท่านมาบ้าง ท่านคงไม่เป็นเช่นนี้ แต่ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะคุณหนู หากคนพวกนั้นไม่เห็นค่าท่าน ท่านก็อย่าไปเกลือกกลั้วกับพวกเขาเลย ข้าอยากเห็นท่านมีความสุข อยากให้ท่านเจอคนที่รัก ข้าเชื่อว่าสักวันต้องได้พบ” เฟยเฟิ่งพยายามเกลี้ยกล่อมเตือนสติคุณหนูของนาง แต่เดิมคุณหนูไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก เป็นแค่คุณหนูเอาแต่ใจผู้หนึ่งเท่านั้น บุญคุณที่รับเฟยเฟิ่งเข้ามาเป็นสาวใช้ก่อนจะถูกขายให้หอนางโลมยังจำขึ้นใจ หากคุณหนูของนางเลวร้ายขนาดนั้นจะมีความคิดช่วยคนได้อย่างไร แต่โชคชะตาก็โหดร้ายกับนางเกินไป ทั้งชีวิตนี้คุณหนูของนางไม่เคยได้รับความรักจากใคร ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางรักและชื่นชอบกลับถูกเทไปให้น้องสาวต่างมารดาจนหมด คุณหนูของนางจึงต้องแย่งชิง เฟยเฟิ่งได้แต่หวังว่าสักวันจะมีคนมาฉุดดึงคุณหนูของนางออกไปจากชีวิตอันแสนโชคร้ายนี้ ก่อนที่นางจะกลายเป็นคนร้ายกาจไปจริงๆ
“อืม คงเป็นดังเจ้าว่า ข้าหวังว่าสักวันจะได้เจอกับคนที่เขารักข้าบ้างเช่นกัน” ฮุ่ยหมิงที่คิดตามคำพูดของเฟยเฟิ่ง ก็รู้สึกว่าความรักและทุกสิ่งทุกอย่างของนางร้ายถูกเทไปให้นางเอกจนหมด อย่างไม่ยุติธรรม ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกอิจฉาจนกลายเป็นนางร้าย
แต่ตัวฮุ่ยหมิงเองก็โง่เง่าด้วยเช่นกัน นางมุ่งหวังเพียงเพื่อเอาชนะน้องสาวและต้องการครอบครองหัวใจของหวงเฟยเทียน จนลืมมองความรักของหวงเฟยฟลงที่มีให้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