“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะคุณพ่อ เชอร์ไม่อยากไปค่ะ”
เชอร์รีลกำลังต่อรอง เมื่อผู้เป็นบิดาโทรมาบอกว่าเย็นนี้จะพาไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ในคำว่าทานข้าวนั้น เธอรู้ดีว่าพ่อกำลังจะจับคู่ดูตัวกับลูกชายของเพื่อนสนิท
//เชอร์ยังไม่เลิกกับมันอีกเหรอลูก เชอร์ไม่รักพ่อเหรอ ถึงได้ทำให้พ่อลำบากใจแบบนี้//
เสียงของชายวัยกลางคนที่เอ่ยพูดมาตามสายสร้างความกดดันให้ผู้เป็นลูกสาว ชลิตเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เขาไม่ชอบกลุ่มผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ต้องการเกี่ยวดอง จึงพยายามทำทุกอย่างให้ลูกสาวเพียงคนเดียวเลิกกับทายาทของ PN กรุ๊ป ด้วยการให้เชอร์รีลเลือก
เลือกแฟนก็ต้องไม่มีพ่อ ถ้าจะเลือกพ่อก็ต้องเลิกกับแฟน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เชอร์รีลตัดสินใจบอกเลิกเวคาในที่สุด
แม้จะเจ็บปวด แต่เมื่อต้องเลือกเธอก็ยังยินดีเลือกผู้เป็นบิดาก่อนเสมอ
“เชอร์บอกเลิกเวไปแล้วค่ะ คุณพ่อไม่ต้องคิดมากนะคะ”
แค่เอ่ยชื่อเขาออกมาหัวใจก็รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทง ชีวิตที่ไม่มีเวคาอยู่ด้วยมันรู้สึกเหงามากจริง ๆ
ทำให้นึกไปถึงตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก ในตอนนั้นเธอกับเวคาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ เธอเป็นเด็กใหม่ แต่เขาเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน สถานการณ์ในตอนนั้นเรียกว่าเหมือนโดนผีผลักให้มาเจอกัน เมื่อเธอกำลังเดินตามหาเพื่อนตัวเอง แล้วเจอเวคากำลังปีนรั้วโรงเรียนพอดี
แล้วจู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ดึงมือเธอให้ปีนรั้วออกไปพร้อมกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่พัฒนามาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเวคาก็ขอเธอเป็นแฟน
//ยังไงก็เจอกันเย็นนี้นะลูก//
“แต่ว่า คุณพ่อคะ...”
ยังพูดไม่ทันจบผู้เป็นบิดาก็ตัดสายไปเสียแล้ว เชอร์รีลได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด หากว่าเวคารู้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถึงเธอจะบอกเลิกเขาแล้วแต่ทางนั้นคงไม่ยอมง่าย ๆ
แกร็ก!
เสียงที่ดังขึ้นจากทางหน้าประตูทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง แล้วก็เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาด้านใน ลืมไป ว่าคีย์การ์ดคอนโดยังอยู่ที่เขาอีกหนึ่งใบ
“เวมาทำไม”
“ก็มารับเชอร์ไปเรียนไง วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม ไปเร็ว เดี๋ยวสาย”
เวคาพูดออกมาเป็นชุด เขาทำราวกับเรื่องวันก่อนมันไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนทุกอย่างยังเป็นปกติ เหมือนกับว่าเธอยังไม่ได้บอกเลิกเขา
“เชอร์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เชอร์หมายถึงเราเลิกกันไปแล้ว เวไม่ควรมาที่นี่”
สายตาคมตวัดมามองเธอด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า ฝ่ามือหยาบคว้าเอาข้อมือของเธอแล้วดึงร่างเล็กให้ไปชิดตัวเขา
“ใครเลิกกับเชอร์ เวยังไม่ได้ตกลงสักคำ”
“เว แล้วจะรั้นไปทำไม เราคบกันต่อไม่ได้ เชอร์ก็บอกเหตุผลเวไปแล้ว”
ดวงตาของเวคาสั่นไหวจนเธอเองรู้สึกผิด แต่ว่า...มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
“ทำไม พ่อของเชอร์จะเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำไปประเคนให้ไอ้พวกลูกชายนักธุรกิจล่ะสิ”
“เว!”
“ตวาดเวทำไม แทงใจดำเหรอ”
ใช่ มันแทงใจดำ เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันถูกต้อง นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริกจนน้ำใสตีตื้นขึ้นมาคลอ
เห็นอาการคนตัวเล็กเป็นแบบนั้น เวคาก็รีบปล่อยมือตัวเองแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้าคมเงยขึ้นมองฝ้าเพดาน พยายามสะกดกลั้นอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง
“รีบไปเอากระเป๋าจะได้ไปเรียน เดี๋ยวสาย” เขาเปลี่ยนเรื่องทำตัวให้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน
“แต่ว่า เว...”
“อย่าดื้อกับเวได้ไหมเชอร์ ไปเอากระเป๋ามาเร็ว ๆ หรือต้องโดนเวเอาก่อนถึงจะเลิกดื้อ”
คราวนี้เชอร์รีลรีบก้าวเท้าเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางบนโต๊ะอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง หากจะเลิกกับเขา ความสัมพันธ์ทางร่างกายมันต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าเธอจะคิดถึงอ้อมกอดของเขามากแค่ไหนก็ตาม
ในรถสปอร์ตคันหรูที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ และเพลงที่เธอชอบ ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งฝ่ามือหนาอบอุ่นที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ตลอดทางที่กำลังขับรถอยู่ก็ด้วย ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
จู่ ๆ หยาดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มเนียนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เวคาหันมาเห็นก็แทบทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้เธอเสียใจจนร้องไห้ออกมา
“เชอร์ ร้องไห้ทำไม” เขาหันมามองหน้าเธอสลับกับมองถนนเป็นระยะ
“ขอโทษนะเว เชอร์ขอโทษที่บอกเลิกเว เชอร์รู้ว่ามันทำให้เวเสียใจ เชอร์ขอโทษจริง ๆ”
นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ คือการเอ่ยขอโทษซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ฝ่ามือที่กุมมือเล็กอยู่กระชับแน่นขึ้น ก่อนที่เขาจะปล่อยแล้วใช้ฝ่ามือดันศีรษะทุยให้เอนซบกับหน้าอกตัวเอง
“ขอโทษทำไม เรายังไม่ได้เลิกกันสักหน่อย ยังไงเวก็ไม่ยอมเลิกกับเชอร์หรอก”
ยิ่งเขาพูด น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหล ความรู้สึกผิดมันตีตื้นขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออก จึงทำได้เพียงใช้สองแขนโอบกอดตัวเขาเอาไว้แล้วร้องไห้อยู่แบบนั้น จนรถมาจอดที่มหาวิทยาลัย
“วันนี้เลิกเย็นใช่หรือเปล่า เดี๋ยวเวมารอรับนะ”
“เว...คือไม่ต้องมารอรับหรอก เดี๋ยวเชอร์กลับเอง พอดีเชอร์ต้องไปกินข้าวกับพ่อน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเวไปส่งเชอร์นะ”
ริมฝีปากบางปิดลงจนสนิทเมื่อไม่อาจจะปฏิเสธสิ่งที่เขาบอกออกมาได้ ความเจ็บปวดของเวคาเธอรู้ดี เพราะตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“เชอร์ขึ้นเรียนก่อนนะ”
“ครับ...แล้วเจอกันนะครับคนดี”
ฝ่ามือของเขาดันศีรษะของเธอให้เข้ามาหา แล้วริมฝีปากอุ่นก็ประทับรอยจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างกับทุกครั้งที่เคยทำ ถึงภายนอกเวคาจะดูเป็นผู้ชายที่น่ากลัว แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่คบกันมาเวคาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ทั้งคำพูดและการกระทำ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ร่างบางเดินเข้าไปยังตึกของคณะนิเทศศาสตร์จนลับสายตา เวคาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาโทรหาลูกน้องคนสนิท
//ครับคุณเว// รอเพียงไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็รับสาย
“คีล นายช่วยสืบให้หน่อยว่าวันนี้นายชลิต พ่อของเชอร์มีนัดกินข้าวกับใคร”
//ได้ครับคุณเว ไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมจะส่งข้อความไปให้นะครับ//
“อืม...ขอบใจมาก”
คุยธุระเสร็จก็วางสาย ก่อนที่จะขับรถไปจอดหน้าตึกของคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วก็เข้าเรียนเช่นกัน
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคีลก็ส่งข้อความกลับมา
‘เย็นนี้คุณพ่อของคุณเชอร์ มีนัดกินข้าวเย็นกับนายอนุชา เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จากข้อมูลที่ได้น่าจะเป็นการกินข้าวต้อนรับที่ลูกชายของนายอนุชากลับมาจากเมืองนอกครับ’
“หึ...” เขาได้แต่แค่นหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อได้รับข้อมูลที่ลูกน้องส่งมาให้ คิดเอาไว้ไม่มีผิด คนอย่างนายชลิต มีเหรอที่จะบีบลูกสาวตัวเองให้เลิกกับเขาถ้าไม่มีแผนการอะไร
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก...
