รถกำลังวิ่งไปตามทาง แต่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับกลับเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่ละสายตา เวคาหันมองอยู่หลายรอบแต่เชอร์รีลก็ยังนั่งมองอยู่แบบนั้น
“เชอร์ มีอะไรหรือเปล่าทำไมเอาแต่จ้องเวขนาดนี้” เขาถามออกไปในขณะที่สายตาจดจ่ออยู่บนท้องถนน
“เวไม่บอกจริง ๆ เหรอว่าจะพาเชอร์ไปไหนน่ะ” รู้แหละว่าอีกฝ่ายอยากเซอร์ไพรส์ แต่ตัวเธอเองก็อยากรู้จริง ๆ ว่าเวคากำลังจะพาไปไหนถึงได้ดูกระตือรือร้นขนาดนี้
“อยากรู้จริงเหรอ”
“อื้อ...มากด้วย” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงหงึกหงักแรง ๆ เพื่อช่วยยืนยันคำตอบของตัวเองด้วยอีกทาง
คนโดนถามอมยิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังไม่ตอบออกมาง่าย ๆ จนหันมาเห็นว่าเธอเริ่มทำหน้ายู่ถึงได้ยอมเอ่ยบอก
“เวจะพาเชอร์ไปสวนสนุกน่ะ”
“สวนสนุก!” เชอร์รีลทวนคำเสียงดังอย่างตื่นเต้น ตอนนี้กลายเป็นเธอเสียเองที่ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่ากระด้ง “เวจะพาเชอร์ไปสวนสนุกจริง ๆ เหรอ ไม่โกหกนะ”
“แล้วเวเคยโกหกเชอร์เหรอ” เวคาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เขาแอบสังเกตเห็นประกายแห่งความสุขในดวงตากลมโตแล้วก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นเชอร์รีลดีใจขนาดนี้
“ไม่เคย...” เธอตอบพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา แต่ใบหน้าสวยยังระบายด้วยรอยยิ้มกว้างอยู่เช่นเดิม
เพียงไม่นานก็มาถึงจุดหมายที่ต้องการ เชอร์รีลรีบลงจากรถอย่างตื่นเต้นเมื่อมาถึงสวนสนุก บรรยากาศที่คึกคักและเสียงหัวเราะของผู้คนนั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก คนตัวเล็กรีบวิ่งนำหน้าเวคาไปยังเครื่องเล่นต่าง ๆ ด้วยความร่าเริง
จนมาหยุดอยู่ด้านหน้าชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของสวนสนุก “เว เล่นชิงช้าสวรรค์ก่อนได้หรือเปล่า”
“ได้สิ เล่นอะไรก็ได้” เขาตั้งใจพาเธอมาเที่ยว อย่างไรก็ต้องตามใจทุกอย่างอยู่แล้ว
“ถ้างั้นไปกัน” ตอนนี้กลายเป็นเชอร์รีลที่คว้าเอาข้อมือแกร่งแล้วลากตัวเขาให้เดินตาม ทั้งคู่ยืนรอคิวอยู่ด้านหน้าเพียงครู่เดียวก็ได้เข้ามานั่งด้านใน
วงล้อยักษ์หมุนไปเรื่อย ๆ จนกระเช้าที่ทั้งคู่นั่งอยู่วนมาถึงจุดสูงสุดที่สามารถมองเห็นรอบ ๆ บริเวณได้อย่างชัดเจน
“เว มองวิวข้างล่างสิ สวยมากเลย” เสียงใสเอ่ยบอกอย่างตื่นเต้นทำราวกับนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มานั่ง ทั้งที่เมื่อก่อนก็เคยมาหลายครั้งแล้ว อาจเป็นเพราะเกือบสองปีแล้วที่ไม่ได้มาเลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ
“อืม...สวยจริง ๆ เหมือนภาพวาดเลย”
“เหมือนเราลอยอยู่บนท้องฟ้าเลยเนอะ เวว่าปะ” นัยน์ตาคู่สวยยังมองดูข้างล่างไม่ละไปไหน
“ใช่ เหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้าเลย” ต่างจากอีกคนที่สายตาคมกลับจดจ้องอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว แล้วเขาก็เอื้อมมือจับมือเล็กกุมเอาไว้ แค่เธอมีความสุข เขาก็มีความสุข
