ตอนที่ 2 แก้ไขเส้นทางนางร้าย

2133 Words
หลายวันมานี้ฮุ่ยหมิงวุ่นวายอยู่กับการคิดหาทางออกให้ตัวเอง เท่าที่นางจำได้หลังจากวันเกิดของจางลี่เซียนสิบวัน นางจะพบกับองค์ชายใหญ่หวงเฟยหลงโดยบังเอิญที่ร้านขายผ้าตอนนางไปสั่งตัดชุดใหม่ ในตอนนั้นเขาได้สารภาพรักกับนางรวมทั้งขอนางหมั้นหมาย เนื่องจากได้รับราชโองการให้ไปปราบกลุ่มโจรบนภูเขา โจรกลุ่มนี้ฝีมือเก่งกาจไม่มีผู้ใดสามารถจัดการลงได้ ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว เรื่องนี้จึงร้อนมาถึงเขาที่ต้องไปจัดการ ในครั้งนั้นฮุ่ยหมิงปฏิเสธหวงเฟยหลงไปอย่างไม่ไยดี นางบอกว่าไม่ได้รักเขา คนที่นางรักคือหวงเฟยเทียน ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาท ฮุ่ยหมิงอยากเป็นชายาของว่าที่ฮ่องเต้ ไม่ใช่องค์ชายผู้ไร้อนาคตอย่างเขา และขอให้เขาออกไปจากชีวิตของนางเสียอย่าได้เข้ามาใกล้ นางไม่อยากให้หวงเฟยเทียนเข้าใจผิด หลังจากได้ฟังสิ่งที่นางต้องการองค์ชายใหญ่หวงเฟยหลงก็ทำตามที่นางบอกไว้ได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยเข้าใกล้ให้นางวุ่นวายใจอีก ได้แต่ถามข่าวคราวอยู่ห่างๆ จนกระทั่งฮุ่ยหมิงได้แต่งงานเป็นพระชายาของหวงเฟยเทียน ทำให้คนไม่กระหายอำนาจอย่างเขาต้องลุกขึ้นมาต่อสู้แย่งชิง หลังจากแต่งงานหวงเฟยเทียนไม่เคยรักหรือให้เกียรติฮุ่ยหมิงเลย เขาต้องทนเห็นนางเจ็บปวดร้องไห้ทุกวัน และยิ่งเห็นนางดิ้นรนต่อสู้ทำความผิดต่างๆ นานา เขาก็ยิ่งปวดใจ ความอดทนสุดท้ายของเขาสิ้นสุดลงเมื่อฮุ่ยหมิงถูกจับโทษฐานวางแผนสังหารพระชายารองอย่างจางลี่เซียนและองค์ชายในครรภ์ โทษทัณฑ์ของนางคือประหารชีวิต หนทางเดียวที่เขาจะช่วยฮุ่ยหมิงเอาไว้ได้จึงมีเพียงการชิงบัลลังก์ แต่ก็สายเกินไปเมื่อเขาแย่งชิงบัลลังก์มาได้นางกลับโดนประหารไปก่อนเพียงไม่กี่นาที บัลลังก์มังกรในตอนนั้นไม่มีความหมายสำหรับหวงเฟยหลงอีกต่อไป ทำให้เพียงไม่นานพระเอกอย่างหวงเฟยเทียนและนางเอกอย่างจางลี่เซียนก็แย่งชิงบัลลังก์กลับคืนมาได้ ส่วนหวงเฟยหลงมีโทษประหารชีวิตตายในตอนจบ “เฮ้อ เขาต้องรักข้ามากขนาดไหนกันถึงยอมทำได้ขนาดนี้ ส่วนข้า ไม่ใช่สิ จางฮุ่ยหมิงคนก่อนก็โง่งมเสียเหลือเกิน ถ้าเจ้าเลือกองค์ชายใหญ่อย่างหวงเฟยหลงตั้งแต่แรกคงกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดไปแล้ว ไม่ต้องมาตายอนาถเช่นนี้ แต่ช่างเถอะข้ามาอยู่ในร่างเจ้าแล้ว ข้าจะแก้ไขเส้นทางนางร้ายของเจ้าเสียใหม่ อยู่ให้ถูกที่ถูกทาง เจ้าจะเป็นผู้หญิงที่สามีรัก สามีหลง สามีตามใจ จนใครเห็นเป็นต้องอิจฉาเจ้าทุกคน ที่สำคัญข้าไม่ต้องการไปอยู่ในวังให้แม่สามีโขกสับ รวมถึงสู้รบกับเหล่าสนมของหวงเฟยเทียนอย่างเจ้าหรอกนะยัยตัวร้ายผู้โง่เง่า ฮ่าฮ่าฮ่า” จางฮุ่ยหมิงยืนเท้าสะเอวหัวเราะด้วยความสุขแบบนางร้าย ตอนนี้นางมีความสุขมาก