4 โมงเย็น
รถสปอร์ตคันเดิมจอดอยู่ด้านหน้าคณะนิเทศศาสตร์ ไม่นานร่างระหงคุ้นตาก็เดินมาถึงแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งข้างใน
“เชอร์จะกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามพร้อมกับไล่สายตามองดูชุดนักศึกษารัดรูปที่เห็นสัดส่วนชัดเจน แถมกระโปรงก็สั้นจนเห็นต้นขาขาว
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวสาย เวไปส่งเชอร์ที่ร้านอาหารได้เลย”
“ตกลงครับ”
เวคาตกลงรับปากอย่างง่ายดาย แล้วก็ขับรถไปยังจุดหมายที่เธอต้องการ ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารจีนชื่อดังที่นักธุรกิจส่วนมากชอบมาทานข้าวที่นี่
“ขอบคุณที่มาส่งนะเว เชอร์ไปก่อนนะ”
“ครับ”
เชอร์รีลลงจากรถไปแล้ว เขามองตามแผ่นหลังบางจนลับสายตาอีกครั้ง ก่อนที่จะขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดยังที่จอดของร้านอาหาร ห้องวีไอพีตรงชั้นสองคือจุดหมายของเขาเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
เบาะรถถูกปรับเอนลงให้อยู่ในท่าที่สบายมากยิ่งขึ้น เสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ ก่อนที่เปลือกตาคมจะปิดลงเพื่อรอเวลา คนอย่างเวคาจะปล่อยให้พ่อตาพาเมียของเขามาเสนอให้คนอื่นได้อย่างไร
ผ่านไปครู่ใหญ่ นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดู กว่าชั่วโมงแล้วที่เชอร์รีลเข้าไปข้างใน คงถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแสดงตัวเสียที
เครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่ถูกดับลง ร่างสูงก้าวลงจากรถตรงไปยังห้องวีไอพีทีี่อยู่ชั้นสอง ผู้ชายตัวสูงในชุดช็อปแดงกับกางเกงยีนส์สีดำดูจะเด่นสะดุดตาเหล่าบรรดานักธุรกิจไม่น้อย
“คุณครับ ไม่ทราบว่าได้จองไว้ไหมครับ”
พนักงานที่ดูแลร้านอยู่รีบเดินมาดักทางไว้แล้วเอ่ยถาม ทั้งสีหน้าดูเป็นกังวล ราวกับกลัวว่าเขาจะมาถล่มที่นี่อย่างไรอย่างนั้น
“มาห้องวีไอพีชั้นสอง ห้องของคุณชลิต” เวคาตอบออกไป แล้วพนักงานก็ยืนคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าให้เขา
“อ๋อ...แขกคุณชลิตนี่เอง เชิญเลยครับ”
พนักงานคนเดิมผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม เวคารีบก้าวเท้ายาว ๆ กว่าเดิมจนในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องเป้าหมาย
บานประตูถูกผลักเข้าไปด้านใน เมื่อสายตาทุกคู่หันมาเห็นเขาทุกคนก็มีสีหน้าตกใจ โดยเฉพาะเชอร์รีลกับพ่อของเธอ
“เว...เวมาได้ยังไง” หญิงสาวรีบลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม แต่สายตาของเวคากลับจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ แล้วปรายสายตามามองเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เวมาตามเมียกลับห้อง ไม่ได้หรือไง”
คำตอบของเขาทำเอาเชอร์รีลหน้าถอดสี ก่อนที่จะหันกลับไปมองผู้เป็นบิดาที่เริ่มแสดงความโกรธออกมา
“แกอย่ามาพูดอะไรส่งเดชที่นี่นะ กลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่มีใครมีธุระกับแก” ชลิตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมกับลุกมายืนประจันหน้า
“คุณพ่อพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ”
“ใครพ่อแก...”
“อา...งั้นไม่เรียกพ่อก็ได้ครับ”
เวคาตอบกลับด้วยสีหน้ายียวน ส่วนเชอร์รีลที่ยืนดูอยู่ก็เริ่มแสดงอาการกังวลออกมา เธอกลัวว่าเวคาจะอาละวาดจนที่นี่พังเละเทะไปเสียก่อน
“คืออย่างนี้นะครับคุณลุง ผมมาส่งเมีย แล้วทีนี้ผมเห็นว่ามันนานแล้วก็เลยมาตามเมียกลับก็แค่นั้นครับ แค่มาทำหน้าที่ผัวที่ดีน่ะครับ ไม่มีอะไรมาก”
ชลิตได้แต่ยืนกำมือแน่น มองหน้าเวคาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่จะหันกลับไปมองเพื่อนสนิทและลูกชายที่คาดหวังว่าจะเกี่ยวดองกันในตอนแรก แต่สองคนนั้นเริ่มมีสีหน้ารู้สึกไม่ดีเสียแล้ว
“ลูกฉันไม่ใช่เมียแก”
“เอ้า...จะไม่ใช่ได้ยังไงครับก็ในเมื่อผมกับเชอร์ เราได้กันแล้ว อืม...หลายรอบด้วยนะครับ”
“เว!”
คราวนี้เป็นเสียงเชอร์รีลที่ตวาดออกมา ดวงตาคู่สวยสั่นระริก เธอไม่ได้มีปัญหาที่ใครต่อใครจะรู้ว่าเคยมีอะไรกับเขา แต่มันต้องไม่ใช่สถานการณ์ที่กำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพ่อเธออย่างนี้
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะเชอร์” เสียงทุ้มต่ำที่พูดออกมา เชอร์รีลรู้ดีว่าเวคากำลังกดเก็บความโกรธเอาไว้ และในตอนนี้มันคงไม่มีอะไรดีกว่าการที่พาเขากลับออกไปให้เร็วที่สุด
///////////////////////////////////////////////////////