ชิงช้าสวรรค์หมุนไปเรื่อย ๆ ทำให้ทั้งสองได้ดูวิวเบื้องล่างและผู้คนที่เดินไปเดินมาเล็กอย่างกับตุ๊กตา จนครบรอบ
“จะเล่นอะไรต่อดีนะ” แค่เท้าแตะถึงพื้น คนตัวเล็กก็ทำท่าครุ่นคิด “เล่นรถไฟเหาะไหมเว”
“เอาสิ เวตามใจเชอร์อยู่แล้ว” ตอนนี้อะไรที่เธออยากทำเขาตามใจได้หมด พอได้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมันมานาน ต่อให้สิ่งนั้นเขาจะชอบหรือไม่ชอบก็พร้อมที่จะยอมทำมันทั้งหมด
“งั้นไปกันเลย” อีกครั้งที่เชอร์รีลคว้าข้อมือของเขาแล้วลากไปยังเครื่องเล่นที่ตัวเองต้องการ
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วเมื่อรถไฟเหาะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานี สายรัดแน่นรัดตัวทุกคนเอาไว้ขณะที่ขบวนรถค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปบนรางสูงชัน ใบหน้าของผู้โดยสารแต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกังวลปนกันไป
“เชอร์กลัวจังเลยเว” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย จริงอยู่ที่ชอบเล่นอะไรแบบนี้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่กลัวสักหน่อย
“เชอร์ไม่ต้องกลัวนะ เวอยู่ข้าง ๆ นี่ไง”
คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้เธอคลายความกลัวลงเลยสักนิด แต่มันทำให้เชอร์รีลนึกถึงตอนที่ยังเรียนอยู่ มอ.ปลาย ตอนนั้นเพิ่งเป็นแฟนกันใหม่ ๆ แล้วก็มาสวนสนุกด้วยกันครั้งแรก เธอกลัวการเล่นรถไฟเหาะแต่ก็อยากจะลองดู ส่วนเวคาก็พูดประโยคเดียวกันกับที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้
เพราะเป็นแบบนี้เธอถึงรู้สึกว่าเวคาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
รถไฟเหาะเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุดก่อนที่จะพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ผู้โดยสารทุกคนถูกแรงเหวี่ยงกระแทกไปมา รถไฟเหาะวิ่งวนไปมาอย่างรวดเร็ว ผ่านอุโมงค์มืดและโค้งที่สูงชันหลายครั้ง จนกระทั่งสุดท้ายก็มาหยุดนิ่งที่สถานี
“สนุกที่สุดเลย!” เชอร์รีลยกแขนขึ้นสูงบิดตัวไปมา ดูเหมือนเธอจะสนุกมากจริง ๆ
“เชอร์อยากเล่นอะไรต่ออีกไหม” เวคาถามขึ้น
“อืม...เดี๋ยวเชอร์คิดก่อนนะ”
นิ้วเรียวจับที่ปลายคางของตัวเองทำท่าครุ่นคิดเพียงครู่เดียวแล้วเธอก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง “เชอร์คิดออกแล้ว เล่นบ้านผีสิงกัน”
คำตอบของเธอทำเอาชายหนุ่มหน้าซีดเผือดแทบจะทันที แต่ไหนแต่ไรเวคาไม่เคยเข้าไปเล่นบ้านผีสิงกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว
“เอาจริงดิเชอร์”
“อื้ม...เวไม่อยากเล่นเหรอ” ถามออกไปแล้วก็เหมือนจะคิดอะไรออก “ลืมไปเลย เวไม่ชอบบ้านผีสิงใช่ไหม เชอร์เล่นคนเดียวก็ได้ ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรเชอร์ เวเล่นได้” คราวนี้เป็นเขาที่รีบคว้าเอาข้อมือเล็กให้เดินตามเพื่อพาเธอไปเล่นบ้านผีสิงตามที่ต้องการ ไหน ๆ ก็สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะตามใจ ลูกผู้ชายอกสามศอก แค่นี้คงไม่ทำให้ตกใจตายหรอก