แต่ผู้คนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของนางกลับขนลุกขนชันไปทั้งตัว หัวใจเกิดความหวาดกลัวไปเสียอย่างนั้น “คุณหนูมีความสุขอันใดเจ้าคะ ข้าได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหนูมาแต่ไกล” เฟยเฟิ่งเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขณะจัดสำรับอาหารเช้า เรื่องอันใดกันที่ทำให้คุณหนูของนางมีความสุขได้เช่นนี้ “ไม่มีอันใดมาก แล้ววันนี้มีอะไรกินหรือ” ฮุ่ยหมิงถามเฟยเฟิ่งขณะไปล้างมือเตรียมตัวกินอาหารเช้า “เอ่อ คุณหนูเจ้าคะ อาหารเช้านี้เป็นข้าวต้มเช่นเดิมเจ้าค่ะ” เฟยเฟิ่งตอบคำถามของฮุ่ยหมิงด้วยน้ำเสียงสั่นปนเหนื่อยใจ นางไม่อยากทำลายเช้าอันสดใสของคุณหนูเลย “ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าข้าหายป่วยแล้ว เหตุใดยังมีแต่ข้าวต้มกับผัดผักอยู่ หรือเจ้าลืมบอกตามที่ข้าสั่ง” ฮุ่ยหมิงเมื่อเห็นข้าวต้มเช่นทุกวัน จากที่นางอารมณ์ดีก็เริ่มอารมณ์ขุ่นมัว นางไม่ได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงสักหน่อยจะกินแต่ข้าวต้มได้อย่างไร แถมรสชาติไม่อร่อยจนนางกลืนไม่ลง หากต้องทนกินข้าวต้มต่อไปคงได้กัดลิ้นตัวเองตายสักวัน “ข้าบอกตามที่คุณหนูสั่งแล้วเจ้าคะ แต่ฮูหยินยืนยันจะให้ท่านกินข้าวต้ม แถมยังบอกอีกว่าข้าวต้มมีประโยชน์มากกับคนป่วย หากท่านกินอาหารซี้ซั้วแล้วเกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร” เฟยเฟิ่งพูดไปก็เบะปากมองบนไป นางรู้ว่าจางฮูหยินต้องการกลั่นแกล้งคุณหนูของนาง เนื่องจากแค้นเคืองที่คุณหนูใหญ่ทำคุณหนูรองตกน้ำ “หึหึ ยัยแม่เลี้ยงต้องการแกล้งข้าสินะ ข้าว่าจะอยู่ของข้าดีๆ ไม่หาเรื่องแล้วแท้ๆ แต่นางดันอยากหาเรื่องข้าก่อน ได้เลย ข้าจะทำให้นางได้ดูว่านางร้ายจริงๆ เป็นยังไง” ฮุ่ยหมิงโมโหหิวมาก ในชาติก่อนนางชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ จะเรื่องอะไรนางก็ไม่โมโหเท่ากับเรื่องกิน ฮึ่ม เจ้ากระตุกหนวดข้าเสียแล้วยัยแม่เลี้ยง “เฟยเฟิ่ง เจ้าไปโรงครัวกับข้า ข้าอยากกินต้องได้กิน ไม่ว่าใครก็ขัดขวางข้าไม่ได้ทั้งนั้น” เรื่องกินเป็นเรื่องที่ฮุ่ยหมิงคนนี้ยอมไม่ได้ นางเดินนำเฟยเฟิ่งเข้าไปที่โรงครัวอย่างรวดเร็ว ฮุ่ยหมิงต้องการกินอาหารอร่อย มีเนื้อ มีไข่ มีผัก สารอาหารครบห้าหมู่ ไม่ใช่ข้าวต้มใส่เกลือเคียงผักดองและผัดผักน้ำมันเยิ้มแบบนี้ บรรดาบ่าวรับใช้ชายหญิงต่างมองฮุ่ยหมิงที่เดินจ้ำอ้าวเข้ามาในครัวด้วยสายตาตื่นตระหนกตกใจ ร้อนรนจนจับสิ่งใดถูกผิดไปหมด ร้อยวันพันปีคุณหนูใหญ่ไม่เคยเฉียดกรายเข้ามาใกล้โรงครัวแห่งนี้สักครั้ง เหตุใดวันนี้ถึงเข้ามาได้ มองจากสีหน้าคุณหนูใหญ่แล้วไม่ได้อารมณ์ดีเท่าไหร่ ไม่พ้นวันนี้คงโดนระเบิดลงหากทำสิ่งใดไม่ถูกใจ ไม่โดนด่าทอก็ทุบตีเป็นแน่ สาเหตุคงมาจากฮูหยินใหญ่ที่สั่งให้นางทานได้แค่ข้าวต้ม และก็ไม่ผิดคาดเมื่อคุณหนูใหญ่ผู้ร้ายกาจของจวนเอ่ยปากขึ้นมา “พวกเจ้าทำเป็นแต่ข้าวต้มกันหรือไง ข้าต้องการกินอาหารอย่างอื่นเหตุใดถึงไม่ทำให้ข้า” ฮุ่ยหมิงแสร้งถามออกมาแม้นางจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคำสั่งของจางฮูหยิน นางอยากรู้ว่าพวกบ่าวไพร่ในจวนมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อนาง หากพวกเขาอยู่ในโอวาทของฮูหยินทั้งหมด วันหน้าหากนางต้องใช้ชีวิตอยู่ในจวนคงลำบากไม่น้อย “เอ่อ เป็นคำสั่งของฮูหยินเจ้าค่ะ คุณหนูยังไม่หายป่วยจึงให้พวกบ่าวทำอาหารอ่อนๆ ให้” สาวใช้นางหนึ่งใจกล้าตอบคำถาม “ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ต้องการกินอาหารอย่างอื่นไปเอาวัตถุดิบในครัวมาให้ข้าทั้งหมด ข้าจะทำอาหาร” หลังจากฮุ่ยหมิงพูดจบสาวใช้หลายคนต่างอ้าปากค้างรวมถึงเฟยเฟิ่งด้วย คุณหนูของนางทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน สาวใช้หลายคนหลังเห็นสายตาพิฆาตของฮุ่ยหมิงก็กุลีกุจอไปหาวัตถุดิบในครัวมาให้ แต่ระหว่างที่ฮุ่ยหมิงกำลังจะเลือกวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอยู่นั้น ก็มีสาวใช้หน้าตาอวดดีนางหนึ่งเข้ามาแย่งวัตถุดิบจากนางพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “คุณหนูไม่สบายจนลืมเลือนไปหรือไม่ วัตถุดิบทุกอย่างในครัวก่อนทำอาหารต้องเบิกกับฮูหยินใหญ่ถึงจะนำมาทำได้ ข้าว่าคุณหนูไปเบิกกับฮูหยินก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ถึงจะเป็นคุณหนูใหญ่ก็ต้องทำตามกฎใช่หรือไม่” “ข้าไม่ไป ของที่ข้าใช้พวกเจ้าก็เห็น เมื่อข้าทำเสร็จแล้วพวกเจ้าค่อยไปขอเบิก หรือเมื่อข้าเลือกวัตถุดิบเสร็จให้สาวใช้คนไหนไปเบิกก็ย่อมได้” ฮุ่ยหมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาติดฉุนนิดหน่อย นางแค่จะทำกับข้าวกินจะอะไรกันนักหนา “ไม่ได้เจ้าค่ะ หากคุณหนูไม่เบิกก็ไม่สามารถนำวัตถุดิบมาทำอาหารได้ คุณหนูใหญ่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ผู้คนจะครหาเอาได้นะเจ้าคะว่าไม่มีผู้ใดสั่งสอน” บ่าวรับใช้ผู้ถือดีนามว่า เจียอี พูดขึ้นมา เจียอีเป็นสาวรับใช้ที่ฮูหยินใหญ่ไว้ใจไม่น้อยนางจึงไม่ได้เกรงกลัวต่อ ฮุ่ยหมิง เนื่องจากมีฮูหยินใหญ่คอยถือหาง หน็อยแน่ สาวใช้นางนี้ช่างกล้าหาญอวดดีจริงนะ ฮุ่ยหมิง ขบเขี้ยวเงี้ยวฟันอยู่ในใจ นางตั้งใจจะมาทำอาหารกิน ไม่ได้จะมาหาเรื่องสักหน่อย แต่สาวใช้นางนี้ดันมาหลอกด่านางว่าไม่มีพ่อแม่สั่งสอน “อย่างนั้นรึ ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้ดูว่าคนที่ไม่มีผู้ใดสั่งสอนเขาทำกันแบบไหน” พูดจบฮุ่ยหมิงก็สาวเท้าเข้าไปใกล้เจียอี จากนั้นจึงกระชากผมนางให้ล้มลง ตบสั่งสอนไปสองสามที ก่อนจะใช้เท้าถีบให้พ้นจากประตูห้องครัว หน็อยแน่ ชาติก่อนฉันเป็นมวยนะยะจะมาหลอกด่ากันแบบนี้ไม่ได้ “เจ้าเป็นบ่าวข้าเป็นนาย เจ้ากล้าสั่งสอนข้าขนาดนี้ เห็นทีคงมีคนถือหางอยู่หล่ะสิ รีบแจ้นไปบอกเจ้านายของเจ้าด้วยหล่ะว่าข้าทำอะไรบ้าง หากอยากมีเรื่องก็มาหาข้าที่นี่ได้เลย” ฮุ่ยหมิงมองใบหน้าบวมแดงของสาวใช้นางนั้นด้วยความสะใจ ข้าอยู่ของข้าดีๆ เจ้ามาหาเรื่องเองก็โดนซะบ้าง เจียอีมองหน้านางด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนจะวิ่งหายไปทางเรือนใหญ่ คงไปฟ้องเจ้านายสิท่า ฮุ่ยหมิงไม่ได้สนใจเจียอีอีก นางหันมาเตรียมวัตถุดิบทำอาหารต่อ วันนี้จะทำหมูตุ๋น น้ำซุปไก่ กับผัดกุ้ยช่ายกินให้อร่อยสักหน่อย ผ่านไปไม่นานฮุ่ยหมิงก็ทำอาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ยกเว้นหมูสามชั้นตุ๋นที่นางต้องยืนรอให้เปื่อยอีกสักพัก แต่แล้วก็ดันได้ยินเสียงแม่เลี้ยงตัวแสบดังขัดอารมณ์ขึ้นจนได้ “ฮุ่ยหมิง เจ้าออกมาคุยกับข้าให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ นางแค่บอกให้เจ้าไปเบิกวัตถุดิบกับข้า เหตุใดเจ้าต้องทำรุนแรงกับสาวใช้ถึงเพียงนี้ ทำไมเจ้าถึงได้เลวร้ายเยี่ยงนี้ เจ้าถูกโบยไปยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือ ฟื้นขึ้นมาก็หาเรื่องทำร้ายผู้อื่นเลย” จางฮูหยินพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเดือดดาลไม่น้อย แค่ได้ยินเรื่องที่สาวใช้มาฟ้องนางก็โมโหจนแทบทนไม่ไหว “แหมท่านป้า ท่านมาถึงก็หาว่าข้าร้ายกาจอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ท่านไม่ถามข้าหน่อยหรือว่าทำไมถึงทำร้ายนาง อ้อแล้วนางได้บอกท่านด้วยหรือไม่ว่านางเป็นบ่าวรับใช้กลับกล้าพูดต่อว่าข้า ว่าข้าไม่มีผู้ใดสั่งสอน” “ฮึ มันก็จริงของนางมิใช่รึหากเจ้ามีผู้ใดสั่งสอน เหตุใดจะเป็นผู้หญิงร้ายกาจหน้าไม่อายเยี่ยงนี้ได้” จางฮูหยินพูดกับฮุ่ยหมิงด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “อ้อ ถ้าอย่างนั้นบ่าวรับใช้ที่ได้รับการสั่งสอนอย่างนาง กล้าว่าเจ้านายเช่นข้า ผู้ที่สั่งสอนนางคงไม่มีความรู้ความสามารถกระมังถึงได้สั่งสอนได้แย่เยี่ยงนี้ หากไม่มีความสามารถทำให้นางอยู่ในโอวาทได้สักวันคงได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหัวผู้สั่งสอนเป็นแน่” “นี่เจ้า เจ้าว่าข้าอย่างนั้นหรือ ข้าจะฟ้องพ่อเจ้าว่าเจ้าร้ายกาจขนาดไหน” “อุ้ย ข้ายังไม่ได้ว่าท่านป้าสักคำเลยนะเจ้าคะ มีแต่ท่านที่ร้อนตัวไปเอง” ฮุ่ยหมิงเอามือป้องปากหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี ทำให้จางฮูหยินโกรธจนถึงขั้นหน้ามืดเป็นลม แหมมม ข้าคนนี้ไม่ใช่ฮุ่ยหมิงคนเดิมที่เอาแต่ร้องกรี๊ดเวลาโมโห ไล่ตบตีคนอื่นอย่างหน้ามืดตามัวหรอกนะ ข้าฉลาดกว่านั้น แต่คงเหมือนกันตรงที่ชอบตบตีคนอื่นนี่แหละเพราะข้าเป็นคนไม่ชอบยอมแพ้ ถ้ารังแกมาข้าก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ดูซิจะทำยังไงต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD