“มันหมายความว่ายังไง!” ชลิตตวาดดังลั่นห้องประชุมที่ตอนนี้มีทั้งผู้ถือหุ้นบางส่วนและพนักงานระดับหัวหน้าจากทุกแผนกเข้าร่วมด้วย
“นั่งเงียบทำไม เรื่องนี้ทำไมถึงไม่มีใครบอกผม ทั้งที่ผมเป็นประธานของบริษัทนี้” เขาถามย้ำเป็นรอบที่สอง แต่ทุกคนก็ยังนิ่งเงียบ
“ผู้ถือหุ้นรวมตัวกันเซ็นเอกสารโดยที่ไม่ผ่านผม เพื่อมอบอำนาจให้ PN กรุ๊ป เข้ามาดูแล ใครอนุญาตพวกคุณฮะ!” เสียงตวาดถามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องความอารมณ์เดือดดาลของผู้ที่เป็นประธานบริษัท
“แล้วคุณจะถืออีโก้ไปถึงไหนคุณชลิต ก็ในเมื่อบริษัทมันจะไปไม่รอดอยู่แล้ว ให้ PN กรุ๊ป มาช่วยดูแลมันไม่ดีกว่าหรือไง อย่างน้อยสถาการณ์มันคงดีขึ้นกว่านี้แน่”
หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่พูดขึ้น พวกเขาเคยเสนอทางเลือกนี้ให้ชลิตพิจารณามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ใช้อคติของตัวเองปฏิเสธอย่างไม่คิดสักนิด เดิมทีพวกเขาก็ยังไว้หน้าประธานบริษัท เคารพในการตัดสินใจของเขา แต่ว่านายชลิตก็ยังไม่สามารถพาบริษัทผ่านวิกฤติไปได้
และเมื่อทาง PN กรุ๊ป ส่งข้อเสนอมาอีกครั้ง เหล่าผู้ถือหุ้นทั้งหมดจึงตัดสินใจยอมรับข้อเสนอในทันที เพราะหากผู้ถือหุ้นทุกคนรวมกันแล้ว นายชลิตก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านอะไรอีก
“พวกคุณก็รู้ว่ากลุ่มแบบนี้มันเป็นยังไง ทำไมถึงยังไว้ใจให้มาดูแลบริษัทของพวกเราได้” ชลิตยังคงพูดต่อย่างไม่ย้อมแพ้
“กลุ่มแบบนี้มันแบบไหนเหรอครับ” เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เวคาเดินเข้ามาในห้องประชุมพอดี
“แกอีกแล้วเหรอ” นายชลิตเอ่ยถามเสียงลอดไรฟันเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นเป็นใคร
“ครับ ผมอีกแล้ว” เวคาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะพาตัวเองมานั่งลงยังเก้าอี้สำหรับประธานบริษัท “พอดีผมมาประชุมแทนพ่อน่ะครับ”
ท่าทีสบาย ๆ ที่ทำตัวราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรยิ่งทำให้คนที่เป็นเจ้าของเก้าอี้ตำแหน่งประธานเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
“ฉันไม่ต้องการให้แกมาประชุม กลับไปบอกพ่อของแกด้วยว่าบริษัทนี้จะไม่ยอมอยู่ภายใต้กลุ่มมาเฟียอย่างพวกแกเด็ดขาด”
เวคาใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องประชุม ก่อนที่จะมาหยุดตรงชายวัยกลางคนที่กำลังมองเขาอย่างต้องการกินเลือดกินเนื้อ มุมปากยังคงยกยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนเหตุการณ์วันนี้จะเกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาเตรียมพร้อมมามากพอสมควร
“ผมว่าคุณพ่อตาน่าจะลองถามความเห็นของหุ้นส่วนกับพนักงานดูก่อนดีไหมครับ อืม...ตัดสินใจเองแบบนี้ ผมกลัวว่าจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงนะครับ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เท่านั้นมันก็มากพอที่จะยั่วอารมณ์อีกฝ่ายให้ลุกเป็นไฟ
“ใครเป็นพ่อตาของแก” ตอนนี้นายชลิตไม่ได้สนใจเรื่องเกี่ยวกับบริษัทแล้ว แค่เพียงได้ยินสรรพนามที่ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยเรียกก็ทำเอาควันแทบออกหู
“แหม...อย่าทำเหมือนไม่รู้จักลูกเขยตัวเองแบบนั้นสิครับ” เวคายังพูดจาด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหอีกฝ่ายไม่หยุด “ผมว่ายอมรับข้อตกลงดี ๆ เถอะครับ อย่างน้อย ๆ บริษัทก็ได้ไปต่อ พนักงานก็จะได้ยกย่องว่าคุณพ่อตาเนี่ย เป็นคนใจกว้าง”
“ฉันไม่ตกลง” คำตอบออกจากปากแทบจะทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ ชลิตไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย เพราะกลุ่มคนพวกนี้ทำให้ภรรยาของเขาต้องตาย ถึงแม้จะไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน แต่ขึ้นชื่อว่ามาเฟีย มันจะเป็นคนดีไปได้อย่างไร
“เฮ้อ...ดูเหมือนคุณพ่อตาจะเข้าใจอะไรยากกว่าที่คิดนะครับ” ชายหนุ่มหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวขาเข้ามาประชิดแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ
“ก็เลือกเอานะครับ ว่าวันนี้จะยอมตกลงดี ๆ หรือจะให้ลูกสาวที่อยู่กับผมต้องป่นปี้ อืม...ไม่ใช่แค่ลูกสาวสิ รวมถึงบริษัทนี้ด้วย เปลี่ยนใจดีไหมครับ”
ชลิตกัดฟันกรอดสองมือกำเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินคำขู่ แต่เวคาก็ไม่ได้สนใจท่าทีของเขานัก ตอนนี้ชายหนุ่มรุ่นลูกหันไปพูดกับหุ้นส่วนของเขาแทน
“ผมคิดว่าทุกคนคงต้องหาวิธีโน้มน้าวคุณพ่อตาของผมก่อนแล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น PN กรุ๊ป คงจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้อย่างไม่เต็มที่เท่าไหร่” เวคาพูดแล้วปรายสายตามามองชายวัยกลางคนอย่างเป็นต่อ
ตอนนี้สายตาของผู้ถือหุ้นและพนักงานต่างจับจ้องมาทางชลิตเป็นตาเดียวเพื่อกดดัน จนในที่สุดก็ไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ ในเมื่อทุกคนต้องการกดดันผมขนาดนี้ ผมยอมให้พวกมันเข้ามาดูแลก็ได้ แต่หากทุกอย่างผิดพลาด งานนี้ห้ามมาโทษผมเด็ดขาดเพราะทั้งหมดเป็นความผิดของพวกคุณ”
จบคำพูด ชลิตก็เดินออกจากห้องประชุมไปทันที ไม่อยู่รอฟังการอธิบายที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ภายในใจของเขาคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ เกลียด ถึงแม้จะถูกบังคับให้ตกลง แต่คนอย่างชลิต มีหรือที่จะยอมอย่างง่าย ๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่นานทำให้เชอร์รีลรีบออกมาจากห้องน้ำเพื่อรับมัน เบอร์ปลายสายเป็นชื่อของบิดา นิ้วเรียวรีบกดรับทันทีด้วยกลัวว่าจะมีเรื่องด่วน
“ค่ะคุณพ่อ” เธอเอ่ยทักทายไปตามสายด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ว่า เสียงที่ตอบกลับนั้นมันทำให้เชอร์รีลนิ่งอึ้ง
//เชอร์โกหกพ่อทำไม//
“คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ”
//ก็หมายความว่า ที่ลูกบอกว่าเลิกกับมันแล้ว ลูกโกหกพ่อทำไม ทั้งที่ลูกยังไปอยู่กับมัน//
น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่ากำลังโกรธทำให้ร่างเล็กชาวาบไปทั้งตัว เธอรอเวลาที่เวคาบอกว่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างจนเรียบร้อย ถึงตอนนั้นค่อยอธิบายให้บิดาเข้าใจว่ายังไม่เลิกกับเขา
“คุณพ่อรู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ” เธอถามออกไปเสียงสั่น
//จะไม่รู้ได้ยังไง ก็ไอ้เวคามันมาที่บริษัท บีบบังคับให้พ่อยอมเซ็นเอกสารตกลงให้กลุ่มพวกมันเข้ามาดูแล ถ้าไม่ทำตามมันขู่ว่าจะทำลายลูกกับบริษัทจนป่นปี้//
การที่พ่อรู้ความจริงทำให้เธอตกใจมากแล้ว แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากผู้เป็นพ่อทำให้ตกใจยิ่งกว่า ‘เขาโกหก’ ทั้งที่สัญญาแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับพ่อของเธอและบริษัทหากว่าเธอไม่ขัดใจเขา แต่เวคาก็ไม่รักษาสัญญา
“คุณพ่อขา เชอร์อธิบายได้นะคะ”
//ลูกไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าเลือกมัน ก็ต้องไม่มีพ่อ//
ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อม ๆ กับบิดาที่กดตัดสาย น้ำตาใสไหลลงอาบแก้ม เธอไม่ได้เสียใจที่พ่อรู้ความจริง เพราะสักวันหนึ่งอย่างไรเสียก็ต้องบอกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ร้องไห้ก็คือ เขาโกหก
ในตอนนี้เธอโดนพ่อโกรธและโดนทำลายความไว้ใจไม่เหลือชิ้นดี ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งพิงผนังห้อง หัวใจดวงน้อยทั้งดวงเจ็บปวดจนไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้
/////
ไม่รู้นานแค่ไหนที่เธอนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับร่างสูงคุ้นตาที่เดินเข้ามา
เชอร์รีลลุกขึ้นในทันที สองเท้าก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าของคนที่บอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
“เวทำแบบนี้ทำไม” เธอถามออกไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ทำอะไร เวไม่เห็นเข้าใจ”
“หึ...ไม่เข้าใจเหรอเว” เชอร์รีลก้าวมาด้านหน้าใช้สองมือผลักอกคนตัวโต “เวโกหกเชอร์ทำไม”
“โกหกอะไร เวไม่ได้โกหก” เขายังไม่ยอมรับ แต่มาถึงตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่านายชลิตคงโทรมาบอกลูกสาวแล้ว
“อย่ามาทำไขสือนะเว ไหนบอกว่าถ้าเชอร์ยอมทำตัวดี ๆ แล้วเวจะไม่ยุ่งกับพ่อ ไม่ยุ่งกับบริษัทไง แล้วทำไมเวทำแบบนี้อะ ไปขู่พ่อเชอร์แบบนั้นได้ยังไง”
มือเล็กผลักอกเขาอีกครั้งด้วยความแรงที่เพิ่มขึ้น
“ก็ใครใช้ให้พ่อเธอพยายามจะจับเธอส่งให้คนนั้นคนนี้ไม่หยุดล่ะ” คราวนี้เป็นเขาที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
ความจริงก็ตั้งใจเอาไว้ว่ากลับมาถึงคอนโดแล้วจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง แต่มันคงช้ากว่าอีกฝ่ายที่ใส่ไฟเขาให้เธอฟังแล้วเรียบร้อย
“เหตุผลแค่นี้เหรอเว ถึงทำให้เวต้องขู่พ่อเชอร์ว่าจะทำให้เชอร์กับบริษัทป่นปี้น่ะ”
เวคาได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ ดูเหมือนเชอร์รีลคงไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรแล้ว
“นี่เชอร์ เธอรู้ไหมว่าลับหลังพ่อเธอทำอะไรไว้บ้าง ฉันแค่ขู่ แต่สิ่งที่พ่อเธอกำลังทำน่ะมันเรียกว่าเลวได้เลยนะ”
เพี๊ยะ! ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนหน้าเขาเต็มแรง
“อย่ามาว่าพ่อเชอร์”
///////////////////////////////////////////////////////