แต่พอได้เข้ามายืนอยู่ด้านใน ความคิดที่ว่าแค่นี้คงไม่ทำให้ตกใจตายดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดเสียแล้ว
แสงไฟสีแดงเลือนลางสาดส่องไปทั่วห้องมืดมิด เสียงกรีดร้องอันน่าขนลุกดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านผีสิงดูน่ากลัวมากกว่าที่คิดเอาไว้
ให้ตายเถอะ นี่เขาเป็นถึงทายาทคนรองของ PN กรุ๊ป เชียวนะ ทำไมถึงต้องมากลัวอะไรที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้แบบนี้ด้วย ปืนผาหน้าไม้หรือจะเป็นกำปั้นหนัก ๆ ก็ไม่เคยคิดกลัวอย่างกับบ้านผีสิงนี่เลย
“เวเป็นอะไร กลัวเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามผ่านความมืดที่แทบจะมองหน้าอีกฝ่ายไม่เห็น แต่เธอรับรู้ได้จากมือที่จับอยู่นั้นชื้นเหงื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เปล่า เวไม่ได้กลัว” เวคาตอบกลับ แต่ถึงอย่างนั้นก็กระชับมือที่จับเธอเอาไว้แน่น
ทั้งคู่เดินผ่านห้องต่างๆ ที่ตกแต่งด้วยฉากที่น่ากลัว ทั้งผีดิบ ผีกระสือ และเสียงร้องที่น่าขนลุกนั่นก็ทำให้เวคาต้องกอดแขนเชอร์รีลไว้แน่นขึ้นกว่าเก่า
“นี่เวกลัวจริง ๆ เหรอ” เชอร์รีลถามย้ำอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ถึงมือที่จับแขนเธออยู่เริ่มสั่น
“เปล่า เวไม่ได้กลัวจริง ๆ” แต่เขาก็ยังคงปฏิเสธ
มองดูภายนอกก็เหมือนจะไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่พอเข้ามาด้านในทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันทั้งกว้าง ทั้งใหญ่ จนเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงทางออกสักที
เวคายังคงทำใจแข็งเข้าสู้ สูดลมหายใจเต็มปอดรัว ๆ เหมือนบทบาทในตอนนี้มันจะสลับกันนิดหน่อย แทนที่เธอจะเป็นคนกลัวจนต้องให้เขาปลอบ ดันกลายเป็นเขาเสียเองที่กลัวจนขาสั่น
จนในที่สุดแสงสว่างที่เขารอคอยก็มาถึง ทั้งคู่เดินกันมาจนถึงทางออก เชอร์รีลยืนมองเขานิ่งเมื่อเห็นสีหน้าของผู้ชายตัวโตชัด ๆ
"เว ทำไมหน้าซีดขนาดนี้” เธอเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับเหงื่อให้เขาอย่างเร่งรีบ
“ไม่มีอะไรหรอกเชอร์ แค่เหนื่อยน่ะ”
“เชอร์ว่าไม่น่าใช่นะ” ดวงตากลมโตมองหน้าเขาอย่างพิจารณา “นี่เวกลัวจริง ๆ ใช่ไหม แล้วทำไมไม่บอกเชอร์”
คนโดนจับได้ส่งยิ้มแห้ง ๆ รีบเช็ดเหงื่อที่เปียกอยู่บนหน้าออกจนหมด “แค่เห็นเชอร์มีความสุขเวก็โอเค แค่นี้สบายมาก เชอร์ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่ต้องมาทำอวดเก่งเลยเว” ฝ่ามือนุ่มตีลงบนแขนของเขาอย่างไม่จริงจังนัก รู้ว่าเวคาเป็นคนเข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่ต้องการให้เขาทำทุกอย่างเพื่อเธอขนาดนี้
“เวไม่ได้อวดเก่งนะ แค่อยากเอาใจเมียเฉย ๆ” ประโยคสุดท้ายกระซิบที่ข้างใบหูของคนตัวเล็กแผ่วเบา “กลับคอนโดแล้วต้องให้รางวัลเวด้วยนะ สักสามรอบ”
“นี่แหนะ” ฝ่ามือเล็กตีลงบนแขนของเขาแรงขึ้นกว่าเก่าด้วยความหมั่นไส้ “หน้าซีดขนาดนี้ยังจะลามกอีก”
///////////////////////////////////////////////////////