ตอนที่ 1 มาทำหน้าที่ผัว

2187 Words
“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะคุณพ่อ เชอร์ไม่อยากไปค่ะ” เชอร์รีลกำลังต่อรอง เมื่อผู้เป็นบิดาโทรมาบอกว่าเย็นนี้จะพาไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ในคำว่าทานข้าวนั้น เธอรู้ดีว่าพ่อกำลังจะจับคู่ดูตัวกับลูกชายของเพื่อนสนิท //เชอร์ยังไม่เลิกกับมันอีกเหรอลูก เชอร์ไม่รักพ่อเหรอ ถึงได้ทำให้พ่อลำบากใจแบบนี้// เสียงของชายวัยกลางคนที่เอ่ยพูดมาตามสายสร้างความกดดันให้ผู้เป็นลูกสาว ชลิตเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เขาไม่ชอบกลุ่มผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ต้องการเกี่ยวดอง จึงพยายามทำทุกอย่างให้ลูกสาวเพียงคนเดียวเลิกกับทายาทของ PN กรุ๊ป ด้วยการให้เชอร์รีลเลือก เลือกแฟนก็ต้องไม่มีพ่อ ถ้าจะเลือกพ่อก็ต้องเลิกกับแฟน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เชอร์รีลตัดสินใจบอกเลิกเวคาในที่สุด แม้จะเจ็บปวด แต่เมื่อต้องเลือกเธอก็ยังยินดีเลือกผู้เป็นบิดาก่อนเสมอ “เชอร์บอกเลิกเวไปแล้วค่ะ คุณพ่อไม่ต้องคิดมากนะคะ” แค่เอ่ยชื่อเขาออกมาหัวใจก็รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทง ชีวิตที่ไม่มีเวคาอยู่ด้วยมันรู้สึกเหงามากจริง ๆ ทำให้นึกไปถึงตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก ในตอนนั้นเธอกับเวคาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ เธอเป็นเด็กใหม่ แต่เขาเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน สถานการณ์ในตอนนั้นเรียกว่าเหมือนโดนผีผลักให้มาเจอกัน เมื่อเธอกำลังเดินตามหาเพื่อนตัวเอง แล้วเจอเวคากำลังปีนรั้วโรงเรียนพอดี แล้วจู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ดึงมือเธอให้ปีนรั้วออกไปพร้อมกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่พัฒนามาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเวคาก็ขอเธอเป็นแฟน //ยังไงก็เจอกันเย็นนี้นะลูก// “แต่ว่า คุณพ่อคะ...” ยังพูดไม่ทันจบผู้เป็นบิดาก็ตัดสายไปเสียแล้ว เชอร์รีลได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด หากว่าเวคารู้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถึงเธอจะบอกเลิกเขาแล้วแต่ทางนั้นคงไม่ยอมง่าย ๆ แกร็ก! เสียงที่ดังขึ้นจากทางหน้าประตูทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง แล้วก็เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาด้านใน ลืมไป ว่าคีย์การ์ดคอนโดยังอยู่ที่เขาอีกหนึ่งใบ “เวมาทำไม” “ก็มารับเชอร์ไปเรียนไง วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม ไปเร็ว เดี๋ยวสาย” เวคาพูดออกมาเป็นชุด เขาทำราวกับเรื่องวันก่อนมันไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนทุกอย่างยังเป็นปกติ เหมือนกับว่าเธอยังไม่ได้บอกเลิกเขา “เชอร์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เชอร์หมายถึงเราเลิกกันไปแล้ว เวไม่ควรมาที่นี่” สายตาคมตวัดมามองเธอด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า ฝ่ามือหยาบคว้าเอาข้อมือของเธอแล้วดึงร่างเล็กให้ไปชิดตัวเขา “ใครเลิกกับเชอร์ เวยังไม่ได้ตกลงสักคำ” “เว แล้วจะรั้นไปทำไม เราคบกันต่อไม่ได้ เชอร์ก็บอกเหตุผลเวไปแล้ว” ดวงตาของเวคาสั่นไหวจนเธอเองรู้สึกผิด แต่ว่า...มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว “ทำไม พ่อของเชอร์จะเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำไปประเคนให้ไอ้พวกลูกชายนักธุรกิจล่ะสิ” “เว!” “ตวาดเวทำไม แทงใจดำเหรอ” ใช่ มันแทงใจดำ เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันถูกต้อง นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริกจนน้ำใสตีตื้นขึ้นมาคลอ เห็นอาการคนตัวเล็กเป็นแบบนั้น เวคาก็รีบปล่อยมือตัวเองแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้าคมเงยขึ้นมองฝ้าเพดาน พยายามสะกดกลั้นอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง “รีบไปเอากระเป๋าจะได้ไปเรียน เดี๋ยวสาย” เขาเปลี่ยนเรื่องทำตัวให้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน “แต่ว่า เว...” “อย่าดื้อกับเวได้ไหมเชอร์ ไปเอากระเป๋ามาเร็ว ๆ หรือต้องโดนเวเอาก่อนถึงจะเลิกดื้อ” คราวนี้เชอร์รีลรีบก้าวเท้าเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางบนโต๊ะอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง หากจะเลิกกับเขา ความสัมพันธ์ทางร่างกายมันต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าเธอจะคิดถึงอ้อมกอดของเขามากแค่ไหนก็ตาม ในรถสปอร์ตคันหรูที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ และเพลงที่เธอชอบ ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งฝ่ามือหนาอบอุ่นที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ตลอดทางที่กำลังขับรถอยู่ก็ด้วย ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย จู่ ๆ หยาดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มเนียนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เวคาหันมาเห็นก็แทบทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้เธอเสียใจจนร้องไห้ออกมา “เชอร์ ร้องไห้ทำไม” เขาหันมามองหน้าเธอสลับกับมองถนนเป็นระยะ “ขอโทษนะเว เชอร์ขอโทษที่บอกเลิกเว เชอร์รู้ว่ามันทำให้เวเสียใจ เชอร์ขอโทษจริง ๆ” นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ คือการเอ่ยขอโทษซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ฝ่ามือที่กุมมือเล็กอยู่กระชับแน่นขึ้น ก่อนที่เขาจะปล่อยแล้วใช้ฝ่ามือดันศีรษะทุยให้เอนซบกับหน้าอกตัวเอง “ขอโทษทำไม เรายังไม่ได้เลิกกันสักหน่อย ยังไงเวก็ไม่ยอมเลิกกับเชอร์หรอก” ยิ่งเขาพูด น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหล ความรู้สึกผิดมันตีตื้นขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออก จึงทำได้เพียงใช้สองแขนโอบกอดตัวเขาเอาไว้แล้วร้องไห้อยู่แบบนั้น จนรถมาจอดที่มหาวิทยาลัย “วันนี้เลิกเย็นใช่หรือเปล่า เดี๋ยวเวมารอรับนะ” “เว...คือไม่ต้องมารอรับหรอก เดี๋ยวเชอร์กลับเอง พอดีเชอร์ต้องไปกินข้าวกับพ่อน่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเวไปส่งเชอร์นะ” ริมฝีปากบางปิดลงจนสนิทเมื่อไม่อาจจะปฏิเสธสิ่งที่เขาบอกออกมาได้ ความเจ็บปวดของเวคาเธอรู้ดี เพราะตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน “เชอร์ขึ้นเรียนก่อนนะ” “ครับ...แล้วเจอกันนะครับคนดี” ฝ่ามือของเขาดันศีรษะของเธอให้เข้ามาหา แล้วริมฝีปากอุ่นก็ประทับรอยจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างกับทุกครั้งที่เคยทำ ถึงภายนอกเวคาจะดูเป็นผู้ชายที่น่ากลัว แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่คบกันมาเวคาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ทั้งคำพูดและการกระทำ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ร่างบางเดินเข้าไปยังตึกของคณะนิเทศศาสตร์จนลับสายตา เวคาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาโทรหาลูกน้องคนสนิท //ครับคุณเว// รอเพียงไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็รับสาย “คีล นายช่วยสืบให้หน่อยว่าวันนี้นายชลิต พ่อของเชอร์มีนัดกินข้าวกับใคร” //ได้ครับคุณเว ไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมจะส่งข้อความไปให้นะครับ// “อืม...ขอบใจมาก” คุยธุระเสร็จก็วางสาย ก่อนที่จะขับรถไปจอดหน้าตึกของคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วก็เข้าเรียนเช่นกัน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคีลก็ส่งข้อความกลับมา ‘เย็นนี้คุณพ่อของคุณเชอร์ มีนัดกินข้าวเย็นกับนายอนุชา เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จากข้อมูลที่ได้น่าจะเป็นการกินข้าวต้อนรับที่ลูกชายของนายอนุชากลับมาจากเมืองนอกครับ’ “หึ...” เขาได้แต่แค่นหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อได้รับข้อมูลที่ลูกน้องส่งมาให้ คิดเอาไว้ไม่มีผิด คนอย่างนายชลิต มีเหรอที่จะบีบลูกสาวตัวเองให้เลิกกับเขาถ้าไม่มีแผนการอะไร มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก... 4 โมงเย็น รถสปอร์ตคันเดิมจอดอยู่ด้านหน้าคณะนิเทศศาสตร์ ไม่นานร่างระหงคุ้นตาก็เดินมาถึงแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งข้างใน “เชอร์จะกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามพร้อมกับไล่สายตามองดูชุดนักศึกษารัดรูปที่เห็นสัดส่วนชัดเจน แถมกระโปรงก็สั้นจนเห็นต้นขาขาว “ไม่ล่ะ เดี๋ยวสาย เวไปส่งเชอร์ที่ร้านอาหารได้เลย” “ตกลงครับ” เวคาตกลงรับปากอย่างง่ายดาย แล้วก็ขับรถไปยังจุดหมายที่เธอต้องการ ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารจีนชื่อดังที่นักธุรกิจส่วนมากชอบมาทานข้าวที่นี่ “ขอบคุณที่มาส่งนะเว เชอร์ไปก่อนนะ” “ครับ” เชอร์รีลลงจากรถไปแล้ว เขามองตามแผ่นหลังบางจนลับสายตาอีกครั้ง ก่อนที่จะขับรถเลี้ยวเข้าไปจอดยังที่จอดของร้านอาหาร ห้องวีไอพีตรงชั้นสองคือจุดหมายของเขาเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เบาะรถถูกปรับเอนลงให้อยู่ในท่าที่สบายมากยิ่งขึ้น เสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ ก่อนที่เปลือกตาคมจะปิดลงเพื่อรอเวลา คนอย่างเวคาจะปล่อยให้พ่อตาพาเมียของเขามาเสนอให้คนอื่นได้อย่างไร ผ่านไปครู่ใหญ่ นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดู กว่าชั่วโมงแล้วที่เชอร์รีลเข้าไปข้างใน คงถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแสดงตัวเสียที เครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่ถูกดับลง ร่างสูงก้าวลงจากรถตรงไปยังห้องวีไอพีทีี่อยู่ชั้นสอง ผู้ชายตัวสูงในชุดช็อปแดงกับกางเกงยีนส์สีดำดูจะเด่นสะดุดตาเหล่าบรรดานักธุรกิจไม่น้อย “คุณครับ ไม่ทราบว่าได้จองไว้ไหมครับ” พนักงานที่ดูแลร้านอยู่รีบเดินมาดักทางไว้แล้วเอ่ยถาม ทั้งสีหน้าดูเป็นกังวล ราวกับกลัวว่าเขาจะมาถล่มที่นี่อย่างไรอย่างนั้น “มาห้องวีไอพีชั้นสอง ห้องของคุณชลิต” เวคาตอบออกไป แล้วพนักงานก็ยืนคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าให้เขา “อ๋อ...แขกคุณชลิตนี่เอง เชิญเลยครับ” พนักงานคนเดิมผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม เวคารีบก้าวเท้ายาว ๆ กว่าเดิมจนในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องเป้าหมาย บานประตูถูกผลักเข้าไปด้านใน เมื่อสายตาทุกคู่หันมาเห็นเขาทุกคนก็มีสีหน้าตกใจ โดยเฉพาะเชอร์รีลกับพ่อของเธอ “เว...เวมาได้ยังไง” หญิงสาวรีบลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม แต่สายตาของเวคากลับจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ แล้วปรายสายตามามองเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เวมาตามเมียกลับห้อง ไม่ได้หรือไง” คำตอบของเขาทำเอาเชอร์รีลหน้าถอดสี ก่อนที่จะหันกลับไปมองผู้เป็นบิดาที่เริ่มแสดงความโกรธออกมา “แกอย่ามาพูดอะไรส่งเดชที่นี่นะ กลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่มีใครมีธุระกับแก” ชลิตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมกับลุกมายืนประจันหน้า “คุณพ่อพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ” “ใครพ่อแก...” “อา...งั้นไม่เรียกพ่อก็ได้ครับ” เวคาตอบกลับด้วยสีหน้ายียวน ส่วนเชอร์รีลที่ยืนดูอยู่ก็เริ่มแสดงอาการกังวลออกมา เธอกลัวว่าเวคาจะอาละวาดจนที่นี่พังเละเทะไปเสียก่อน “คืออย่างนี้นะครับคุณลุง ผมมาส่งเมีย แล้วทีนี้ผมเห็นว่ามันนานแล้วก็เลยมาตามเมียกลับก็แค่นั้นครับ แค่มาทำหน้าที่ผัวที่ดีน่ะครับ ไม่มีอะไรมาก” ชลิตได้แต่ยืนกำมือแน่น มองหน้าเวคาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่จะหันกลับไปมองเพื่อนสนิทและลูกชายที่คาดหวังว่าจะเกี่ยวดองกันในตอนแรก แต่สองคนนั้นเริ่มมีสีหน้ารู้สึกไม่ดีเสียแล้ว “ลูกฉันไม่ใช่เมียแก” “เอ้า...จะไม่ใช่ได้ยังไงครับก็ในเมื่อผมกับเชอร์ เราได้กันแล้ว อืม...หลายรอบด้วยนะครับ” “เว!” คราวนี้เป็นเสียงเชอร์รีลที่ตวาดออกมา ดวงตาคู่สวยสั่นระริก เธอไม่ได้มีปัญหาที่ใครต่อใครจะรู้ว่าเคยมีอะไรกับเขา แต่มันต้องไม่ใช่สถานการณ์ที่กำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพ่อเธออย่างนี้ “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะเชอร์” เสียงทุ้มต่ำที่พูดออกมา เชอร์รีลรู้ดีว่าเวคากำลังกดเก็บความโกรธเอาไว้ และในตอนนี้มันคงไม่มีอะไรดีกว่าการที่พาเขากลับออกไปให้เร็วที่สุด ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD